ศูนย์ข่าวภาคอีสาน-ระดับน้ำโขงตามแนวจังหวัดชายแดนไทย-สปป.ลาวน่าห่วง หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใกล้ถึงระดับวิกฤตเผยระดับน้ำโขงที่เชียงคาน พัดกระท่อมร้านอาหารริมโขงพังเสียหายหลายหลัง ขณะที่หนองคาย น้ำโขงท่วมลานกิจกรรมและจุดชมวิว ท่าเรือหายโศกแล้ว ส่วนที่นครพนมกระทบผู้เลี้ยงปลาในกระชังเสียหาย ขณะที่น้ำป่าจากดอยสันต้นกอก เทือกเขาดอยนางแล ทะลักท่วมถนนเชียงราย-แม่สาย แถบหน้า ม.แม่ฟ้าหลวงฝั่งขาขึ้นจมมิดใต้บาดาล
ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงวานนี้ (6 ส.ค.) ตามพื้นที่จังหวัดแนวชายแดนไทย-สปป.ลาว น่าเป็นห่วง หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำโขงสูงขึ้นจนใกล้ระดับวิกฤต ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังอย่างฉับพลัน และยังพบว่าหลายพื้นที่น้ำโขงเริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าว พืชไร่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำโขงเริ่มได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
นางจันทนา เลขะวัฒนะ ผอ.ศูนย์สำรวจ อุทกศาสตร์เชียงคาน กล่าวถึงสถานการณ์ระดับน้ำโขงที่ จ.เลย ว่า ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน อ.เชียงคาน และ อ.ปากชม สูงขึ้นมาก วัดได้อยู่ที่ระดับ 13.23 เมตร เพิ่มจากวันที่ 5 ส.ค.ถึง 0.93 เมตร ใกล้ถึงระดับวิกฤตเพียงแค่ 1.27 เมตรภาวะ ซึ่งต้องเตรียมพร้อมรับน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ โดยระดับน้ำโขงจะไปดันน้ำสาขา อาทิ แม่น้ำเลยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญน้ำจากจังหวัดทางตอนเหนือจะเดินทางมาถึง จ.เลยอีก 2-3 วัน ทำให้ระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอีก
น.ส.นุชรี ไกยสิทธิ์ เจ้าของร้านปลาเผาคกไผ่ อ.ปากชม จ.เลย กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำโขงสูงขึ้นมาก ตกชั่วโมงละหลายเซนติเมตร ทำให้ร้านค้าหรือกระท่อมที่อยู่ริมน้ำ ถูกพัดเสียหายไปหายหลัง สภาพพื้นที่โดยทั่วไปของบ้านคกไผ่จะเป็นเกาะ แก่ง เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวธรรมชาติ มีร้านอาหารริมน้ำอยู่หลายแห่ง แต่ระดับน้ำโขงที่เพิ่มทำให้กระท่อมริมน้ำเสียหาย โดยที่ร้านมีกระท่อมเสียหายไปแล้วกว่า 10 หลัง
ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.หนองคาย ระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นทะลุ 10 เมตรแล้ว ถือเป็นระดับสูงสุด ทุบสถิติสูงสุดในรอบปีของระดับน้ำโขงเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ล่าสุดวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อ.เมือง จ.หนองคาย อยู่ที่ระดับ 10.66 เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ถึง 160 เซนติเมตร ห่างจากระดับวิกฤตเพียง 1.64 เมตรเท่านั้น โดยระดับน้ำโขงยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เนื่องจากมวลน้ำจากทางตอนเหนือทั้งที่ อ.เชียงคาน และ อ.เชียงของยังสูงขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำเริ่มล้นเข้าท่วมลานกิจกรรมและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือหายโศกของทางเทศบาลเมืองหนองคาย
ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีน้ำไหลทะลักมาจากภาคเหนือ และน้ำป่าจากเทือกเขาฝั่งลาวและฝั่งไทยไหลลงสู่น้ำโขง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอตามแนวลำน้ำโขง เช่น อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.ศรีสงคราม อ.เมืองนครพนม อ.ธาตุพนม โดยเฉพาะบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ขณะนี้น้ำโขงขึ้นสูงท่วมซุ้มร้านอาหารหลายแห่งริมตลิ่ง ทั้งส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงปลาในกระซังริมฝั่งแม่น้ำโขงด้วย
