ASTVผู้จัดการรายวัน- นายกฯ เชื่ออันดับปราบค้ามนุษย์ของไทยจะดีขึ้นจาก"เทียร์ 3 "ในคราวหน้า ยันรัฐบาลแก้ไขทุกด้าน ขออย่ากังวลและให้กำลังใจ อย่ากดดันกันเอง มั่นใจไม่ถึงขั้นคว่ำบาตร ด้าน ผบ.ทร. เชื่อไม่กระทบเรื่องประมงของอียู วอนสื่อเสนอข่าวซ้ำเติมสถานการณ์ "จตุพร"เชื่อปม "อุยกูร์-รัฐประหาร" ทำไทยยังค้างอยู่ เทียร์ 3
ด้านเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ ชี้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานพลาด ยกเคสแรงงานพม่าถูกจับ เพราะเอกสารผิดพลาด ทั้งที่ดำเนินการถูกต้อง สื่อนอกเผยมีการวิจารณ์อย่างหนักต่อสหรัฐฯเกี่ยวกับการจัดอันดับค้ามนุษย์ อธ.อัยการต่างประเทศ ซัดมะกันต้องการทุบเศรษฐกิจไทย ที่รัฐบาลมาจากปฏิวัติ และหักหน้ารัฐบาลจีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีทางการสหรัฐอเมริกา ยังคงให้ไทยอยู่ใน"เทียร์ 3" ของการจัดอันดับด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่า รัฐบาลไม่มีท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้ โดยเราจะทำงานต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎ กติกาสากล ซึ่งเราก็ต้องทำ เพราะที่ผ่านมามีปัญหามาก ซึ่งเราต้องแก้ไขในทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย วิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ และการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด โดยมีการจดทะเบียนแรงงาน พิสูจน์สัญชาติ ดูเรื่องของผู้ประกอบการว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ รัฐบาลดูทุกมิติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามทางสถานทูตสหรัฐฯ ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า เห็นความตั้งใจในการดำเนินการของไทย แต่ช่วงที่มีการประเมินกระบวนการนั้นเพิ่งเริ่ม จึงต้องเสนอความคิดเห็นออกมาตามนั้น และหลังจากนั้นสหรัฐฯ ก็เห็นความตั้งใจของเรา ซึ่งคิดว่าจะดีขึ้นในโอกาสหน้า
"ขอให้ใจเย็นๆ อย่าไปกังวล ถ้าเราทำความดีแล้ว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเราแก้ไข วันนี้เราไม่ได้แก้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราแก้เพื่อประเทศไทยของเรา เช่นให้การประมงของเราถูกกฎหมาย จะได้ไม่เป็นคดีความกับประเทศโน้นประเทศนี้ และที่ผ่านมาก็มีเราที่ต้องเข้าไปช่วยกันเยอะแยะ เป็นพันคน เพราะถ้าขาดการเอาใจใส่ ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นแบบนั้น คนไทยทุกคนนอกจากภาระหน้าที่ตามพันธะสัญญากับต่างประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เราทำอย่างไรถึงจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ของเราไว้ให้นานที่สุด อย่างทรัพยากรสัตว์น้ำทางประมง เพราะมันถูกจับมากเกินไปหรือเปล่า โดยการใช้อุปกรณ์ที่ผิดกฎหมายหรือไม่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ดังนั้นเราจึงต้องให้เวลาทะเลของเราได้พักบ้าง จะทำให้ปลา และสัตว์ต่างๆได้มีโอกาสออกลูกออกหลาน มีป่าชายเลน ซึ่งตนได้สั่งการไปหมดแล้วว่า อยากให้มีเหมือนโรงพยาบาลปลา ซึ่งอาจคล้ายโรงเพาะพันธุ์ เพื่อทำการขยายพันธุ์ หากมีการจับปลาทุกวันทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายปลาอาจจะไม่สามารถโตทันได้ วันนี้เราต้องทำสองอย่างคือ พันธะสัญญากับต่างประเทศ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติของไทย ซึ่งจะเห็นว่าวันนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะเรือมีน้อยลง และวันนี้จับปลาได้มากขึ้น ประมงชายฝั่งก็ดีขึ้น แต่อยากขอร้องเหล่าบรรดาประมงพาณิชย์ ต้องระมัดระวัง จึงไม่อยากให้ประชาชนเป็นกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะสหรัฐฯ เป็นผู้ประเมิน เราไม่ได้เป็นคนประเมินตัวเอง แต่เราทำหน้าที่ของเรา แต่เมื่อเขาประเมินมา เราก็แก้ไขทุกอย่าง อยู่ที่จะเร็วหรือช้า เรื่องนี้เป็นกำลังใจให้กันจะดีกว่า เพราะกดดันกันเองก็ไม่เกิดประโยชน์กับใคร ขออย่ามาว่ากันเอง ตนยืนยันทำทุกอย่างทุกเรื่อง
