โชคร้าย-ของชาติและประชาชนคนไทยนั้น มีเรื่อง “หวังดี” ที่กลายเป็นเรื่อง “ร้าย” มากมาย!
หวังดีที่กลายเป็นร้าย -คือ - ก่อนปี 2475 คนไทย - ชาติไทยไม่พร้อมในหลายมิติ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจ-การเมือง-การศึกษา-สังคม ฯลฯ ในการใช้ระบอบปกครองประชาธิปไตยตะวันตกทั้งดุ้น
แต่พลเรือนกับทหารกลุ่มหนึ่งได้ “ชิงสุกก่อนห่าม” ทำรัฐประหารในนาม “คณะราษฎร์” เปลี่ยนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ในปี 2475 แล้วเรียกเสียโก้หรูว่า...นี่เป็นระบอบปกครองประชาธิปไตยที่แท้จริงแบบฝรั่งมังค่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนความไม่พร้อมของชาติและประชาชนคนไทย ก่อวิกฤตให้ชาติและประชาชนทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ นับแต่อดีตตราบปัจจุบันมิสิ้นสุด
รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายหลักของระบอบปกครองประชาธิปไตย ถูกฉีก-ถูกร่างใหม่ซ้ำซากตลอดเวลา จนการเมืองไทยก่อเกิดวงจรอุบาทว์ ดังนี้
เดี๋ยว-ประเทศไทยก็มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง-ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน!
เดี๋ยว-ประเทศไทยก็มีรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร-ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน!
ทั้งสองรัฐบาลนี้ทำเพียงแค่ “สมบัติผลัดกันชม” ไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาการเมืองไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งยึดประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก
การเมืองไทยจึงลุ่มๆ ดอนๆ และเป็นแค่ “คณา – ธนา - โจราธิปไตย” เท่านั้น โดยทศวรรษกว่าที่ผ่านมา การเมืองไทยต้องจมปลักอยู่กับวิกฤตชาติร้ายแรงใหญ่หลวงยิ่งนัก ต้นเหตุปัญหาชั่วร้ายล้วนเกิดจากคนชั่วเข้ามากอบโกยประโยชน์ให้ตนกับพวกเท่านั้น
ทั้งนี้...เพราะกลุ่มคนชั่วเห็น “เงินงบประมาณแผ่นดินมหาศาล” ที่รัฐรีดจากประชาชนทั้งชาติ เป็น “ขุมทรัพย์” ที่คนชั่วจะโกงกินทุกปีได้โดยมิรู้หมดนั่นเอง
โชคร้าย - ของชาติและคนไทยที่กลุ่มคนชั่วเห็นความไม่พร้อมของชาติและคนไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะมิติทางเศรษฐกิจ – การเมือง – การศึกษา - สังคม ฯลฯ ว่า สามารถใช้ทั้งเงินซื้อเสียงและการโกง ไปคว้าเอาชัยชนะในการเลือกตั้งได้
ยิ่งกฎหมายลงโทษคนโกงเลือกตั้งและโกงชาติ และคนในองค์กรที่มีหน้าที่ทำการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม- เบามาก
กลุ่มคนชั่วที่จะยึดอำนาจรัฐ จึงทุ่มผลประโยชน์สารพัดชนิดให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องทำให้ การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมเหล่านั้น ละเลย-เพิกเฉย-แกล้งโง่ ด้วยการ “เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่” ปล่อยให้กลุ่มคนชั่วทำผิดกฎหมาย โดยไม่ถูกลงโทษ และสะดวกกับการใช้เงินและโกง ไปเอาชัยเหนือคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง อันนำไปสู่การยึดรัฐสภาและรัฐบาลไว้ปล้นชาติ