นายแก้วมณี บุตรสิงขรณ์ ชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำโขงเขตบ้านท่าควายเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ตนเลี้ยงปลา 10 หลุม หลุมละ 400 ตัว มีทั้งปลาเผาะ ปลานิล ปลาหมอ ช่วงน้ำโขงขึ้นและไหลแรง ต้องระมัดระวังมาก ต้องใช้เชือกหรือลวดสลิงดึงกระชังปลาเข้ามาเกือบติดฝั่ง โดยใช้ไม้ไผ่ยันกระชังไว้ไม่ให้น้ำซัดกระชังกระแทกตลิ่ง จุดที่อันตรายที่สุด คือ เศษขอนไม้ไหลมาตามน้ำซัดกระชังขาด ซึ่งปีนี้น้ำโขงเพิ่มขึ้นรวดเร็วและไหลแรงมาก แค่ต้นเดือนส.ค.น้ำยังขึ้นขนาดนี้ ที่น่าห่วงคือช่วงปลาย ส.ค.และ ก.ย.จะมีพายุหลายลูกเข้ามา
ส่วนที่ จ.เชียงราย หลังมีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าจากดอยสันต้นกอก เทือกเขาดอยนางแลไหลบ่าลงมาตามแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ และเอ่อท่วมชุมชนติดถนนพหลโยธินบริเวณบ้านห้วยพลู ม.6 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย แล้ว โดยกระแสน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านห้วยพลู โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านห้วยพลู ติดสี่แยกหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จนต้องปิดทำการเรียนการสอนชั่วคราว เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มที่ถูกน้ำเข้าท่วมเป็นประจำเกือบทุกปี
นอกจากนี้ บ้านเรือน ร้านค้าตลอดแนวทางฝั่งขาขึ้นของถนนพหลโยธิน ก็ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าสุด และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงต้องออกมาอำนวยความสะดวกการจราจร จัดให้รถวิ่งได้ช่องทางขาขึ้นช่องทางเดียวและเร่งระบายน้ำ รวมทั้งป้องกันเศษวัชพืชอุดตันท่อเพื่อระบายน้ำไปทางลำน้ำแม่ข้าวต้มในฝั่งตะวันออกของถนนพหลโยธิน
ข่าวแจ้งด้วยว่า เนื่องจากกระแสน้ำไหลบ่าลงมาเป็นจำนวนมากและยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากพื้นที่บ้านบ่อทอง บ้านห้วยเคียน ห้วยท่าสุด และบ้านศรีป่าซาง ยังคงไหลบ่าตามลำห้วยต่างๆ ลงมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำ แต่การจราจรโดยเฉพาะฝั่งถนนขาขึ้นติดขัดเป็นทางยาว ระดับน้ำลึกตั้งแต่ 30-50 ซม. ผู้สัญจรทางรถ และเดินตามทางเดินเท้าต้องใช้ความระมัดระวัง ทางเทศบาลตำบลท่าสุด ต้องนำกระสอบทรายไปกั้นตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะหน้าโรงเรียนบ้านห้วยพลู ขณะที่ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำนางแลใน ซึ่งไหลลงสู่ลำน้ำนาง ลดต่ำลง และไม่เติมน้ำจากดอยสันต้นกอก ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ท่าสุด ต.นางแล ต.บ้านดู่ อ.เมือง ที่อยู่ติดถนนพหลโยธินยังไม่หนักเหมือนปีที่ผ่านมา
ด้านสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงก็ลดลงเหลือลึก 7.10 เมตร จากเดิมวันก่อนที่ลึกประมาณ 7.30 เมตร เช่นเดียวกับลำน้ำสายชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ที่ลดต่ำลง อย่างไรก็ตามยังคงต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากบรรยากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่
ที่ภาคใต้ นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นนั้นทางจังหวัด ได้แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำและชายฝั่งทะเล เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตราย ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งมิสเตอร์เตือนภัยที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยงภัยแจ้งข้อมูลสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ได้รับทราบโดยเร็วเพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
