โดย...ไพรัตน์ แย้มโกสุม
เด็กสมัยนี้อาจไม่รู้จักโอ่งน้ำ รู้แต่ขวดน้ำ หิวเมื่อไหร่ก็ยกขวดดื่มเมื่อนั้น ง่ายๆ แต่ต้องจ่ายเงิน จ่ายทุกอย่างที่อยากได้ โอ...พระเจ้าเงินตรา ฉันเป็นข้าทาสของท่านเสียแล้ว ฉันหาเงินเพื่อจ่ายเงินตลอดเวลา “หายใจเข้า-เงิน”... “หายใจออก-เงิน” แม้กระทั่ง “หายใจเข้า-โกง”... “หายใจออก-โกง” ฉันก็ต้องทำเพื่อ... “เงิน” ตัวเดียวที่จะบันดาลให้ฉันได้ ฉันมี ฉันเป็นเกือบทุกอย่าง
โอ่งน้ำงามเลิศ
“โอ่ง” คือภาชนะขังน้ำ ก้นสอบ ปากกว้าง เวลาฝนตกก็อาศัยโอ่งนี่แหละเก็บรักษาน้ำไว้ดื่มไว้ใช้ ถ้าไร้โอ่งน้ำก็ไหลทิ้งหมด เหมือนมีของดีมาโปรดถึงบ้าน เจ้าของบ้านไม่สนใจ ไม่เก็บรักษาของดีก็หายไปหมด
โอ่งก็มีวิวัฒนาการเหมือนกัน คือ เปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะที่ดีขึ้น เจริญขึ้น จากโอ่งดินธรรมดาเป็นโอ่งมังกร โอ่งปูน ถังคอนกรีต ถังเหล็ก ถังสแตนเลส เป็นต้น
โอ่งน้ำ ถ้ามองมิติเดียวก็ไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ ไม่เห็นจะสวยงาม ดีเลิศประเสริฐศรีตรงไหน หากมองให้กว้างไกลหลายมิติ แบบมีจินตนาการ ก็จะเห็นความงามความเลิศของโอ่งน้ำไม่ธรรมดา
บางคนเห็นจินตนาการเป็นเรื่องฟุ้งซ่าน ฝันกลางวัน ก็จริง-ถ้าขาดการทดลอง
การทดลองเป็นองค์ประกอบสำคัญของจินตนาการ สามารถทำให้นามธรรมในสมองกลายเป็นรูปธรรมที่มองเห็นและจับต้องได้
จากโอ่งน้ำ-ภาชนะเก็บน้ำกลายเป็นภาชนะเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่น สระ หนอง บึง แก้มลิง ฝาย เขื่อน เป็นต้น
ชาวนาต้องมีสระน้ำในนาทุกครอบครัว รัฐต้องขุดสระขนาดใหญ่ทุกหมู่บ้าน แก้มลิงต้องมีในที่เหมาะสม เขื่อนเล็กและฝาย ถ้าจำเป็นก็ต้องมี แต่เขื่อนใหญ่ หากมีผลกระทบต่อป่าไม้และสิ่งอื่นก็ต้องเลิก มิใช่ดันทุรังจะสร้างให้ได้ (หวังคอมมิชชันและอื่นๆ หรือเปล่า)
มีภาชนะเก็บน้ำ หรือมีแหล่งน้ำทั่วแผ่นดินไทย แล้วก็ดูแลรักษา มิใช่ปล่อยให้ตื้นเขินใช้การไม่ได้ เพียงแค่นี้ก็พอจะมองเห็นความสวยงามและความดีเลิศของโอ่งน้ำบ้างแล้ว ใช่ไหม?