**มั่นใจ สหรัฐฯไม่คว่ำบาตร
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะไม่มีผลกระทบโดยตรงสืบเนื่องมาจาก เทียร์ 3 เพราะ 1 ปี ที่ผ่านมา ก็ไม่มีผลกระทบ และเชื่อว่า 90 วันหลังจากนี้ ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จะต้องส่งรายงานให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาว่า จะคว่ำบาตรไทยหรือไม่นั้น ตนพูดได้อย่างชัดเจน จะไม่มีการคว่ำบาตรไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาใจว่ามีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะรายงานสหรัฐฯ ระบุไทยยังไม่พยายามพอ นายดอน กล่าวว่า ไม่อยากจะมองแบบนั้น อะไรก็ตามที่ผ่านไปแล้ว ต้องข้ามไป ไม่สามารถจะไปนั่งคิดเสียเวลา แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมองลึกลงไป แต่อย่างนั้นจะปวดหัว เพราะยังมีเรื่องอื่นเยอะแยะรออยู่ข้างหน้า ก่อนหน้านี้เราพูดกันว่า อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอผ่านเวลา 21.00 น. เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค. ถือว่าจบ และแม้จะยังอยู่ เทียร์ 3 แต่จากนี้ไปเรื่องมนุษยธรรม เป็นเรื่องที่เราต้องทำต่อไป จะไม่ให้มีปัญหาค้ามนุษย์ การค้าทาสยุคใหม่มาเป็นปัญหาในบ้านเรา ดังนั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องกังวลแล้ว ทำกันต่อไปให้ดี
เมื่อถามว่าการจัดอันดับค้ามนุษย์ครั้งนี้ จะมีผลต่อกรณีที่ สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมจะประเมินเรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย ตามกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมายไร้การควบคุม หรือกฎระเบียบ (ไอยูยู) หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ที่จริงแยกกัน อาจจะมีอะไรโยงกันเล็กน้อย แต่ว่าต่างมีข้อพิจารณาของตัวเอง ไม่ได้นั่งรวมกันเพื่อมาพิจารณาเรื่องของเรา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลกระทบจากไอยูยู จะมีมากกว่า เทียร์ 3 แต่ที่ผ่านมาเรื่องการแก้ไขปัญหาประมง เราทำอย่างแน่วแน่ ตั้งใจแก้ปัญหา คิดว่าเพียงพอที่จะให้เราผ่านได้
** จี้ "มะกัน" ชี้แจงวิธีเก็บข้อมูล
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยไม่กังวล หรือท้อแท้ต่อผลการประเมินดังกล่าว เพราะทราบดีว่า ได้ดำเนินการก้าวหน้าเพียงใดต่อประเด็นนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น ทั้งการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลแล้ว กว่า 70 ราย อายัดทรัพย์ผู้อยู่ในขบวนการ กว่าร้อยล้านบาท และติดตามช่วยเหลือเหยื่อจากขบวนการได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยังให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม และยืนยันที่จะให้ความร่วมมือกับนานาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างมุ่งมั่น และเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนเพื่อให้กระบวนการค้ามนุษย์หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย
"จุดยืนที่ชัดเจนของไทยคือ การไม่ยอมให้ผู้ใดใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และผู้กระทำผิดต้องได้รับการลงโทษ ส่วนรายงานผลการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่ออกมานั้น ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกรายงาน ที่จะชี้แจงต่อประชาคมโลกให้ชัดเจนว่า เก็บรวบรวมข้อมูลจากส่วนใด และใช้หลักเกณฑ์ใดในการประเมิน เพื่อให้รายงานมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานที่ยอมรับได้อย่างแท้จริง และเพื่อยืนยันว่าเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยปราศจากวาระซ่อนเร้นอื่นใด" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
**ผบ.ทร.เชื่อไม่กระทบเรื่องประมงของอียู
พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) กล่าวถึงกรณี สหรัฐฯ ยังคงอันดับให้ประเทศไทยอยู่กลุ่ม เทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2015 ว่า ขณะนี้ต้องรอดูว่าทางสหรัฐฯ จะออกมาตรการอย่างไรต่อไปอีกในช่วง 90 วัน แต่ในส่วนของ สหภาพยุโรป (อียู) ที่กองทัพเรือดูแล เรื่องการทำประมงผิดกฎหมายนั้น ขณะนี้เรายังดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีแรงงานประมงที่ผิดกฎหมายแล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับเรื่องการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ทางสหรัฐฯ บอกว่าได้พิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์มาตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่ผลงานที่เป็นรูปธรรมของไทยมีขึ้นในช่วง เม.ย. ตรงนี้อาจจะทำให้มีผลในบางส่วน เราเข้าใจในการคิดของสหรัฐฯ แต่คงต้องใช้เวลา อีกทั้งขึ้นอยู่กับผู้สื่อข่าวในการช่วยนำเสนอข่าว ว่าจะเสนอทางบวกหรือทางลบ เพราะผู้สื่อข่าวทราบดีว่า ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไรบ้าง ต้องเข้าใจว่าทางสหรัฐฯ ไม่ได้มีผู้สื่อข่าวอยู่ที่ไทยตลอดเวลา และไม่ได้ทำข่าวเจาะเหมือนกับสื่อของไทย เพราะฉะนั้นทุกคนถือว่ามีส่วนร่วมทั้งหมด
" เทียร์ 3 น่าจะไม่มีปัญหาในส่วนการเรื่องการทำประมงนั้น เรายืนยันว่ามาตรการทั้งในเรื่องกฎหมาย และการปฏิบัติการตรวจสอบและติดตาม น่าจะตอบได้ว่า เรื่องของประมงไม่ใช่เรื่องของเทียร์ 3 แน่นอน ที่ผ่านมาการประชุม ศปมผ. เราได้ทำเอกสารทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติก็ทำเอกสารให้กับอียู ในเดือนก.ย.นี้ เราจะไปคุยกับอียูอีกครั้ง เพราะเขาจะมาตรวจสอบเราในเดือนต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เรายังแสดงเจตจำนงและมีแผนงานการปฏิบัติชัดเจน" ผบ.ทร.กล่าว
เมื่อถามว่าปัจจัยที่ยังทำให้ติดอยู่ที่เทียร์ 3 เพราะเรื่องการเมืองภายในประเทศของเรามีส่วนหรือไม่ ที่ทางสหรัฐฯ พยายามกดดันให้ไทยมีการเลือกตั้งโดยเร็ว พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง เพราะกระจกมีหลายด้าน แล้วแต่ใครจะมองด้านไหน แต่ในส่วนของตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน สิ่งสำคัญคือ สื่อมวลชนที่จะต้องนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง อย่าใช้ความนำคิดของสื่อมากเกินไปในการเขียน เพราะอาจจะทำให้เรื่องบวกกลายเป็นเรื่องลบได้ ขอให้นำเสนอข่าวตรงไปตรงมา เพราะขณะนี้รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ขอให้พูดในสิ่งที่เราทำ อย่าไปใส่ไข่ ส่วนสหรัฐฯ จะเข้าใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เราทำดีที่สุดแล้ว
** ชี้ปม"อุยกูร์-รัฐประหาร"คืออุปสรรค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. กล่าวผ่านรายการมองไกล ถึงรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่คงสถานะให้ไทยอยู่ในระดับ เทียร์ 3 ว่า เชื่อว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน เป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินของสหรัฐฯ ที่ยังคงไทยไว้ในอันดับเดิม แม้ก่อนหน้านี้จะมีการแก้ไขปัญหาเรื่องชาวโรฮีนจา แบบเป็นรูปธรรม
ดังนั้น หลังจากนี้รัฐบาลต้องคิดว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอะไรหลังจากนี้ และขอให้ออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ พร้อมทั้งขอให้นายกรัฐมนตรี หันกลับมามองที่ต้นเหตุของปัญหา อย่าทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เชื่อว่า ปัญหานี้เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร ที่ทำให้นานาชาติพุ่งเป้าจับผิดทุกการบริหารงานของรัฐบาล
