xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"ผับ-บาร์"ร้านขายเหล้าถึงเวลาต้องถูกควบคุม เป็นห่วงโซ่ความเลวร้ายค้ามนุษย์ยันยาเสพติด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - รัฐบาลทหารภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้จะถูกมรสุมลูกใหญ่ซัดเข้ามาจนออกอาการไม่สู้ดี โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้ง หรือมาตรการกดดันต่างๆ จากสหรัฐฯ และกลุ่มอียู แต่ผลงานหลายๆ เรื่อง ยังเข้าตาประชาชนอย่าต่อเนื่อง เช่น การรักษาความสงบ การทวงผืนดินคืนจากนายทุน และล่าสุดคือกฎหมายอันเป็นผลพวงมาจาก มาตรา 44 เรื่องจัดการปัญหาเด็กแว้น และสถานบริการใก้ลสถานศึกษา

กอ่นลงในรายละเอียดอื่นๆ ขอนำสาระสำคัญของกฏหมายดังกล่าวมาร่วมพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งมั่นใจได้ว่าด้วยหลักการนี้เองจะสามารถลดปัญหาสังคม ลดความเดือดเนื้อร้อนใจต่างๆ ให้กับผู้คนได้ทั้งประเทศ

คัดมาเฉพาะในส่วนสถานบริการ มีดังต่อไปนี้.....

ข้อ 4 ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการใน ลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

(1) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มี อายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ
(2) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุ ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(3) เปิดทำการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมาย บัญญัติ
(4) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่ากำหนดเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ
(5) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่ของตน

ในกรณีที่สถานบริการหรือสถานประกอบการใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดและห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ดัง กล่าวอีกเป็นเวลาห้าปี และหากอยู่ในระหว่างการขอต่ออายุใบอนุญาตก็ให้สั่งมิให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้นั้นเป็นเวลาห้าปี

ภายใต้ บังคับตามข้อ 6 กรณีเป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือ สั่งปิดสถานประกอบการ และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ ดังกล่าวอีก

ในการสั่งเพิกถอน หรือสั่งปิดตามวรรคสอง หากสถานบริการหรือสถานประกอบการนั้นได้รับใบอนุญาตขายสุรา ให้ถือว่า เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยสุรา และให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต เพิกถอนใบอนุญาตขายสุราด้วย แต่ถ้าเป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถาน ศึกษาหรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ให้เพิกถอนใบอนุญาตขายสุรา และห้ามมิให้ออกใบอนุญาตขายสุราให้อีก

กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการตามวรรคหก ให้นำมาตรการที่กำหนดไว้ในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ลงวันที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 มาใช้บังคับ

หาก พบว่ามีผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยว ข้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นโดยเด็ดขาดและเคร่งครัด รวมทั้งให้มีอำนาจในการสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวทันที

....หลังประกาศในราชกิจจา วันที่ 23 ก.ค.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มบังคับใช้ทันที โดยกลางดึกวันที่ 25 ก.ค. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปราม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และตำรวจ บก.ปคม.กว่า 100 นาย บุกเข้าตรวจค้นผับบังกะโล และผับ มอ3/2 ใก้ลมหาวิทยาลัยรังสิต ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีมั่วสุมจำนวนมาก และไม่มีใบอนุญาต จึงแจ้งข้อหาเปิดจำหน่ายสุราเกินเวลา ปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 และ 18 ปีเข้าใช้บริการพร้อมกับเสนอสั่งปิดเป็นการถาวรอีกด้วย

รุ่งขึ้นพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 มีคำสั่งย้าย 5 เสือโรงพักปากคลองรังสิต เป็นการประเดิมฐานปล่อยปละละเลยขัดคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 ส่วนผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร ไม่ขอวิจารณ์เพราะรู้ๆ กันอยู่

อย่างไรก็ตาม ผลของการเอาจริง และด้วยความเข้มแข็งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้ตำรวจน้อยใหญ่ไม่กล้าบิดพลิ้วไปทางอื่น ช่วงนี้จึงพบการตรวจค้นจับกุมสถานบริการต่างๆ อย่างถี่ยิบ อย่างรายล่าลุดเมื่อคืน 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายปกครองนำโดยนายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี นำกำลังฝ่ายปกครอง สรรพสามิต และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 ค่ายนวมินทราชินี เข้าตรวจสอบสถานบันเทิงในพื้นที่ 5 แห่ง พบการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ เช่น ที่ผับ “แดนซ์ฟีเวอร์”พบสุราต่างประเทศจำนวน 40 ขวดไม่ติดอากรแสตมป์ จึงยึดเป็นหลักฐานและดำเนินคดีกับทางร้าน