กว่าทศวรรษที่ “นายทุนสามานย์” ใช้เงินซื้อเสียงอย่างน้อย 25 - 30 ล้านบาทต่อเขตเลือกตั้ง บางเขตที่ผู้สมัครมีโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรี นอกจากจะสู้กันเงินซื้อเสียงนับ 100 ล้านบาทแล้ว ยังใช้กระสุนปืนฆ่าหัวคะแนนคู่แข่ง กระทั่งบางครั้งสังหารผู้สมัครรับเลือกตั้งกันเลย
นายทุนสามานย์ที่ทำธุรกิจการเมืองด้วยเงินมหาศาลนับหมื่นล้านบาท ต่อสู้ห้ำหั่นในสนามเลือกตั้งอย่างดุเดือด ก็เพื่อจะได้เข้าไปใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชันโกงกินเงินงบประมาณชาติที่เพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 ล้านล้านบาทต่อปี รวมทั้งผลประโยชน์ในโครงการต่างๆ ทั้งของรัฐวิสาหกิจและของเอกชนอีกด้วย
ดังนั้น ทุนสามานย์เหลี่ยมเป็นรัฐบาลเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ก็ใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชันโกงชาติไปหลายแสนล้านบาท
การเมืองไทยได้กลายเป็นธุรกิจที่ทุนสามานย์ทุกฝ่ายเห็นเงินชาติและประชาชน เป็นขุมทรัพย์ส่วนตัวของตนและพวกพ้อง จนเกิดการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อยึดอำนาจรัฐไปใช้โกงชาติกัน มิใช่ใช้อำนาจรัฐไปทำเพื่อชาติและประชาชน
โชคดี - ที่ชาติมีคนไทยรักชาติ-กล้าหาญ-กล้าเสียสละออกมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนสามานย์กับพวกโกงชาติและล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง ถ้าชาติไร้ประชาชนรักชาติและกล้าหาญเหล่านี้ ใต้อุ้งมืออำมหิตของรัฐบาลทุนสามานย์ ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการล้มรัฐไทยปัจจุบัน เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่เลียนแบบตะวันตก
ภายใต้การปกครองอันอหังการของรัฐบาลทุนสามานย์ที่โกงชาติและล้มเจ้า หากไร้ซึ่งคนไทยที่รักชาติ – กล้าหาญ - กล้าเสียสละเหล่านี้ ชาติ – ศาสนา - พระมหากษัตริย์ จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร...???
ทุกครั้งที่ประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อชาติ จะถูกรัฐบาลชั่วกับพวกเข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อนจนบาดเจ็บล้มตายมากมาย นายทหารกลุ่มหนึ่งจะฉวยโอกาสนี้ออกมารัฐประหารโค่นล้ม รัฐบาลทุนสามานย์ที่โกงชาติและล้มเจ้า
โชคร้าย -< b>ของชาติและคนไทยที่การรัฐประหารครั้งแรก ไม่มีการปฏิรูปชาติไทยใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการลงโทษกลุ่มทุนสามานย์กับพวกที่ใช้เงินยึดอำนาจรัฐ – ปล้นชาติ - ล้มเจ้าอย่างจริงจังเท่าที่ควร เพราะหลงงมงายว่า “งาช้างจะงอกจากปากสุนัข”< b> จึงแอบไป “สมานฉันท์” < b> กับกลุ่มทุนสามานย์ และพวกที่โกงชาติและล้มเจ้าเสมอ
เมื่อคณะเผด็จการทหารเร่งให้มีการเลือกตั้ง เครือข่ายทุนสามานย์ก็กลับมายึดอำนาจรัฐ ทำการปล้นชาติและล้มเจ้าอย่างรุนแรงได้อีกครา ประชาชนที่รักชาติจึงต้องออกมาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บล้มตายกันมากมายอีกครั้ง ส่งผลให้นายกฯ เครือข่ายทุนสามานย์หลุดออกจากตำแหน่งติดต่อกันถึง 2 คน
ก่อนที่ชาติไทยจะได้นายกฯ “ส้มหล่น” ซึ่งเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อชีวิตของประชาชน ที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญและเสียสละบนท้องถนนนั่นเอง…