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย และ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะการทำงานของภาครัฐยังขาดความจริงจัง เข้มข้น ถึงแม้ว่าจะใช้คำพูดที่ทำให้ดูเหมือนเอาจริง โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ก็ไม่ได้ผล รัฐบาลกับคนไทยก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป ต้องรอดูว่าผลที่จะเกิดตามมาจะเป็นเช่นไร จากนี้ต้องเตรียมใจรับกับการประเมินของสหภาพยุโรป (อียู) เรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) เอาไว้ด้วย เพราะหากศึกษาจากรายงาน TIP Report ก็จะเห็นเค้ามูลได้ อยากขอฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ กำชับผู้รับผิดชอบ ให้รีบเร่งทำงานให้ตรงเป้าก่อนที่จะสายเกินแก้ คนเก่งคนมีฝีมือเขาวัดกันตรงนี้ การบริหารประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าสั่งงานไปแล้วผู้ใต้บังคับบัญชารู้ว่าจะนำไปปฏิบัติเช่นไร ยังมีอีกหลายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบแก้ไขปัญหาประเทศก่อนที่จะนำพารัฐนาวาลำนี้จมดิ่งลงใต้ทะเล ขอให้ท่านตัดสินใจให้ดีก่อนที่จะสายเกินแก้
***แฉ!จนท.รัฐทำงานพลาด ออกเอกสารผิด
น.ส.โรยทราย วงศ์สุบรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ในเรื่องการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก เพราะแม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีคำสั่งให้เปิดศูนย์บริการเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service ในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา แต่เนื่องจากข้อมูลและแนวทางปฏิบัติยังไม่ได้รับการเผยแพร่ มีความเข้าใจไม่ชัดเจนทั้งตัวเจ้าหน้าที่รัฐและแรงงานข้ามชาติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจับกุมแรงงานข้ามชาติที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสัญชาติ
น.ส.โรยทราย กล่าวว่า อย่างล่าสุดมีการจับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าเดินทางโดยมีเอกสารครบถ้วน แต่เจ้าหน้าที่ประจำด่านฯ พบว่าหนังสือรับรองจากสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 7 ที่แรงงานถือมานั้นมีความผิดพลาดคือ พิมพ์ปีพุทธศักราชและชื่อของแรงงานผิด จึงสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารปลอม จึงแจ้งข้อหาว่าเป็นคนต่างด้าวที่เดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้สิทธิอาศัยชั่วคราวเป็นสิ้นสุด และถูกส่งตัวไปยัง สภ.แม่สอด แต่จากที่เครือข่ายฯ ได้ตรวจสอบไปที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 7 มีเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องยอมรับว่าเอกสารฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง แต่มีการพิมพ์ผิดพลาด ซึ่งไม่ใช่แค่รายดังกล่าวเพียงรายเดียว แต่ยังมีหนังสือทั้งหมดที่ออกในวันที่ 7 ก.ค. 2558 ด้วย ขณะที่แรงงานต่างด้าวรายดังกล่าวถูกส่งฟ้องที่ศาล มีคำพิพากษาว่ามีความผิดถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน ปรับเป็นเงิน 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือปรับ 2,000 บาท จำคุดให้รอการลงโทษ 1 ปี และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง
***วิจารณ์ขรม!สหรัฐฯ เอาอะไรชี้วัด?
ส่วนสื่อนอก ระบุว่า การที่มาเลเซียและคิวบาได้รับการปรับจากเทียร์ 3 ขึ้นไปอยู่ใน “กลุ่มเฝ้าระวัง เทียร์ 2” ก็ทำให้นักวิจารณ์ บางคนอดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลบารัค โอบามากำลังแทรกแซงการจัดอันดับเพื่อ “ตบรางวัล” ให้แก่ประเทศที่อเมริกาพอใจ
เป็นที่รู้กันอยู่ว่า มาเลเซียคือหนึ่งในประเทศริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อเข้าร่วมเขตการค้าเสรีที่สหรัฐฯ เป็นโต้โผใหญ่ ส่วนรัฐคอมมิวนิสต์คิวบาเองก็เพิ่งรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หลังจากที่เป็นอริกันมานานกว่า 50 ปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาเลเซียกำลังเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) กับสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ช่วยให้กัวลาลัมเปอร์ได้ “เลื่อนขั้น” มาอยู่เทียร์ 2 ใช่หรือไม่ ซาราห์ ซีวอลล์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการสิทธิมนุษยชน ก็รีบปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ ไม่ ไม่ใช่เลย”
ด้านสมาพันธ์เพื่อการยุติระบบทาสและการค้ามนุษย์ (Alliance to End Slavery and Trafficking) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ก็กล่าวหารัฐบาลโอบามาว่าเอาผลประโยชน์ทางการค้ามาอยู่เหนือหลักสิทธิมนุษยชน และเลื่อนขั้นให้มาเลเซียอย่างไม่เป็นธรรม
รัสเซียซึ่งมีแรงงานต่างชาติอยู่มากถึง 12 ล้านคน ถูกวอชิงตันจัดเข้ากลุ่มเทียร์ 3 มาตั้งแต่ปี 2013
จีนถูกปรับอันดับขึ้นมา 1 ขั้นอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังเทียร์ 2 เมื่อปี 2014 และยังคงสถานะเดิมในปีนี้ ส่วนคิวบาซึ่งติดกลุ่มเทียร์ 3 มานานถึง 12 ปีเต็มได้รับการอัปเกรดขึ้นมาอยู่เทียร์ 2
ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ระบุว่า ธุรกิจค้ามนุษย์มีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแต่ละปี โดยกว่าครึ่งมาจากการค้ากามซึ่งทำเงินมากถึง 99,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ไทยซึ่งเป็นมิตรเก่าแก่ของอเมริกาถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 มาแล้ว 2 ปีซ้อน ซึ่งรายงานของสหรัฐฯ ชี้ว่า ปัญหาการค้ามนุษย์ในไทยมีต้นตอจากธุรกิจค้ากามซึ่งมีชาวเมียนมา ลาว และกัมพูชาจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ รวมถึงการล่วงละเมิดแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมประมง
โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกคำแถลงตอบโต้ว่า การจัดอันดับของสหรัฐฯ ไม่สะท้อนอย่างถูกต้องต่อความพยายาม และความก้าวหน้าหลายๆ ด้านในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงปีที่ผ่านมา.