แก้เกิดท่วมแล้ง
ปัญหาที่เกิดภัยท่วมภัยแล้ง เหตุใหญ่อยู่ที่การทำลายป่าไม้ ป่าไม้ทำให้ฝนตก ป่าไม้เป็นต้นน้ำ เมื่อฝนไม่ตก ต้นน้ำขาดน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำก็ย่อมแห้งแล้งเป็นธรรมดา
การแก้ปัญหาเอาป่าไม้คืนให้กับภูเขาหัวโล้นทั้งหลาย อย่าให้ปัญหาการทำลายป่าเกิดขึ้นอีก ใครทำลายป่า ต้องถูกลงโทษอย่างหนักและรวดเร็ว
การแก้ปัญหามิให้เกิดภัยท่วมภัยแล้งที่เป็นระบบ และเห็นผลอันงามเลิศ คือ “เศรษฐกิจพอเพียง” หรือ “ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ชาวนาส่วนมาก สมมติมีที่ทำนาประมาณ 10 ไร่ พื้นดินจำนวนนี้ก็แบ่งเป็น...สระน้ำ ที่ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ปลูกบ้าน ฯลฯ ในพื้นที่ 10 ไร่นี้ จะมีทุกสิ่งทุกอย่างในการดำรงชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ มีอยู่มีกินก็แบ่งให้คนอื่นกินบ้าง เหลืออยู่เหลือกิน ก็ขายเก็บออม
วิถีชีวิตอย่างนี้ แม้ไม่มีเงินก็อยู่ได้ เพราะปัจจัย 4 มันมีอยู่ในนี้หมด กลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
เมื่อเกิดภัยแล้งก็ไม่แล้งกับเขา เพราะมีโอ่ง คือสระเล็กสระใหญ่มากมายในนา น้ำใช้ได้ตลอดปี เมื่อเกิดภัยท่วม ก็ท่วมไม่นาน เพราะมีร่องระบายน้ำไหลได้สะดวก ไม่มีสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางน้ำ
เมื่อป่าไม้ไม่ถูกทำลาย เวลาฝนตกการไหลของน้ำฝนจากยอดเขาลงสู่ที่ต่ำ ก็ไหลช้าๆ เพราะมีต้นไม้คอยสกัดกั้นอยู่ ครั้นถึงที่ราบ น้ำก็ไหลเข้าสระในนา ไหลลงห้วย หนอง คลอง บึง แก้มลิง อ่าง เขื่อน ฯลฯ อันเป็นโอ่งน้ำในลักษณะต่างๆ กันไป กว่าจะไหลถึงแม่น้ำใหญ่ และทะเล ความรุนแรงก็ลดลง ถ้าจะเอ่อท่วมบ้างก็ไม่นาน เดี๋ยวน้ำก็ลด
สนามบินสุวรรณภูมิตั้งอยู่ที่หนองงูเห่า เป็นบึงขนาดใหญ่ เป็นแก้มลิงที่เก็บน้ำได้มหาศาล ผู้บริหารสมัยนั้นไปถมหนองหรือทุบโอ่งน้ำขนาดใหญ่ แล้วสร้างสนามบินขึ้นมา ผู้บริหารแบบนี้โง่ ฉลาด หรือหวังกินขี้ช้าง ก็คิดดูเอง ปัญหาท่วมแล้ง มันจึงได้คาราคาซังถึงทุกวันนี้
อยู่ดีมีแฮง
เป็นคำอีสานหมายถึงอยู่ดีสุขสบาย เพราะมีอยู่มีกินโดยสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนอะไร แม้ไม่มีเงินก็อยู่ได้ นั่นคือ...วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง มีหลายแจกเพื่อนบ้าน เหลืออยู่เหลือเกินค่อยขายได้เงินฝากธนาคาร ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ยามนอนก็หลับสบาย ยามตื่นก็เบิกบานใจกับของอยู่ของกินรอบกาย สุขสบายไหนเล่าจะเท่าพอเพียง!