หวังดีที่กลายเป็นร้าย -คือ - ก่อนปี 2475 คนไทย - ชาติไทยไม่พร้อมในหลายมิติ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจ-การเมือง-การศึกษา-สังคม ฯลฯ ในการใช้ระบอบปกครองประชาธิปไตยตะวันตกทั้งดุ้น
แต่พลเรือนกับทหารกลุ่มหนึ่งได้ “ชิงสุกก่อนห่าม” ทำรัฐประหารในนาม “คณะราษฎร์” เปลี่ยนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ในปี 2475 แล้วเรียกเสียโก้หรูว่า...นี่เป็นระบอบปกครองประชาธิปไตยที่แท้จริงแบบฝรั่งมังค่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนความไม่พร้อมของชาติและประชาชนคนไทย ก่อวิกฤตให้ชาติและประชาชนทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ นับแต่อดีตตราบปัจจุบันมิสิ้นสุด
รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายหลักของระบอบปกครองประชาธิปไตย ถูกฉีก-ถูกร่างใหม่ซ้ำซากตลอดเวลา จนการเมืองไทยก่อเกิดวงจรอุบาทว์ ดังนี้
เดี๋ยว-ประเทศไทยก็มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง-ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน!
เดี๋ยว-ประเทศไทยก็มีรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร-ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน!
ทั้งสองรัฐบาลนี้ทำเพียงแค่ “สมบัติผลัดกันชม” ไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาการเมืองไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งยึดประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก
การเมืองไทยจึงลุ่มๆ ดอนๆ และเป็นแค่ “คณา – ธนา - โจราธิปไตย” เท่านั้น โดยทศวรรษกว่าที่ผ่านมา การเมืองไทยต้องจมปลักอยู่กับวิกฤตชาติร้ายแรงใหญ่หลวงยิ่งนัก ต้นเหตุปัญหาชั่วร้ายล้วนเกิดจากคนชั่วเข้ามากอบโกยประโยชน์ให้ตนกับพวกเท่านั้น
ทั้งนี้...เพราะกลุ่มคนชั่วเห็น “เงินงบประมาณแผ่นดินมหาศาล” ที่รัฐรีดจากประชาชนทั้งชาติ เป็น “ขุมทรัพย์” ที่คนชั่วจะโกงกินทุกปีได้โดยมิรู้หมดนั่นเอง
โชคร้าย - ของชาติและคนไทยที่กลุ่มคนชั่วเห็นความไม่พร้อมของชาติและคนไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะมิติทางเศรษฐกิจ – การเมือง – การศึกษา - สังคม ฯลฯ ว่า สามารถใช้ทั้งเงินซื้อเสียงและการโกง ไปคว้าเอาชัยชนะในการเลือกตั้งได้
ยิ่งกฎหมายลงโทษคนโกงเลือกตั้งและโกงชาติ และคนในองค์กรที่มีหน้าที่ทำการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม- เบามาก
กลุ่มคนชั่วที่จะยึดอำนาจรัฐ จึงทุ่มผลประโยชน์สารพัดชนิดให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องทำให้ การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมเหล่านั้น ละเลย-เพิกเฉย-แกล้งโง่ ด้วยการ “เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่” ปล่อยให้กลุ่มคนชั่วทำผิดกฎหมาย โดยไม่ถูกลงโทษ และสะดวกกับการใช้เงินและโกง ไปเอาชัยเหนือคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง อันนำไปสู่การยึดรัฐสภาและรัฐบาลไว้ปล้นชาติ
