ASTVผู้จัดการรายวัน-อคส.การันตี ซื้อน้ำมันปาล์มดิบเข้าเก็บสต๊อกโปร่งใส ยันเริ่มซื้อดันราคาแล้ว ย้ำหากหลักฐานไม่ครบ ไม่รับ ส่วนแท้งก์เก็บ เลือก “พีเค” เหตุเสนอราคาต่ำสุด มีที่เก็บตามที่ต้องการ เผย คชก. อนุมัติหลักการให้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 1 แสนตัน หลังพบผลผลิตเพิ่ม สต๊อกเกินอยู่กว่า 4 แสนตันหวังตอนขายช่วงปลายปีถึงต้นปี น่าจะมีกำไร
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อคส. ได้เริ่มเข้าไปซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อช่วยดึงราคาผลปาล์มดิบ ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ปริมาณ 1 แสนตัน เพื่อเก็บในสต๊อกแล้ว โดยในการรับซื้อ ได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจนทั้งเอกสารรับรองเกษตรกร โรงสกัดต้องมีบัญชีว่ารับซื้อจากเกษตรกรรายใด หากไม่ครบถ้วน ก็จะไม่รับซื้อ และล่าสุดเริ่มซื้อได้แล้วประมาณ 4 พันตัน
“อคส.ยืนยันว่า น้ำมันปาล์มดิบที่ซื้อเก็บในสต๊อก ต้องมีเอกสารหลักฐานครบถ้วน ถ้ามีไม่ครบ ก็จะไม่รับซื้อ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และป้องกันข้อครหาเรื่องทุจริต”
สำหรับน้ำมันปาล์มดิบที่รับซื้อมา ได้คัดเลือกบริษัท พีเค เป็นผู้จัดเก็บ เนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาในการจัดเก็บต่ำสุด ที่ราคาตันละ 214 บาท และมีคลังรองรับน้ำมันปาล์มดิบเพียงพอ โดยมีคลังที่ จ.สุราษฎร์ธานี เก็บได้ 1.75 แสนตัน ที่ จ.ฉะเชิงเทรา 1.5 หมื่นตัน ขณะที่รายอื่นอีก 3 ราย ได้เสนอคลังจัดเก็บรวมกันได้แค่ 2.66 หมื่นตัน
ซึ่งเก็บน้ำมันปาล์มดิบได้ไม่เพียงพอ และราคาค่าจัดเก็บยังเสนอแพงกว่าที่ตันละ 260-265 บาท
ทั้งนี้ ในการจัดเก็บ นอกจากค่าเช่าคลัง 214 บาทต่อตัน ยังมีค่าดูแลคุณภาพอีก 214 บาทต่อตัน โดยคิดค่าใช้จ่ายต่อเดือน และค่าประกัน 0.75% ต่อปี ที่จะคิดตามมูลค่าน้ำมันปาล์มดิบที่ฝากเก็บด้วย
นางจินตนากล่าวว่า อคส. ยังได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อขออนุมัติซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 1 แสนตัน หลังจากพบว่าปริมาณผลผลิตปาล์มสดมีจำนวนเพิ่มขึ้น และปริมาณสต๊อกสำรอง ได้เพิ่มสูงขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ในเดือนพ.ค.2558 ที่มีประมาณ 3 แสนตัน โดยเพิ่มเป็น 4.45 แสนตัน
ทำให้ต้องดึงผลผลิตส่วนเกินออกเพิ่มมากขึ้น เพื่อดึงราคาผลปาล์มดิบให้สูงขึ้น ซึ่ง คชก. ได้อนุมัติในหลักการให้ อคส. เข้าไปซื้อได้ แต่ต้องให้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามที่ได้รับอนุมัติจาก กนป. ในรอบแรก 1 แสนตันให้ได้ปริมาณ 6-7 หมื่นตันก่อน แล้วมาประเมินว่าควรจะซื้อเพิ่มต่อหรือไม่ ถ้าจำเป็นก็ให้ซื้อได้
ส่วนน้ำมันปาล์มดิบที่ อคส. ซื้อเก็บสต๊อกเอาไว้ คาดว่าจะเริ่มนำออกขายให้กับโรงกลั่นได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค.2558 ถึงก.พ.2559 เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มสดไม่มี โดยคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในช่วงนั้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหากจำหน่ายได้ตั้งแต่กิโลกรัม (กก.) ละ 28-29 บาท ก็จะทำให้ อคส. ขาดทุนเล็กน้อยถึงมีกำไรเล็กน้อย