ขณะที่ นพ.ธนิต เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับประชาชนในช่วงนี้คือโรคที่มากับฤดูฝน โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุข ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งตลอดจนเจ้าของบ้าน ได้ร่วมรณรงค์เพื่อทำลายแหล่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก
ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงวานนี้ (6 ส.ค.) ตามพื้นที่จังหวัดแนวชายแดนไทย-สปป.ลาว น่าเป็นห่วง หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำโขงสูงขึ้นจนใกล้ระดับวิกฤต ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังอย่างฉับพลัน และยังพบว่าหลายพื้นที่น้ำโขงเริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าว พืชไร่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำโขงเริ่มได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
นางจันทนา เลขะวัฒนะ ผอ.ศูนย์สำรวจ อุทกศาสตร์เชียงคาน กล่าวถึงสถานการณ์ระดับน้ำโขงที่ จ.เลย ว่า ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน อ.เชียงคาน และ อ.ปากชม สูงขึ้นมาก วัดได้อยู่ที่ระดับ 13.23 เมตร เพิ่มจากวันที่ 5 ส.ค.ถึง 0.93 เมตร ใกล้ถึงระดับวิกฤตเพียงแค่ 1.27 เมตรภาวะ ซึ่งต้องเตรียมพร้อมรับน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ โดยระดับน้ำโขงจะไปดันน้ำสาขา อาทิ แม่น้ำเลยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญน้ำจากจังหวัดทางตอนเหนือจะเดินทางมาถึง จ.เลยอีก 2-3 วัน ทำให้ระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอีก
น.ส.นุชรี ไกยสิทธิ์ เจ้าของร้านปลาเผาคกไผ่ อ.ปากชม จ.เลย กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำโขงสูงขึ้นมาก ตกชั่วโมงละหลายเซนติเมตร ทำให้ร้านค้าหรือกระท่อมที่อยู่ริมน้ำ ถูกพัดเสียหายไปหายหลัง สภาพพื้นที่โดยทั่วไปของบ้านคกไผ่จะเป็นเกาะ แก่ง เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวธรรมชาติ มีร้านอาหารริมน้ำอยู่หลายแห่ง แต่ระดับน้ำโขงที่เพิ่มทำให้กระท่อมริมน้ำเสียหาย โดยที่ร้านมีกระท่อมเสียหายไปแล้วกว่า 10 หลัง
ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.หนองคาย ระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นทะลุ 10 เมตรแล้ว ถือเป็นระดับสูงสุด ทุบสถิติสูงสุดในรอบปีของระดับน้ำโขงเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ล่าสุดวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อ.เมือง จ.หนองคาย อยู่ที่ระดับ 10.66 เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ถึง 160 เซนติเมตร ห่างจากระดับวิกฤตเพียง 1.64 เมตรเท่านั้น โดยระดับน้ำโขงยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก เนื่องจากมวลน้ำจากทางตอนเหนือทั้งที่ อ.เชียงคาน และ อ.เชียงของยังสูงขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำเริ่มล้นเข้าท่วมลานกิจกรรมและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือหายโศกของทางเทศบาลเมืองหนองคาย
ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีน้ำไหลทะลักมาจากภาคเหนือ และน้ำป่าจากเทือกเขาฝั่งลาวและฝั่งไทยไหลลงสู่น้ำโขง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอตามแนวลำน้ำโขง เช่น อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.ศรีสงคราม อ.เมืองนครพนม อ.ธาตุพนม โดยเฉพาะบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ขณะนี้น้ำโขงขึ้นสูงท่วมซุ้มร้านอาหารหลายแห่งริมตลิ่ง ทั้งส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงปลาในกระซังริมฝั่งแม่น้ำโขงด้วย