ห่อนแล้งน้ำใจ
คนแล้งน้ำใจ คือคนไม่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จุนเจือช่วยเหลือผู้ใด เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ขี้ไม่ให้หมากิน (โคตรตระหนี่) ว่างั้นเถอะ
ส่วนคนมีน้ำใจ (หรือคนไม่แล้งน้ำใจ หรือห่อนน้ำใจ) คือคนที่มีความเอื้ออาทร เผื่อแผ่ ใส่ใจ ห่วงใยเพื่อนบ้านเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
คนประเภทมีน้ำใจ ส่วนมากจะมีวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนคนประเภทแล้งน้ำใจ จะมีวิถีชีวิตแบบทุนสามานย์ หรือทรราชทั้งหลาย ที่ชอบให้ประชาชนโง่ จน เจ็บ จะได้ตกเป็นเหยื่อและปกครองง่าย ว่านอนสอนง่าย บอกซ้ายหัน ขวาหัน ก็ทำโดยดุษณีภาพ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นสังคมเกษตรกรรมที่คอยค้ำจุนชีวิต หรือเป็นเครื่องอยู่ของชีวิต
เศรษฐกิจทุนนิยม เป็นสังคมอุตสาหกรรมที่คอยขย้ำชีวิต หรือเป็นเครื่องประดับ (ที่มีพิษ) ของชีวิต
ระหว่างเครื่องอยู่กับเครื่องประดับ คุณให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน และคุณจะเลือกอะไร ?
เห็นบ่นเห็นสวดอยากได้ปรองดอง (ไม่แก่งแย่งกัน ออมชอมกันนะ) วันละหลายครั้งก่อนนอน และหลังอาหาร แต่ไม่เคยสนใจเครื่องอยู่ สนใจคลั่งไคล้แต่เครื่องประดับ
โอ...พระเจ้า มันอะไรกันถึงผิดฝาผิดตัวขนาดนี้ หลงบทหลงโรงกันหรือเปล่า?
“โอ่งน้ำงามเลิศ
แก้เกิดท่วมแล้ง
อยู่ดีมีแฮง
ห่อนแล้งน้ำใจ”
ไม่รู้จะดูอะไร เรียนรู้อะไร มีโอ่งน้ำอย่างเดียว รู้ให้แจ้ง แทงให้ตลอด ปัญหาภัยท่วมภัยแล้งแก้ได้สบาย
เมื่อปัญหาหมดไป ก็มีอยู่มีกิน ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกข่มขู่ฟอดๆ จึงอยู่ดีมีเฮง มีน้ำใจต่อกัน นั่นคือสมานฉันท์ นั่นคือปรองดอง นั่นคือสวรรค์บนดิน อันฟินๆ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้
เด็กสมัยนี้อาจไม่รู้จักโอ่งน้ำ รู้แต่ขวดน้ำ หิวเมื่อไหร่ก็ยกขวดดื่มเมื่อนั้น ง่ายๆ แต่ต้องจ่ายเงิน จ่ายทุกอย่างที่อยากได้ โอ...พระเจ้าเงินตรา ฉันเป็นข้าทาสของท่านเสียแล้ว ฉันหาเงินเพื่อจ่ายเงินตลอดเวลา “หายใจเข้า-เงิน”... “หายใจออก-เงิน” แม้กระทั่ง “หายใจเข้า-โกง”... “หายใจออก-โกง” ฉันก็ต้องทำเพื่อ... “เงิน” ตัวเดียวที่จะบันดาลให้ฉันได้ ฉันมี ฉันเป็นเกือบทุกอย่าง
โอ่งน้ำงามเลิศ
“โอ่ง” คือภาชนะขังน้ำ ก้นสอบ ปากกว้าง เวลาฝนตกก็อาศัยโอ่งนี่แหละเก็บรักษาน้ำไว้ดื่มไว้ใช้ ถ้าไร้โอ่งน้ำก็ไหลทิ้งหมด เหมือนมีของดีมาโปรดถึงบ้าน เจ้าของบ้านไม่สนใจ ไม่เก็บรักษาของดีก็หายไปหมด
โอ่งก็มีวิวัฒนาการเหมือนกัน คือ เปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะที่ดีขึ้น เจริญขึ้น จากโอ่งดินธรรมดาเป็นโอ่งมังกร โอ่งปูน ถังคอนกรีต ถังเหล็ก ถังสแตนเลส เป็นต้น