***ซัดมะกันเอาการเมืองทุบศก.ไทย
วานนี้ (28 ก.ค.) นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องการค้ามนุษย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตอนนี้ เป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว สหรัฐฯต้องการกดดันไทยต่อไปทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ เพราะรัฐบาลนี้ได้ทำทุกอย่างที่จะทำได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่การพิจารณาไม่ได้ทำกันอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อหา ซึ่งสหรัฐฯใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายเศรษฐกิจไทยต่อไป แล้วจะตามมาด้วย EUในเรื่องประมง IUU รวมทั้งเรื่องมาตรฐานการบินสหรัฐฯและยุโรปต้องการกดดันการส่งออกของไทยให้ถึงที่สุด เป็นการแซงชั่นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ นอกเหนือจากการตัดGSP การไม่เจรจาทำข้อตกลงทางการค้าการจัดเป็น tier 3 เพื่อให้ประเทศสหรัฐฯและยุโรปรณรงค์ไม่ให้ประชาชนซื้อสินค้าไทย ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะแก้เกมอย่างไรจะพึ่งจีนคงไม่ไหว เพราะจีนก็เอาเปรียบชนิดพม่ากับลาวยังถอยหนีและจีนกำลังทำสงครามเศรษฐกิจกับสหรัฐฯอยู่อย่างรุนแรง
ทั้งนี้ สหรัฐต้องการทุบเศรษฐกิจไทย เพราะ1. เรามีรัฐบาลที่มาจากปฏิวัติ 2. เราหันไปพึ่งพิงทางเศรษฐกิจจากจีนมากขึ้น สหรัฐต้องการแสดงให้เห็นว่า จีนไม่สามารถช่วยเราได้ 3. การส่งพวกอุยกูร์กลับจีนก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
" การจัดอันดับประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 จะเปิดโอกาสให้ยุโรป และพรรคพวก อ้างเป็นเหตุไม่ซื้อสินค้าไทย เพื่อทำลายอุตสาหกรรมประมง อาหารทะเลอาหารทะเลแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปจากอาหารทะเลและไม่ใช่เฉพาะอาหารทะเล แต่ลามปามไปสินค้าอื่นๆ ด้วย คิดประเมินความเสียหายไว้ประมาณ สองแสนล้านบาทการส่งออกจะตกต่ำไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องสหรัฐโจมตีการส่งออก เพราะรู้ว่าเราพึ่งพิงการส่งออกมาก เป้าคือให้เศรษฐกิจตกมากๆ ให้ประชาชนเดือดร้อนแล้วลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเพราะเดือดร้อนทางเศรษฐกิจรัฐบาลจะอยู่ยาก"
อีกส่วนที่กำลังโจมตีคือ เรื่องมาตรฐานการตรวจสอบการบิน อันนี้เป็นอีกเรื่องที่เรามีจุดอ่อน เป็นการทำลายการเป็นศูนย์กลางการบินของไทยในระยะยาวทำลายสายการบินต่างๆ ของไทย และเป้าหมายสุดท้ายคือทำลายการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักอีกเส้นของไทยทำนายได้เลยว่า เรื่องการบิน ไทยจะถูกใบแดงทั้งจากยุโรปและสหรัฐ การบินไทยเจ๊งแน่ๆ รวมทั้งสายการบินสัญชาติไทยด้วย
“เราต้องเผยแพร่ในประเด็นกฎหมายครับ คือยกคำนิยาม และเอาอะไรที่เราทำมาเรียบเรียงว่าเราทำตามคำนิยามใน tier 2 ให้ชัดเจนแล้วเผยแพร่แถลงข่าวออกไปอย่างเป็นทางการของ กต. รวมทั้งชี้แจงไปทั่วโลก จุดอ่อนคือเรื่อง อุยกูร์ จะโดนโจมตีมากแต่เรื่องอุยกูร์ไม่ใช่เรื่องค้ามนุษย์ เป็นเรื่องผู้ลี้ภัย คนละประเด็นกัน แต่สหรัฐมั่วจับมารวมกัน”.
