ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”สั่งตรวจสอบน้ำมันปาล์ม หลังพบพิรุธโรงกลั่นไม่ซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัด ทั้งๆ ที่ความต้องการใช้ยังคงเดิม หวั่นลักลอบนำเข้า จนทำให้สต๊อกล้น ด้าน อคส. การันตีการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบโปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่ที่ต้องเริ่มต้นใหม่ เหตุต้องรอ ครม. อนุมัติการขึ้นทะเบียนเกษตรกรก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบในตลาดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่าโรงกลั่นไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัด ทั้งๆ ที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศยังคงมีสัดส่วนเท่าเดิม คือ ความต้องการใช้เดือนละ 1.55 แสนตัน แบ่งเป็นการบริโภค 8 หมื่นตัน และใช้เพื่อผลิตเอทานอลอีก 2-3 หมื่นตัน
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมโรงกลั่นไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัด และนำน้ำมันปาล์มดิบจากไหนมาใช้กลั่น จนทำให้โรงงานสกัดไม่สามารถระบายสต๊อกออกไปได้ ทำให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบค้างในสต๊อกมากถึง 4.45 แสนตัน จึงต้องไปหาสาเหตุว่าปริมาณการบริโภคในประเทศลดลงหรือไม่ รวมทั้งมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในประเทศหรือไม่ จนเป็นเหตุให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบล้นอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม น้ำมันปาล์มดิบในสต๊อกที่มีปริมาณมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เอกชนไม่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ เนื่องจากส่วนต่างระหว่างน้ำมันปาล์มดิบของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยอยู่ที่ 26.20 บาท/กก. แต่น้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียอยู่ที่ 19-20 บาท/กก. เท่านั้น
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) กล่าวว่า การรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการปริมาณ 2 แสนตัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และในส่วนการรับซื้อ 1 แสนตันแรก อคส. ก็ยังไม่ได้มีการรับซื้อจากโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการเนื่องจากต้องรอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำประชาคมเพื่อรับรองเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกปาล์มก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินการรับซื้อได้ โดยตามมติ กนป. ได้ให้ระยะเวลาการเข้ารับซื้อตั้งแต่เดือนมิ.ย.-พ.ย.2558 และขายหลักจากนั้น ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมี.ค.2559
“ที่มีกระแสข่าวบอกว่า อคส. ตุกติกเรื่องซื้อน้ำมันปาล์ม จะมีตุกติกได้อย่างไร ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย คนที่คิด คงรู้สึกว่าในอดีตมันมีปัญหาทุจริตเยอะ ก็เลยทำให้คิดอย่างนั้น แต่ยืนยันว่าถ้ายังนั่งเป็นประธานบอร์ดอยู่ เรื่องทุจริตไม่มีแน่ ส่วนการซื้อน้ำมันปาล์ม 2 แสนตัน ก็ต้องทำ 1 แสนแรกให้จบก่อน ซึ่งที่ผ่านมา
ก็ติดตรงการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จึงต้องมทำใหม่ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในทุกขั้นตอน”
สำหรับความคืบหน้าการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบล่าสุด ขณะนี้มีโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรแล้ว 48 แห่ง จากทั่วประเทศ 150 แห่ง ได้ทำสัญญาแล้ว 40 แห่ง เหลือ 8 แห่ง ยังไม่ทำสัญญา โดยกำหนดรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ราคา 4.20 บาท/กก. และอคส.จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดมาเก็บไว้ในราคา 26.20 บาท/กก. ซึ่งจะขาดทุนจากการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในต้นทุนดังกล่าวหรือไม่ ต้องดูว่า ปลายปีผลผลิตปาล์มลดน้อยลงและดันให้ราคาในประเทศสูงขึ้นหรือไม่ ถ้าขึ้น อคส. ก็ไม่ขาดทุน โดยเงินที่จำหน่ายปาล์มได้จะคืน คชก. ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบในตลาดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่าโรงกลั่นไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัด ทั้งๆ ที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศยังคงมีสัดส่วนเท่าเดิม คือ ความต้องการใช้เดือนละ 1.55 แสนตัน แบ่งเป็นการบริโภค 8 หมื่นตัน และใช้เพื่อผลิตเอทานอลอีก 2-3 หมื่นตัน
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมโรงกลั่นไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัด และนำน้ำมันปาล์มดิบจากไหนมาใช้กลั่น จนทำให้โรงงานสกัดไม่สามารถระบายสต๊อกออกไปได้ ทำให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบค้างในสต๊อกมากถึง 4.45 แสนตัน จึงต้องไปหาสาเหตุว่าปริมาณการบริโภคในประเทศลดลงหรือไม่ รวมทั้งมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในประเทศหรือไม่ จนเป็นเหตุให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบล้นอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม น้ำมันปาล์มดิบในสต๊อกที่มีปริมาณมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เอกชนไม่สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ เนื่องจากส่วนต่างระหว่างน้ำมันปาล์มดิบของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยอยู่ที่ 26.20 บาท/กก. แต่น้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียอยู่ที่ 19-20 บาท/กก. เท่านั้น
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) กล่าวว่า การรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการปริมาณ 2 แสนตัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และในส่วนการรับซื้อ 1 แสนตันแรก อคส. ก็ยังไม่ได้มีการรับซื้อจากโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการเนื่องจากต้องรอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำประชาคมเพื่อรับรองเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกปาล์มก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินการรับซื้อได้ โดยตามมติ กนป. ได้ให้ระยะเวลาการเข้ารับซื้อตั้งแต่เดือนมิ.ย.-พ.ย.2558 และขายหลักจากนั้น ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมี.ค.2559
“ที่มีกระแสข่าวบอกว่า อคส. ตุกติกเรื่องซื้อน้ำมันปาล์ม จะมีตุกติกได้อย่างไร ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย คนที่คิด คงรู้สึกว่าในอดีตมันมีปัญหาทุจริตเยอะ ก็เลยทำให้คิดอย่างนั้น แต่ยืนยันว่าถ้ายังนั่งเป็นประธานบอร์ดอยู่ เรื่องทุจริตไม่มีแน่ ส่วนการซื้อน้ำมันปาล์ม 2 แสนตัน ก็ต้องทำ 1 แสนแรกให้จบก่อน ซึ่งที่ผ่านมา
ก็ติดตรงการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จึงต้องมทำใหม่ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในทุกขั้นตอน”
สำหรับความคืบหน้าการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบล่าสุด ขณะนี้มีโรงสกัดที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรแล้ว 48 แห่ง จากทั่วประเทศ 150 แห่ง ได้ทำสัญญาแล้ว 40 แห่ง เหลือ 8 แห่ง ยังไม่ทำสัญญา โดยกำหนดรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ราคา 4.20 บาท/กก. และอคส.จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดมาเก็บไว้ในราคา 26.20 บาท/กก. ซึ่งจะขาดทุนจากการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในต้นทุนดังกล่าวหรือไม่ ต้องดูว่า ปลายปีผลผลิตปาล์มลดน้อยลงและดันให้ราคาในประเทศสูงขึ้นหรือไม่ ถ้าขึ้น อคส. ก็ไม่ขาดทุน โดยเงินที่จำหน่ายปาล์มได้จะคืน คชก. ทั้งหมด