โอ่งน้ำ ถ้ามองมิติเดียวก็ไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ ไม่เห็นจะสวยงาม ดีเลิศประเสริฐศรีตรงไหน หากมองให้กว้างไกลหลายมิติ แบบมีจินตนาการ ก็จะเห็นความงามความเลิศของโอ่งน้ำไม่ธรรมดา
บางคนเห็นจินตนาการเป็นเรื่องฟุ้งซ่าน ฝันกลางวัน ก็จริง-ถ้าขาดการทดลอง
การทดลองเป็นองค์ประกอบสำคัญของจินตนาการ สามารถทำให้นามธรรมในสมองกลายเป็นรูปธรรมที่มองเห็นและจับต้องได้
จากโอ่งน้ำ-ภาชนะเก็บน้ำกลายเป็นภาชนะเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่น สระ หนอง บึง แก้มลิง ฝาย เขื่อน เป็นต้น
ชาวนาต้องมีสระน้ำในนาทุกครอบครัว รัฐต้องขุดสระขนาดใหญ่ทุกหมู่บ้าน แก้มลิงต้องมีในที่เหมาะสม เขื่อนเล็กและฝาย ถ้าจำเป็นก็ต้องมี แต่เขื่อนใหญ่ หากมีผลกระทบต่อป่าไม้และสิ่งอื่นก็ต้องเลิก มิใช่ดันทุรังจะสร้างให้ได้ (หวังคอมมิชชันและอื่นๆ หรือเปล่า)
มีภาชนะเก็บน้ำ หรือมีแหล่งน้ำทั่วแผ่นดินไทย แล้วก็ดูแลรักษา มิใช่ปล่อยให้ตื้นเขินใช้การไม่ได้ เพียงแค่นี้ก็พอจะมองเห็นความสวยงามและความดีเลิศของโอ่งน้ำบ้างแล้ว ใช่ไหม?
แก้เกิดท่วมแล้ง
ปัญหาที่เกิดภัยท่วมภัยแล้ง เหตุใหญ่อยู่ที่การทำลายป่าไม้ ป่าไม้ทำให้ฝนตก ป่าไม้เป็นต้นน้ำ เมื่อฝนไม่ตก ต้นน้ำขาดน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำก็ย่อมแห้งแล้งเป็นธรรมดา
การแก้ปัญหาเอาป่าไม้คืนให้กับภูเขาหัวโล้นทั้งหลาย อย่าให้ปัญหาการทำลายป่าเกิดขึ้นอีก ใครทำลายป่า ต้องถูกลงโทษอย่างหนักและรวดเร็ว
การแก้ปัญหามิให้เกิดภัยท่วมภัยแล้งที่เป็นระบบ และเห็นผลอันงามเลิศ คือ “เศรษฐกิจพอเพียง” หรือ “ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ชาวนาส่วนมาก สมมติมีที่ทำนาประมาณ 10 ไร่ พื้นดินจำนวนนี้ก็แบ่งเป็น...สระน้ำ ที่ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ปลูกบ้าน ฯลฯ ในพื้นที่ 10 ไร่นี้ จะมีทุกสิ่งทุกอย่างในการดำรงชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ มีอยู่มีกินก็แบ่งให้คนอื่นกินบ้าง เหลืออยู่เหลือกิน ก็ขายเก็บออม
วิถีชีวิตอย่างนี้ แม้ไม่มีเงินก็อยู่ได้ เพราะปัจจัย 4 มันมีอยู่ในนี้หมด กลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
เมื่อเกิดภัยแล้งก็ไม่แล้งกับเขา เพราะมีโอ่ง คือสระเล็กสระใหญ่มากมายในนา น้ำใช้ได้ตลอดปี เมื่อเกิดภัยท่วม ก็ท่วมไม่นาน เพราะมีร่องระบายน้ำไหลได้สะดวก ไม่มีสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางน้ำ
เมื่อป่าไม้ไม่ถูกทำลาย เวลาฝนตกการไหลของน้ำฝนจากยอดเขาลงสู่ที่ต่ำ ก็ไหลช้าๆ เพราะมีต้นไม้คอยสกัดกั้นอยู่ ครั้นถึงที่ราบ น้ำก็ไหลเข้าสระในนา ไหลลงห้วย หนอง คลอง บึง แก้มลิง อ่าง เขื่อน ฯลฯ อันเป็นโอ่งน้ำในลักษณะต่างๆ กันไป กว่าจะไหลถึงแม่น้ำใหญ่ และทะเล ความรุนแรงก็ลดลง ถ้าจะเอ่อท่วมบ้างก็ไม่นาน เดี๋ยวน้ำก็ลด
