xs
xsm
sm
md
lg

เตือน16จว.รับมือฝนตก ปภ.เฝ้าระวัง น้ำท่วม-ดินถล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน 16 จังหวัดเหนือ อีสาน ใต้ รับมือฝนตกหนัก 5-9 ส.ค.นี้ ปภ.สั่ง 4 จังหวัดเฝ้าระวังอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม สั่งจัดทีมเข้าช่วยทันที หากเกิดเหตุ เผยพัทลุง เจอพายุวงช้างกระหน่ำหลังคาบ้านปลิว 46 หลัง ส่วนชายแดนไทย-เมียนมาร์ น้ำลดแล้ว แต่น้ำโขงเอ่อล้นทะลักท่วมอาคาร บ้านเรือน คอกสัตว์ ต้องขนหนีกันจ้าละหวั่น "ประยุทธ์"บินสำรวจสถานการณ์น้ำ และเส้นทางน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อวางแผนป้องกันน้ำท่วมและภัยแล้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่าร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

โดยวันที่ 5-9 ส.ค.2558 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ระนอง พังงา และภูเก็ต ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้มีโทรสารด่วนที่สุด ที่ มท 0616/ว 52 ลงวันที่วันที่ 4 ส.ค.2558 ส่งถึงผู้อำนวยการศูนย์ผภ.เขต 11 , 12 , 17 และ 18 ให้เตรียมการป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 5-9 ส.ค.2558 โดยระบุว่าจากการติดตามตรวจสอบภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ช่วงวันที่ 5-9 ส.ค. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ของประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง

เพื่อเตรียมป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม ท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในระยะ 4-5 วันนี้ ให้ศูนย์ฯ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ หากเกิดภัยรุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ปภ.เขตที่รับผิดชอบจังหวัดนั้น จัดเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรเข้าสนับสนุนทันที

เช้าวันเดียวกันนี้ ได้เกิดพายุงวงช้างพัดถล่มพื้นที่หมู่ 3 บ้านตำมะลังใต้ ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล หลังพายุสงบนายนิมิต นิลวัตร รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าปภ.จังหวัด ลงตรวจสอบพบบ้านเรือนเสียหาย 46 หลัง บางส่วนหลังคาบ้านหายไปทั้งแถบ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นจังหวัดได้ประสานทหาร ร.5 พัน 2 ช่วยเก็บเศษกระเบื้อง และมุงหลังคาให้ชาวบ้านก่อนที่จะมีฝนตกลงมาซ้ำ และประสานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือเยียวยา

ที่ภาคเหนือ สถานการณ์ลำน้ำสายเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน และตลาดร้านค้าชายแดนทั้งในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย และท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตั้งแต่เช้าวันที่ 4 ส.ค. ได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยระดับน้ำที่ใต้สะพานข้ามลำน้ำสายลดลงต่ำกว่าตลิ่ง จนสามารถใช้ถนนใต้สะพานได้ ซึ่งทางทหาร ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยผู้ประกอบการร้านค้าทำความสะอาด จนกลับมาเปิดได้ตามปกติ

ส่วนในฝั่งจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ที่ตลาดท่าล้อ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม มีโคลนตกค้างทั่วพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้าที่มีอยู่กว่า 200 ร้าน ต้องพากันออกมาทำความสะอาดก่อนที่จะเปิดร้านขายสินค้าได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำในแม่น้ำสายยังอยู่สูงกว่า 3 เมตร ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม มีฝนตกลงเป็นบางช่วง ทำให้ยังมีโอกาสที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลากได้อีก เทศบาลตำบลแม่สายจึงยังไม่รื้อกระสอบทรายออก และประชาสัมพันธ์์ให้ ผู้ประกอบการร้านค้าเก็บทรัพย์สินไว้บนพื้นที่สูง เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน

นางผกายมาศ เวียร์รา ประธานหอการค้าอำเภอแม่สาย กล่าวว่า ระดับน้ำที่เข้าท่วมชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็กครั้งนี้ ไม่รุนแรง ไม่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินมากนัก แต่ส่งผลต่อเศรฐกิจการท่องเที่ยวมากกว่า อีกทั้งทุกปีจะเกิดน้ำท่วมหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนส.ค.-ก.ย. ดังนั้น ผู้ประกอบการค้าและประชาชนริมฝั่งแม่น้ำสาย จึงยังไม่อาจไว้วางใจได้ ต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง จ.นครพนม ได้เอ่อล้นตลิ่ง ประกอบกับกับน้ำเหนือที่ไหลจาก จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ และฝั่งสปป.ลาว มาสมทบ ล้นทะลักเขื่อนเรียงหินเข้าท่วมจุดผ่อนปรนชั่วคราวบ้านหนาด หมู่ 2 ต.บ้านกลาง อ.เมือง เยื้องบ้านปากเป่ง เมืองหนองบก สปป.ลาว ทำให้อาคารจุดผ่อนปรน 1 หลัง ตลาดนัดสินค้าการเกษตร 2 หลัง ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาถูกท่วมสูง 20-30 เซนติเมตร พ่อค้าแม่ค้าทั้งไทยและลาวบริเวณจุดผ่อนปรน ต้องขึ้นไปค้าขายสินค้าบนตลิ่งแทน

ที่ อ.ศรีสงคราม น้ำในลำน้ำสงคราม ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน โดยเฉพาะบ้านท่าบ่อศรีสงคราม หมู่ 4 ต.ท่าบ่อสงคราม และในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 30 หลัง น้ำยังเอ่อท่วมคอกสัตว์เลี้ยง ชาวบ้านได้ต้องย้ายข้าวของและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง โดยการทำคอกใหม่ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลด บางรายไม่มีที่ว่างต้องทำคอกหมูไว้ริมถนน

ขณะที่ ระดับน้ำโขงวัดล่าสุดวันที่ 5 ส.ค. วัดได้ 11.10 เมตร จากจุดวิกฤตที่ 12 เมตร หรือเหลืออีกเพียง 90 เซนติเมตร ซึ่งหากถึงระดับ 12 เมตร จะไหลย้อนกลับเข้าสู่ลำน้ำสงคราม ห้วยบังฮวก และห้วยบังกอ ส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นวงกว้างทันที

วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จาก พล.ม. 2 รอ. ไปยังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก เพื่อไปทำพิธีวางพานพุ่มประดับดอกไม้ ถวายสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องในงานวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 128 ปี ณ ศาลาวงกลม ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในระหว่างการเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้บินตรวจสถานการณ์น้ำ โดยดูเส้นทางการไหลของน้ำ และปริมาณน้ำเหนือเขื่อนที่รับน้ำจากมุมสูง หลังจากมีฝนตกลงมาในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่จังหวัดนครนายกจนถึงกรุงเทพฯ เพื่อสำรวจเกี่ยวกับการป้องกันและการแก้ไขปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งให้กับประชาชน โดยนายกฯ บินตรวจปริมาณน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ด้วย แบบไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งนายกฯ บอกว่าอยากเห็นสภาพจริง และเกรงใจประชาชนที่จะต้องมารอรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น