กว่าทศวรรษที่ “นายทุนสามานย์” ใช้เงินซื้อเสียงอย่างน้อย 25 - 30 ล้านบาทต่อเขตเลือกตั้ง บางเขตที่ผู้สมัครมีโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรี นอกจากจะสู้กันเงินซื้อเสียงนับ 100 ล้านบาทแล้ว ยังใช้กระสุนปืนฆ่าหัวคะแนนคู่แข่ง กระทั่งบางครั้งสังหารผู้สมัครรับเลือกตั้งกันเลย
นายทุนสามานย์ที่ทำธุรกิจการเมืองด้วยเงินมหาศาลนับหมื่นล้านบาท ต่อสู้ห้ำหั่นในสนามเลือกตั้งอย่างดุเดือด ก็เพื่อจะได้เข้าไปใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชันโกงกินเงินงบประมาณชาติที่เพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 ล้านล้านบาทต่อปี รวมทั้งผลประโยชน์ในโครงการต่างๆ ทั้งของรัฐวิสาหกิจและของเอกชนอีกด้วย
ดังนั้น ทุนสามานย์เหลี่ยมเป็นรัฐบาลเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ก็ใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชันโกงชาติไปหลายแสนล้านบาท
การเมืองไทยได้กลายเป็นธุรกิจที่ทุนสามานย์ทุกฝ่ายเห็นเงินชาติและประชาชน เป็นขุมทรัพย์ส่วนตัวของตนและพวกพ้อง จนเกิดการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อยึดอำนาจรัฐไปใช้โกงชาติกัน มิใช่ใช้อำนาจรัฐไปทำเพื่อชาติและประชาชน
โชคดี - ที่ชาติมีคนไทยรักชาติ-กล้าหาญ-กล้าเสียสละออกมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทุนสามานย์กับพวกโกงชาติและล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง ถ้าชาติไร้ประชาชนรักชาติและกล้าหาญเหล่านี้ ใต้อุ้งมืออำมหิตของรัฐบาลทุนสามานย์ ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการล้มรัฐไทยปัจจุบัน เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่เลียนแบบตะวันตก
ภายใต้การปกครองอันอหังการของรัฐบาลทุนสามานย์ที่โกงชาติและล้มเจ้า หากไร้ซึ่งคนไทยที่รักชาติ – กล้าหาญ - กล้าเสียสละเหล่านี้ ชาติ – ศาสนา - พระมหากษัตริย์ จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร...???
ทุกครั้งที่ประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อชาติ จะถูกรัฐบาลชั่วกับพวกเข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อนจนบาดเจ็บล้มตายมากมาย นายทหารกลุ่มหนึ่งจะฉวยโอกาสนี้ออกมารัฐประหารโค่นล้ม รัฐบาลทุนสามานย์ที่โกงชาติและล้มเจ้า
โชคร้าย -< b>ของชาติและคนไทยที่การรัฐประหารครั้งแรก ไม่มีการปฏิรูปชาติไทยใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการลงโทษกลุ่มทุนสามานย์กับพวกที่ใช้เงินยึดอำนาจรัฐ – ปล้นชาติ - ล้มเจ้าอย่างจริงจังเท่าที่ควร เพราะหลงงมงายว่า “งาช้างจะงอกจากปากสุนัข”< b> จึงแอบไป “สมานฉันท์” < b> กับกลุ่มทุนสามานย์ และพวกที่โกงชาติและล้มเจ้าเสมอ
เมื่อคณะเผด็จการทหารเร่งให้มีการเลือกตั้ง เครือข่ายทุนสามานย์ก็กลับมายึดอำนาจรัฐ ทำการปล้นชาติและล้มเจ้าอย่างรุนแรงได้อีกครา ประชาชนที่รักชาติจึงต้องออกมาต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บล้มตายกันมากมายอีกครั้ง ส่งผลให้นายกฯ เครือข่ายทุนสามานย์หลุดออกจากตำแหน่งติดต่อกันถึง 2 คน
ก่อนที่ชาติไทยจะได้นายกฯ “ส้มหล่น” ซึ่งเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อชีวิตของประชาชน ที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญและเสียสละบนท้องถนนนั่นเอง…