แล้วแต่ว่าจะขายได้ราคาใด เนื่องต้นทุนที่รับซื้อ กก.ละ 26.20 บาท บวกต้นทุนค่าเช่าคลัง ค่าดูแลคุณภาพ และค่าประกัน รวมๆ แล้วประมาณ กก.ละ 28.88 บาทต่อการเก็บ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในการนำน้ำมันปาล์มดิบขายให้กับโรงกลั่น อคส. จะไม่เป็นผู้ขายเอง โดยจะเสนอให้ กนป. พิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อกำหนดราคาจำหน่าย
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อคส. ได้เริ่มเข้าไปซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อช่วยดึงราคาผลปาล์มดิบ ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ปริมาณ 1 แสนตัน เพื่อเก็บในสต๊อกแล้ว โดยในการรับซื้อ ได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจนทั้งเอกสารรับรองเกษตรกร โรงสกัดต้องมีบัญชีว่ารับซื้อจากเกษตรกรรายใด หากไม่ครบถ้วน ก็จะไม่รับซื้อ และล่าสุดเริ่มซื้อได้แล้วประมาณ 4 พันตัน
“อคส.ยืนยันว่า น้ำมันปาล์มดิบที่ซื้อเก็บในสต๊อก ต้องมีเอกสารหลักฐานครบถ้วน ถ้ามีไม่ครบ ก็จะไม่รับซื้อ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และป้องกันข้อครหาเรื่องทุจริต”
สำหรับน้ำมันปาล์มดิบที่รับซื้อมา ได้คัดเลือกบริษัท พีเค เป็นผู้จัดเก็บ เนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาในการจัดเก็บต่ำสุด ที่ราคาตันละ 214 บาท และมีคลังรองรับน้ำมันปาล์มดิบเพียงพอ โดยมีคลังที่ จ.สุราษฎร์ธานี เก็บได้ 1.75 แสนตัน ที่ จ.ฉะเชิงเทรา 1.5 หมื่นตัน ขณะที่รายอื่นอีก 3 ราย ได้เสนอคลังจัดเก็บรวมกันได้แค่ 2.66 หมื่นตัน
ซึ่งเก็บน้ำมันปาล์มดิบได้ไม่เพียงพอ และราคาค่าจัดเก็บยังเสนอแพงกว่าที่ตันละ 260-265 บาท
ทั้งนี้ ในการจัดเก็บ นอกจากค่าเช่าคลัง 214 บาทต่อตัน ยังมีค่าดูแลคุณภาพอีก 214 บาทต่อตัน โดยคิดค่าใช้จ่ายต่อเดือน และค่าประกัน 0.75% ต่อปี ที่จะคิดตามมูลค่าน้ำมันปาล์มดิบที่ฝากเก็บด้วย
นางจินตนากล่าวว่า อคส. ยังได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อขออนุมัติซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 1 แสนตัน หลังจากพบว่าปริมาณผลผลิตปาล์มสดมีจำนวนเพิ่มขึ้น และปริมาณสต๊อกสำรอง ได้เพิ่มสูงขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ในเดือนพ.ค.2558 ที่มีประมาณ 3 แสนตัน โดยเพิ่มเป็น 4.45 แสนตัน
ทำให้ต้องดึงผลผลิตส่วนเกินออกเพิ่มมากขึ้น เพื่อดึงราคาผลปาล์มดิบให้สูงขึ้น ซึ่ง คชก. ได้อนุมัติในหลักการให้ อคส. เข้าไปซื้อได้ แต่ต้องให้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามที่ได้รับอนุมัติจาก กนป. ในรอบแรก 1 แสนตันให้ได้ปริมาณ 6-7 หมื่นตันก่อน แล้วมาประเมินว่าควรจะซื้อเพิ่มต่อหรือไม่ ถ้าจำเป็นก็ให้ซื้อได้
ส่วนน้ำมันปาล์มดิบที่ อคส. ซื้อเก็บสต๊อกเอาไว้ คาดว่าจะเริ่มนำออกขายให้กับโรงกลั่นได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค.2558 ถึงก.พ.2559 เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มสดไม่มี โดยคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในช่วงนั้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหากจำหน่ายได้ตั้งแต่กิโลกรัม (กก.) ละ 28-29 บาท ก็จะทำให้ อคส. ขาดทุนเล็กน้อยถึงมีกำไรเล็กน้อย
แล้วแต่ว่าจะขายได้ราคาใด เนื่องต้นทุนที่รับซื้อ กก.ละ 26.20 บาท บวกต้นทุนค่าเช่าคลัง ค่าดูแลคุณภาพ และค่าประกัน รวมๆ แล้วประมาณ กก.ละ 28.88 บาทต่อการเก็บ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในการนำน้ำมันปาล์มดิบขายให้กับโรงกลั่น อคส. จะไม่เป็นผู้ขายเอง โดยจะเสนอให้ กนป. พิจารณาตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อกำหนดราคาจำหน่าย