นายแก้วมณี บุตรสิงขรณ์ ชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำโขงเขตบ้านท่าควายเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ตนเลี้ยงปลา 10 หลุม หลุมละ 400 ตัว มีทั้งปลาเผาะ ปลานิล ปลาหมอ ช่วงน้ำโขงขึ้นและไหลแรง ต้องระมัดระวังมาก ต้องใช้เชือกหรือลวดสลิงดึงกระชังปลาเข้ามาเกือบติดฝั่ง โดยใช้ไม้ไผ่ยันกระชังไว้ไม่ให้น้ำซัดกระชังกระแทกตลิ่ง จุดที่อันตรายที่สุด คือ เศษขอนไม้ไหลมาตามน้ำซัดกระชังขาด ซึ่งปีนี้น้ำโขงเพิ่มขึ้นรวดเร็วและไหลแรงมาก แค่ต้นเดือนส.ค.น้ำยังขึ้นขนาดนี้ ที่น่าห่วงคือช่วงปลาย ส.ค.และ ก.ย.จะมีพายุหลายลูกเข้ามา
ส่วนที่ จ.เชียงราย หลังมีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าจากดอยสันต้นกอก เทือกเขาดอยนางแลไหลบ่าลงมาตามแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ และเอ่อท่วมชุมชนติดถนนพหลโยธินบริเวณบ้านห้วยพลู ม.6 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย แล้ว โดยกระแสน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านห้วยพลู โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านห้วยพลู ติดสี่แยกหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จนต้องปิดทำการเรียนการสอนชั่วคราว เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มที่ถูกน้ำเข้าท่วมเป็นประจำเกือบทุกปี
นอกจากนี้ บ้านเรือน ร้านค้าตลอดแนวทางฝั่งขาขึ้นของถนนพหลโยธิน ก็ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าสุด และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงต้องออกมาอำนวยความสะดวกการจราจร จัดให้รถวิ่งได้ช่องทางขาขึ้นช่องทางเดียวและเร่งระบายน้ำ รวมทั้งป้องกันเศษวัชพืชอุดตันท่อเพื่อระบายน้ำไปทางลำน้ำแม่ข้าวต้มในฝั่งตะวันออกของถนนพหลโยธิน
ข่าวแจ้งด้วยว่า เนื่องจากกระแสน้ำไหลบ่าลงมาเป็นจำนวนมากและยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากพื้นที่บ้านบ่อทอง บ้านห้วยเคียน ห้วยท่าสุด และบ้านศรีป่าซาง ยังคงไหลบ่าตามลำห้วยต่างๆ ลงมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำ แต่การจราจรโดยเฉพาะฝั่งถนนขาขึ้นติดขัดเป็นทางยาว ระดับน้ำลึกตั้งแต่ 30-50 ซม. ผู้สัญจรทางรถ และเดินตามทางเดินเท้าต้องใช้ความระมัดระวัง ทางเทศบาลตำบลท่าสุด ต้องนำกระสอบทรายไปกั้นตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะหน้าโรงเรียนบ้านห้วยพลู ขณะที่ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำนางแลใน ซึ่งไหลลงสู่ลำน้ำนาง ลดต่ำลง และไม่เติมน้ำจากดอยสันต้นกอก ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ท่าสุด ต.นางแล ต.บ้านดู่ อ.เมือง ที่อยู่ติดถนนพหลโยธินยังไม่หนักเหมือนปีที่ผ่านมา
ด้านสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงก็ลดลงเหลือลึก 7.10 เมตร จากเดิมวันก่อนที่ลึกประมาณ 7.30 เมตร เช่นเดียวกับลำน้ำสายชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ที่ลดต่ำลง อย่างไรก็ตามยังคงต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากบรรยากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่
ที่ภาคใต้ นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นนั้นทางจังหวัด ได้แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำและชายฝั่งทะเล เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตราย ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งมิสเตอร์เตือนภัยที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยงภัยแจ้งข้อมูลสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ได้รับทราบโดยเร็วเพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
ขณะที่ นพ.ธนิต เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับประชาชนในช่วงนี้คือโรคที่มากับฤดูฝน โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุข ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งตลอดจนเจ้าของบ้าน ได้ร่วมรณรงค์เพื่อทำลายแหล่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก
