มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะพ่ายแพ้...
มนุษย์-ทั้งชั่วและดีจึงต่อสู้โรมรันกันมา ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต การต่อสู้นี้...คนดี-ต้องชนะ-คนชั่วโดยเด็ดขาดเท่านั้น สังคมจึงจะสงบและเปี่ยมความยุติธรรม
หนังไทย-ฝรั่ง-จีน-อินเดีย ฯลฯ จะเริ่มด้วยคนชั่วย่ำยีคนดีก่อน ในโลกมายาจะจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอ นั่นคือ จบด้วยคนดี-ต้องชนะ-คนชั่วตลอด เพราะเป็นสัจธรรมที่ว่า ความดีย่อมชนะความชั่ว นั่นเอง
แต่ในโลกแห่งความจริงนั้น บางห้วง-คนชั่วชนะคนดีในบางเรื่องก็มีให้เห็น บางเรื่อง-ก็ผลัดกันแพ้ชนะ เช่น ทหารรัฐประหารยึดอำนาจจากเหลี่ยมได้ชั่วคราว พอมีการเลือกตั้งที่ซื้อเสียงได้ เหลี่ยมก็กลับมายึดอำนาจรัฐได้อีก เมื่อรัฐบาลเครือข่ายเหลี่ยมโกงชาติอีก ทหารก็รัฐประหารโค่นล้ม รัฐบาลใช้เงินซื้อเสียงของเหลี่ยมอีก...
จึงถือได้เลยว่า กลุ่มนักการเมืองกับทหารบางคนที่ไม่รักชาติด้วยใจจริง ได้สร้างวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายให้เกิดขึ้นกับชาติไทยชนิดซ้ำๆ ซากๆ ดังนี้
หนึ่ง-มีการเลือกตั้งใช้เงินซื้อเสียงที่สกปรก สอง-มีการตั้งรัฐบาลทุนสามานย์ โกงชาติกันอย่างมโหฬารโดยไม่กลัวกฎหมาย สาม-รัฐบาลโกงชาติจึงถูกประชาชนออกมาขับไล่ สี่-มีคณะนายทหารฉวยโอกาสทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาลโกงชาติที่มาจากการเลือกตั้งสกปรกลง
ห้า-ทั้งรัฐบาลเผด็จการทหารและรัฐบาลใช้เงินซื้อเสียง ล้วนไม่ยอมปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วนแม้แต่น้อย
ดังตัวอย่างยุค “มือมืดสีเขียวเรืองแสง” อาศัยจังหวะพันธมิตรฯ ชุมนุมอย่างสันติ ที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ปฏิบัติการลับๆ ล่อๆ “พลิกขั้วการเมือง” ดันก้น “หล่อจ้อเก่ง” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน “ชายม่านรูด”
“หล่อจ้อเก่ง” รู้ต้นเหตุปัญหาชาติเป็นอย่างดีว่า คนชั่วขึ้นปกครองชาติได้ ด้วยช่องทางใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง เมื่อได้เป็นรัฐบาลจึงต้องถอนทุนบวกกำไร ทำการคอร์รัปชันชาติกันอย่างตะกละตะกลาม นั่นคือ อธรรมแห่งการเมืองที่กลุ่มทุนสามานย์ปฏิบัติเป็นสรณะ
หากไม่ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วน อย่างน้อย “หล่อจ้อเก่ง” ก็ควรปฏิรูปการเมือง ทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมให้ได้ อีกทั้งต้องไม่ให้กลุ่มทุนสามานย์ ผูกขาดความเป็นเจ้าของพรรค ฝ่ายนิติบัญญัติ-สภาและฝ่ายบริหาร-รัฐบาล ต้องเป็นอิสระจากกันและตรวจสอบกันได้อย่างแท้จริง ฯลฯ
ที่สำคัญ...รัฐบาลหน้าไหนคอร์รัปชันโกงชาติ-ถูกจับได้ กฎหมายจะต้องลงโทษด้วยความเด็ดขาด เช่น คดีคอร์รัปชันต้องไม่หมดอายุความ ผู้ถูกกล่าวหาจะถูกอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ถ้าทำผิดจริงก็ต้องโดนยึดทรัพย์ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ฯลฯ
เป้าหมาย คือ ต้องทำให้กลุ่มทุนสามานย์ทางการเมือง ไม่คุ้มและไม่กล้าเข้ามาลงทุนใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากชาตินั่นเอง
แต่ “หล่อจ้อเก่ง” ที่มี “เทพเทือก” เป็นขาใหญ่ในรัฐบาล “พลิกขั้ว” ยุคนั้น ตั้งท่าฟอร์มโตจะปฏิรูปประเทศ โดยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปสองคณะ มีอดีตนายกฯ อานันท์ และหมอประเวศเป็นประธาน ผลาญงบประมาณไปเป็นร้อยๆ ล้าน แต่ก็ไม่ได้นำผลงานของคณะทำงานทั้งสองคณะ มาทำให้เกิดผลแม้แต่น้อย แถมยังปล่อยให้นักการเมืองร่วมรัฐบาล ปฏิบัติการ “สะสมเงินทอง” จากโครงการรัฐ เพื่อไปใช้ซื้อเสียงการเลือกตั้งจนฉาวโฉ่เสียอีก
เพราะคิดผิด-หลงผิด-ทำผิด ที่ “เอาเงินถุง” ไปสู้ “เงินถัง” หรือ “เอานักมวยรุ่นฟลายเวท” ไปขึ้นเวทีชกกับ “นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท” ผลคือแพ้แน่ๆ เพราะเอา “โผน กิ่งเพชร” ไปชกกับ “แคสเซียส เคลย์” ไงล่ะ
ที่สำคัญเป็นยุครัฐบาล “มะเขือเผา” หรือเป็นอีกรัฐบาลที่แสร้ง “ตามืดมัว” จนไม่แยกคนดีออกจากคนชั่ว เพราะอยากเป็น “พระเอกคนชั่ว” อย่างเหลี่ยมและพวก จนมีการแอบไปเจรจา “สมานฉันท์” กับนักโกงเมืองทั้งลับและเปิดเผยมาตลอด
นักการเมืองที่เป็นนักการทหารคนหนึ่งกล่าวว่า
“ถ้าไม่รบ-ก็จงอย่ารบ ถ้าจะรบ-จงรบให้เต็มที่จนกว่าจะชนะ” ที่สำคัญ “เวลาทำศึกสงครามต้องเฉียบขาด-ไม่ลังเล หลังชนะศึกจึงมีเมตตาธรรมต่อผู้แพ้”
ที่สำคัญ...ต้องรบหรือทำศึกสงครามที่เป็นธรรม พิชิตคนชั่วเพื่อพิทักษ์ปกป้องคนดีเท่านั้น!
เหลี่ยม “รบชนะ” จากการโกงในสนามเลือกตั้ง-ด้วยใจอำมหิต แต่เหลี่ยมกับพวกคือ “เปรตหิวโหย” ที่มุ่งโกยแต่ประโยชน์ใส่ตนและพวกเท่านั้น เป็นฝ่ายค้านก็ก่อการร้าย ทั้งเผาเมืองและฆ่าทหารกับผู้คน เหลี่ยมกับพวกจึงเป็นฝ่ายอธรรมโดยแท้ จนถูกพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่ ทำให้รัฐบาลเหลี่ยมกับเครือข่ายล้มลงถึงสามรัฐบาล
ผลงานที่กล้าหาญและเสียสละของพันธมิตรฯ ทำให้เกิดการพลิกขั้วทางการเมือง และรัฐประหารในยุครัฐบาลเหลี่ยมกับเครือข่ายครองอำนาจ
แต่รัฐบาลทหาร “บังเละ” กับรัฐบาล “จ้อเก่ง” ก็ทำได้แค่ตัดตอนอำนาจเหลี่ยมลง-ชั่วคราวเท่านั้น เพราะอยากสืบทอดอำนาจรัฐ จนหลงทางไป “สมานฉันท์” กับโจรปล้นชาติ
เมื่อรัฐบาลบังเละกับจ้อเก่ง-“กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรกผิด” คนดีทั้งหลายได้พยายามตะโกนเตือนสติ แต่รัฐบาลทั้งสองกลับดันทุรัง ไม่ยอมแก้ไขข้อผิดพลาด ด้วยการ “กลัดกระดุมเสื้อใหม่” ให้ถูกต้อง ทำให้เหลี่ยมและพวกอยู่รอดปลอดภัย กลับมาใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เอ...แล้วรัฐประหารของ “บิ๊กตู่-กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรก” ผิดอ๊ะป่าว? ต้องอ่านตอนสิบครับ...