****อุปทูตสหรัฐ ชมรัฐบาลไทย ระบุช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแก้ปัญหาค้ามนุษย์ดี เชื่อผลการประเมินรอบใหม่ น่าจะดีขึ้น
วันนี้ (27 ก.ค.) นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าเยี่ยมคาราวะ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม จากนั้นนายดับเบิลยู ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการหารือเรื่องความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม ระหว่าง 2 ประเทศ และการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมในอนาคต พร้อมแจ้ง รมว.วัฒนธรรมทราบว่า มีโบราณวัตถุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐจับกุมไว้ อาจจะได้คืนกลับมาประเทศไทยในเร็วๆนี้
นายแพทริค กล่าวว่า สำหรับกรณี นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ได้ประกาศรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2558 ซึ่งครอบคลุม 188 ประเทศทั่วโลก พบว่า การค้ามนุษย์ ถือเป็นอาชญากรรมที่หนักหน่วงมาก จะต้องได้รับการแก้ไข ในทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศต้นทาง กลางทาง หรือ ปลายทาง นอกจากนั้น ในรายงานยัง พบว่า ปี 2557 -2558 ได้มีความพยายามอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย หรือความพยายามอื่นๆ แต่ปรากฏว่าความพยายามของประเทศไทย ยังไม่เข้าขั้นถึงมาตรฐานปกติ ที่จะสามารถยกระดับขึ้นไปได้
อุปทูตสหรัฐ กล่าวว่า ในขณะนี้ได้ยินกระแสในทางบวก โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกแถลงการณ์ว่ายังคงทำงานเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ต่อไป รวมทั้งร่วมมือกับนานาชาติ แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ตนมีความยินดีกับพันธกิจที่ประเทศไทยได้ประกาศเอาไว้ นอกจากนั้น ทางสหรัฐ ยังอยากชื่นชม เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการไทย ที่ได้อุทิศตนในการทำงานแก้ไขปัญหาอย่างหนัก จึงอยากให้กำลังใจ และกระตุ้นให้ทำงานต่อไป เพื่อจะได้ยุติอาชญากรรมประเภทนี้
เมื่อถามถึงกรณีการยกระดับ ประเทศ คิวบาร์ และมาเลเซีย จาก เทียร์ 3 เป็น เทียร์ 2 แต่ประเทศไทย กลับไม่ได้ถูกยกระดับด้วยนั้น นายแพทริค กล่าวว่า เกี่ยวกับรายงานของแต่ละประเทศ ได้รับการประเมิน โดยการทำงานของประเทศนั้นๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับการทำงานการแก้ไขปัญหาของไทยเอง ในกรณีมาเลเซีย ที่ได้รับการยกระดับ ซึ่งเป็นการพัฒนาการที่ดีขึ้น จากเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 แต่ แม้ว่าจะอยู่ในเทียร์ 2 มาเลเซียก็ยังมีปัญหาใหญ่ ที่ยังต้องแก้ไขอยู่
ถามว่าผลการจัดอันดับของไทย อยู่ระดับเทียร์ 3 จะทำให้สหรัฐคว่ำบาตร หรือ กีดกันทางการค้า กับประเทศไทย หรือไม่ อุปทูตสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ตามกฎหมายของสหรัฐ การคว่ำบาตรยังมีอยู่ สำหรับประเทศที่ตกอยู่ใน เทียร์ 3 แต่กฎหมายนั้น ก็ขึ้นอยู่ประธานาธิบดีที่มีอำนาจตัดสินใจ ถ้าประเทศที่อยู่ในเทียร์ 3 มีความสำคัญกับสหรัฐ และมีองค์ประกอบอื่นๆ ก็จะให้เวลา 90 วัน ที่ประธานาธิบดีจะตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการอะไร หรือไม่ใช้มาตรการอะไร
