นายกรัฐมนตรียันไม่ได้คิดไปตัดเงินไทยพีบีเอส แต่ทำให้โปร่งใส ยันทุกกองทุนต้องมีการตรวจสอบ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเข้าไปดู ไม่ได้กลั่นแกล้ง ไม่ได้เกลียด แค่ขอความร่วมมืออะไรที่ขัดแย้ง เผยช่องนี้ไม่เอาภูเขาหัวโล้นไปออกอากาศตามที่ขอ อ้างไม่ตรงนโยบาย ยันไม่ได้บังคับให้เขียนเชียร์ บอกเรื่องบอกเล่าแล้วไม่จริงทำชาติวุ่นวาย แนะเช็กข้อมูลให้ดี
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของการคลังและงบประมาณ ว่าด้วยการใช้เงินของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) และกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ จากภาษีสุราและยาสูบว่า เรื่องสื่อตนไม่คิดไปตัดเงินเขาเลย เพียงแต่ทำให้โปร่งใสว่าจะทำอย่างไร หามาตรการแล้วไปคิดกันมา ทั้งไทยพีบีเอส และ สสส.ซึ่งได้ให้หน่วยงานไปตรวจสอบความโปร่งใสข้างในอยู่ เป็นการตรวจสอบตามปกติ ที่ทุกหน่วยงานทุกกองทุนจะต้องมีการตรวจสอบ โดยจะให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าไปดู ยืนยันไปตรวจสอบ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้ง การไปตรวจสอบ เพื่อทำให้ถูกต้อง เรื่องนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนจะมีวิธีการอย่างไรก็ให้ไปว่ากันมา ไม่ใช่เพราะว่าตนไปเกลียดเขาเป็นการส่วนตัว เลยต้องการให้เขามาเชียร์ตนอย่างเดียว มันไม่ใช่ ตนเพียงแต่ขอความร่วมมือเท่านั้น ท่านจะไปทำอะไรให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอย่างไร ก็ทำไป แต่อะไรที่มันขัดแย้งมากๆ ตนก็ขอร้อง ขอความร่วมมือเขา วันก่อนกรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า จากที่ตนได้ขอความร่วมมือทุกช่อง ทุกสถานี นำภาพภูเขาหัวโล้นไปออกอากาศ ทุกสถานีเขาก็ทำหมด ยกเว้นไทยพีบีเอส เพราะเขาบอกว่าไม่ตรงตามนโยบายของเขา ก็ไปว่ากันเอง
นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้นโยบายเขาว่าอย่างไร เขารายงานตนมา เรื่องนี้ก็แล้วแต่สถานีไปว่ากันเอง ช่วยไปถามเขาหน่อยว่าที่ไม่ตรงกับนโยบายเขา แล้วนโยบายเขาคืออะไร ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพูดขึ้นมาว่า “เป็นเวทีสาธารณะ”จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ถ้าเป็นเวทีสาธารณะ คือสาธารณะทุกเรื่องใช่ไหม ตนไม่ได้บังคับ แค่ขอความร่วมมือ ตนบังคับสื่อไม่ได้ ญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น พวกนี้เป็นพวกมีอิทธิพล ตนไปบังคับให้สื่อเขียนเชียร์ตนไม่ได้อยู่แล้ว ท่านเขียนตามความเป็นจริง เขียนตามเหตุผล และอะไรที่ดูไม่ดี เขียนพอสมควร ซึ่งตนก็อ่านอยู่แล้ว แล้วก็ไปตรวจสอบว่าจริงไม่จริง พอไปตรวจสอบก็ไม่ค่อยจริง เป็นการบอกเล่า แล้วก็ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ฉะนั้นถ้าฟังคำบอกเล่าอย่างเดียวแล้วมาเขียน ก็มีปัญหาแน่ อยากให้เช็คข้อมูลให้ดี อย่างวันนี้ก็อยู่ในช่วงของการปรับย้าย พอถามมาไอ้คนนี้ไปเล่นงานไอ้คนนี้ คนนี้ก็พร้อมปรับย้ายด้วยก็ต้องระมัดระวัง