สนามบินสุวรรณภูมิตั้งอยู่ที่หนองงูเห่า เป็นบึงขนาดใหญ่ เป็นแก้มลิงที่เก็บน้ำได้มหาศาล ผู้บริหารสมัยนั้นไปถมหนองหรือทุบโอ่งน้ำขนาดใหญ่ แล้วสร้างสนามบินขึ้นมา ผู้บริหารแบบนี้โง่ ฉลาด หรือหวังกินขี้ช้าง ก็คิดดูเอง ปัญหาท่วมแล้ง มันจึงได้คาราคาซังถึงทุกวันนี้
อยู่ดีมีแฮง
เป็นคำอีสานหมายถึงอยู่ดีสุขสบาย เพราะมีอยู่มีกินโดยสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนอะไร แม้ไม่มีเงินก็อยู่ได้ นั่นคือ...วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง มีหลายแจกเพื่อนบ้าน เหลืออยู่เหลือเกินค่อยขายได้เงินฝากธนาคาร ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ยามนอนก็หลับสบาย ยามตื่นก็เบิกบานใจกับของอยู่ของกินรอบกาย สุขสบายไหนเล่าจะเท่าพอเพียง!
ห่อนแล้งน้ำใจ
คนแล้งน้ำใจ คือคนไม่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จุนเจือช่วยเหลือผู้ใด เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ขี้ไม่ให้หมากิน (โคตรตระหนี่) ว่างั้นเถอะ
ส่วนคนมีน้ำใจ (หรือคนไม่แล้งน้ำใจ หรือห่อนน้ำใจ) คือคนที่มีความเอื้ออาทร เผื่อแผ่ ใส่ใจ ห่วงใยเพื่อนบ้านเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
คนประเภทมีน้ำใจ ส่วนมากจะมีวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนคนประเภทแล้งน้ำใจ จะมีวิถีชีวิตแบบทุนสามานย์ หรือทรราชทั้งหลาย ที่ชอบให้ประชาชนโง่ จน เจ็บ จะได้ตกเป็นเหยื่อและปกครองง่าย ว่านอนสอนง่าย บอกซ้ายหัน ขวาหัน ก็ทำโดยดุษณีภาพ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นสังคมเกษตรกรรมที่คอยค้ำจุนชีวิต หรือเป็นเครื่องอยู่ของชีวิต
เศรษฐกิจทุนนิยม เป็นสังคมอุตสาหกรรมที่คอยขย้ำชีวิต หรือเป็นเครื่องประดับ (ที่มีพิษ) ของชีวิต
ระหว่างเครื่องอยู่กับเครื่องประดับ คุณให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน และคุณจะเลือกอะไร ?
เห็นบ่นเห็นสวดอยากได้ปรองดอง (ไม่แก่งแย่งกัน ออมชอมกันนะ) วันละหลายครั้งก่อนนอน และหลังอาหาร แต่ไม่เคยสนใจเครื่องอยู่ สนใจคลั่งไคล้แต่เครื่องประดับ
โอ...พระเจ้า มันอะไรกันถึงผิดฝาผิดตัวขนาดนี้ หลงบทหลงโรงกันหรือเปล่า?
“โอ่งน้ำงามเลิศ
แก้เกิดท่วมแล้ง
อยู่ดีมีแฮง
ห่อนแล้งน้ำใจ”
ไม่รู้จะดูอะไร เรียนรู้อะไร มีโอ่งน้ำอย่างเดียว รู้ให้แจ้ง แทงให้ตลอด ปัญหาภัยท่วมภัยแล้งแก้ได้สบาย
เมื่อปัญหาหมดไป ก็มีอยู่มีกิน ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกข่มขู่ฟอดๆ จึงอยู่ดีมีเฮง มีน้ำใจต่อกัน นั่นคือสมานฉันท์ นั่นคือปรองดอง นั่นคือสวรรค์บนดิน อันฟินๆ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้