มนุษย์-ทั้งชั่วและดีจึงต่อสู้โรมรันกันมา ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต การต่อสู้นี้...คนดี-ต้องชนะ-คนชั่วโดยเด็ดขาดเท่านั้น สังคมจึงจะสงบและเปี่ยมความยุติธรรม
หนังไทย-ฝรั่ง-จีน-อินเดีย ฯลฯ จะเริ่มด้วยคนชั่วย่ำยีคนดีก่อน ในโลกมายาจะจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอ นั่นคือ จบด้วยคนดี-ต้องชนะ-คนชั่วตลอด เพราะเป็นสัจธรรมที่ว่า ความดีย่อมชนะความชั่ว นั่นเอง
แต่ในโลกแห่งความจริงนั้น บางห้วง-คนชั่วชนะคนดีในบางเรื่องก็มีให้เห็น บางเรื่อง-ก็ผลัดกันแพ้ชนะ เช่น ทหารรัฐประหารยึดอำนาจจากเหลี่ยมได้ชั่วคราว พอมีการเลือกตั้งที่ซื้อเสียงได้ เหลี่ยมก็กลับมายึดอำนาจรัฐได้อีก เมื่อรัฐบาลเครือข่ายเหลี่ยมโกงชาติอีก ทหารก็รัฐประหารโค่นล้ม รัฐบาลใช้เงินซื้อเสียงของเหลี่ยมอีก...
จึงถือได้เลยว่า กลุ่มนักการเมืองกับทหารบางคนที่ไม่รักชาติด้วยใจจริง ได้สร้างวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายให้เกิดขึ้นกับชาติไทยชนิดซ้ำๆ ซากๆ ดังนี้
หนึ่ง-มีการเลือกตั้งใช้เงินซื้อเสียงที่สกปรก สอง-มีการตั้งรัฐบาลทุนสามานย์ โกงชาติกันอย่างมโหฬารโดยไม่กลัวกฎหมาย สาม-รัฐบาลโกงชาติจึงถูกประชาชนออกมาขับไล่ สี่-มีคณะนายทหารฉวยโอกาสทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาลโกงชาติที่มาจากการเลือกตั้งสกปรกลง
ห้า-ทั้งรัฐบาลเผด็จการทหารและรัฐบาลใช้เงินซื้อเสียง ล้วนไม่ยอมปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วนแม้แต่น้อย
ดังตัวอย่างยุค “มือมืดสีเขียวเรืองแสง” อาศัยจังหวะพันธมิตรฯ ชุมนุมอย่างสันติ ที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ปฏิบัติการลับๆ ล่อๆ “พลิกขั้วการเมือง” ดันก้น “หล่อจ้อเก่ง” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน “ชายม่านรูด”
“หล่อจ้อเก่ง” รู้ต้นเหตุปัญหาชาติเป็นอย่างดีว่า คนชั่วขึ้นปกครองชาติได้ ด้วยช่องทางใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง เมื่อได้เป็นรัฐบาลจึงต้องถอนทุนบวกกำไร ทำการคอร์รัปชันชาติกันอย่างตะกละตะกลาม นั่นคือ อธรรมแห่งการเมืองที่กลุ่มทุนสามานย์ปฏิบัติเป็นสรณะ
หากไม่ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วน อย่างน้อย “หล่อจ้อเก่ง” ก็ควรปฏิรูปการเมือง ทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมให้ได้ อีกทั้งต้องไม่ให้กลุ่มทุนสามานย์ ผูกขาดความเป็นเจ้าของพรรค ฝ่ายนิติบัญญัติ-สภาและฝ่ายบริหาร-รัฐบาล ต้องเป็นอิสระจากกันและตรวจสอบกันได้อย่างแท้จริง ฯลฯ
ที่สำคัญ...รัฐบาลหน้าไหนคอร์รัปชันโกงชาติ-ถูกจับได้ กฎหมายจะต้องลงโทษด้วยความเด็ดขาด เช่น คดีคอร์รัปชันต้องไม่หมดอายุความ ผู้ถูกกล่าวหาจะถูกอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ถ้าทำผิดจริงก็ต้องโดนยึดทรัพย์ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ฯลฯ
เป้าหมาย คือ ต้องทำให้กลุ่มทุนสามานย์ทางการเมือง ไม่คุ้มและไม่กล้าเข้ามาลงทุนใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากชาตินั่นเอง
แต่ “หล่อจ้อเก่ง” ที่มี “เทพเทือก” เป็นขาใหญ่ในรัฐบาล “พลิกขั้ว” ยุคนั้น ตั้งท่าฟอร์มโตจะปฏิรูปประเทศ โดยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปสองคณะ มีอดีตนายกฯ อานันท์ และหมอประเวศเป็นประธาน ผลาญงบประมาณไปเป็นร้อยๆ ล้าน แต่ก็ไม่ได้นำผลงานของคณะทำงานทั้งสองคณะ มาทำให้เกิดผลแม้แต่น้อย แถมยังปล่อยให้นักการเมืองร่วมรัฐบาล ปฏิบัติการ “สะสมเงินทอง” จากโครงการรัฐ เพื่อไปใช้ซื้อเสียงการเลือกตั้งจนฉาวโฉ่เสียอีก
เพราะคิดผิด-หลงผิด-ทำผิด ที่ “เอาเงินถุง” ไปสู้ “เงินถัง” หรือ “เอานักมวยรุ่นฟลายเวท” ไปขึ้นเวทีชกกับ “นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท” ผลคือแพ้แน่ๆ เพราะเอา “โผน กิ่งเพชร” ไปชกกับ “แคสเซียส เคลย์” ไงล่ะ
ที่สำคัญเป็นยุครัฐบาล “มะเขือเผา” หรือเป็นอีกรัฐบาลที่แสร้ง “ตามืดมัว” จนไม่แยกคนดีออกจากคนชั่ว เพราะอยากเป็น “พระเอกคนชั่ว” อย่างเหลี่ยมและพวก จนมีการแอบไปเจรจา “สมานฉันท์” กับนักโกงเมืองทั้งลับและเปิดเผยมาตลอด
นักการเมืองที่เป็นนักการทหารคนหนึ่งกล่าวว่า
“ถ้าไม่รบ-ก็จงอย่ารบ ถ้าจะรบ-จงรบให้เต็มที่จนกว่าจะชนะ” ที่สำคัญ “เวลาทำศึกสงครามต้องเฉียบขาด-ไม่ลังเล หลังชนะศึกจึงมีเมตตาธรรมต่อผู้แพ้”
ที่สำคัญ...ต้องรบหรือทำศึกสงครามที่เป็นธรรม พิชิตคนชั่วเพื่อพิทักษ์ปกป้องคนดีเท่านั้น!
เหลี่ยม “รบชนะ” จากการโกงในสนามเลือกตั้ง-ด้วยใจอำมหิต แต่เหลี่ยมกับพวกคือ “เปรตหิวโหย” ที่มุ่งโกยแต่ประโยชน์ใส่ตนและพวกเท่านั้น เป็นฝ่ายค้านก็ก่อการร้าย ทั้งเผาเมืองและฆ่าทหารกับผู้คน เหลี่ยมกับพวกจึงเป็นฝ่ายอธรรมโดยแท้ จนถูกพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่ ทำให้รัฐบาลเหลี่ยมกับเครือข่ายล้มลงถึงสามรัฐบาล
ผลงานที่กล้าหาญและเสียสละของพันธมิตรฯ ทำให้เกิดการพลิกขั้วทางการเมือง และรัฐประหารในยุครัฐบาลเหลี่ยมกับเครือข่ายครองอำนาจ
แต่รัฐบาลทหาร “บังเละ” กับรัฐบาล “จ้อเก่ง” ก็ทำได้แค่ตัดตอนอำนาจเหลี่ยมลง-ชั่วคราวเท่านั้น เพราะอยากสืบทอดอำนาจรัฐ จนหลงทางไป “สมานฉันท์” กับโจรปล้นชาติ
เมื่อรัฐบาลบังเละกับจ้อเก่ง-“กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรกผิด” คนดีทั้งหลายได้พยายามตะโกนเตือนสติ แต่รัฐบาลทั้งสองกลับดันทุรัง ไม่ยอมแก้ไขข้อผิดพลาด ด้วยการ “กลัดกระดุมเสื้อใหม่” ให้ถูกต้อง ทำให้เหลี่ยมและพวกอยู่รอดปลอดภัย กลับมาใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เอ...แล้วรัฐประหารของ “บิ๊กตู่-กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรก” ผิดอ๊ะป่าว? ต้องอ่านตอนสิบครับ...