นอกจากนั้น ยังตรวจความเรียบร้อนที่ร้านเฟซ คลับ ย่านพัทยาใต้มีเยาวชนชายหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีจำนวนมาก และที่น่าตกใจคือมีเด็กชาย-หญิงอายุ 14 ปีอีก 5 คนรวมอยู่ด้วย จึงใช้กฎหมายตาม มาตรา 44 ปิดสถานบริการ “เฟซ คลับ” เป็นเวลา 5 ปี

ปฏิบัติการเอาจริงเอาจังต่อสถานบริการเห็นแก่ได้พวกนี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะได้แรงหนุนจากประชาชนอย่างล้นหลาม และหวังว่ามาตรการคืนความสุขให้สังคมนี้คงครอบคลุมไปทั่วประเทศ ไม่ทำอย่าง “ไฟไหม้ฟาง”เพราะสถานบริการร้านเหล้ารอบๆ สถานศึกษา มีมากมายทุกจังหวัด เป็นสาเหตุหนึ่งของความพิกลพิการในสังคมไทย ในทุกๆ ด้าน รวมทั้งเป็นตัวการทำลายอนาคตเยาวชนไทยกลุ่มหนึ่งที่มีภูมิคุ้มกันรับผิดชอบชั่วดีต่ำ ให้เดินเข้าสู่กับดักความเลวร้ายง่ายขึ้นยิ่งเป็นจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา พิษณุโลก มหาสารคราม สงขลา หรือแม้แต่ กทม. ยังรอให้กฎหมายเข้าไปจัดการอย่างเด็ดขาด

บัญชีดำสถานบริการเหล่านี้ เชื่อว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบรู้ดีอยู่แล้วโดยเฉพาะพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเคยนั่งเก้าอี้รักษาการ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาหลายเดือน ท่านจะต้องทราบเป็นอย่างดี ผับไหนตำรวจคุม ผับไหนทหารคุม ผับไหนนักข่าวคุม ต้องปราบให้หมด อย่าได้ละเว้นเป็นสองมาตรฐาน

นอกจากร้านเหล้าใก้ลสถานศึกษา ใก้ลหอพักแล้วยังมีบรรดา ผับ บาร์ คาเฟ่ ต่างๆ ที่ไม่อยู่ในข่ายแต่ทำผิดกฎหมายอยู่เนืองๆ เช่น ไมมีใบอนุญาต หรือมีใบอนุญาตผิดประเภท พวกที่เปิดเกินเวลา และที่ยังปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปเที่ยว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ควรจัดการให้ราบคาบพร้อมๆ กันไปด้วย

เฉพาะใน กทม. มีย่านรัชดาภิเษก สน.ห้วยขวาง ย่านซอยทองหล่อ ถนนลาดพร้าว ถนนเลียบทางด่วน กับถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูญกิจ -ประดิษฐ์มนูญธรรม) สน.โชคชัย-บึงกุ่ม แถวถนนราชพฤกษ์ ฝั่งธนบุรี ถนนลาดหญ้าธนบุรีคาเฟ่ หรือกระทั่งถนนรัชดาฯ-ท่าพระ ตั้งตระหง่านเป็นคอนเพล็กซ์ใหญ่ 2 แห่ง

สถานบริการเหล่านี้สร้างกำไรด้วยการ“ซื้อเวลา”จากตำรวจ เปิดบริการกันตั้งแต่หัวค่ำยันสว่างคาตาก็มี

แน่นอนว่า กิจการสร้างความบันเทิงนอกจากดื่มกินแล้วยังมีเรื่องของยาเสพติด เรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ที่สำคัญกลุ่มนายทุนกิจการบันเทิงทั้งหลายนั้น ส่วนหนึ่งคือนักฟอกเงิน บ้างมาจากเงินกู้นอกระบบ บ้างมาจากการค้ายาเสพติด ค้าโสเภณี บ้างมาจากการพนัน-ตู้ม้า

เป็นวงจรอุบาทว์ที่ตำรวจก็รู้แก่ใจกันดี แต่ที่ผ่านๆ มา ทำเป็นยักคิ้วหลิ่วตากับผู้ประกอบการที่ใช้เงินแลกกับการละเว้นไม่บังคับใช้กฎหมาย

วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดี เมื่อมีกฎเหล็กกันแล้วหากเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจ และฝ่ายปกครองหากละเลย หรือนำไปแสวงประโยชน์ก็ให้เลือกเอาระหว่างอนาคต กับความผิดทั้งทางวินัย และอาญาตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 69/2557 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องดำเนินการต่อผู้ละเว้นอย่างเฉียบขาดประชาชนอย่าปล่อยให้โอกาสจัดระเบียบสังคมนี้หลุดลอยไป ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เจอสถานบริการทำผิดกฎหมายที่ไหนแจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรม 1567 ... แจ้งกัน 3 เวลาหลังอาหารรับรองว่าไม่มีที่ยืนสำหรับนายทุนเห็นแก่ได้อย่างพวกนี้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น