นายแพทริค กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ประเทศไทยจะต้องทำในขณะนี้เพื่อไม่ให้เกิดการคว่ำบาตร และได้รับการยกระดับ โดยเวลาประเมินจะประเมินปีต่อปี ซึ่งประเทศไทยยังมีเวลา ที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเท่าที่เห็น ในช่วง 3 เดือน หลังจาก วันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา อยากจะชมเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทย และรัฐบาลไทยที่ทำงานได้ดีและยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมาย การเปลี่ยนแปลง ปราบปราม กวาดล้าง และจับกุม แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เข้ามาเกี่ยวพัน ก็หวังว่าจะไปถึงขั้นการฟ้องศาล ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณรัฐบาลไทย ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านนั้น ทำได้ดี เชื่อว่าการประเมินรอบใหม่ ผลการประเมินน่าจะดีขึ้น
ด้านเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ ชี้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานพลาด ยกเคสแรงงานพม่าถูกจับ เพราะเอกสารผิดพลาด ทั้งที่ดำเนินการถูกต้อง สื่อนอกเผยมีการวิจารณ์อย่างหนักต่อสหรัฐฯเกี่ยวกับการจัดอันดับค้ามนุษย์ อธ.อัยการต่างประเทศ ซัดมะกันต้องการทุบเศรษฐกิจไทย ที่รัฐบาลมาจากปฏิวัติ และหักหน้ารัฐบาลจีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีทางการสหรัฐอเมริกา ยังคงให้ไทยอยู่ใน"เทียร์ 3" ของการจัดอันดับด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่า รัฐบาลไม่มีท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้ โดยเราจะทำงานต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎ กติกาสากล ซึ่งเราก็ต้องทำ เพราะที่ผ่านมามีปัญหามาก ซึ่งเราต้องแก้ไขในทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย วิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ และการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด โดยมีการจดทะเบียนแรงงาน พิสูจน์สัญชาติ ดูเรื่องของผู้ประกอบการว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ รัฐบาลดูทุกมิติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามทางสถานทูตสหรัฐฯ ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า เห็นความตั้งใจในการดำเนินการของไทย แต่ช่วงที่มีการประเมินกระบวนการนั้นเพิ่งเริ่ม จึงต้องเสนอความคิดเห็นออกมาตามนั้น และหลังจากนั้นสหรัฐฯ ก็เห็นความตั้งใจของเรา ซึ่งคิดว่าจะดีขึ้นในโอกาสหน้า
"ขอให้ใจเย็นๆ อย่าไปกังวล ถ้าเราทำความดีแล้ว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเราแก้ไข วันนี้เราไม่ได้แก้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราแก้เพื่อประเทศไทยของเรา เช่นให้การประมงของเราถูกกฎหมาย จะได้ไม่เป็นคดีความกับประเทศโน้นประเทศนี้ และที่ผ่านมาก็มีเราที่ต้องเข้าไปช่วยกันเยอะแยะ เป็นพันคน เพราะถ้าขาดการเอาใจใส่ ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นแบบนั้น คนไทยทุกคนนอกจากภาระหน้าที่ตามพันธะสัญญากับต่างประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เราทำอย่างไรถึงจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ของเราไว้ให้นานที่สุด อย่างทรัพยากรสัตว์น้ำทางประมง เพราะมันถูกจับมากเกินไปหรือเปล่า โดยการใช้อุปกรณ์ที่ผิดกฎหมายหรือไม่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ดังนั้นเราจึงต้องให้เวลาทะเลของเราได้พักบ้าง จะทำให้ปลา และสัตว์ต่างๆได้มีโอกาสออกลูกออกหลาน มีป่าชายเลน ซึ่งตนได้สั่งการไปหมดแล้วว่า อยากให้มีเหมือนโรงพยาบาลปลา ซึ่งอาจคล้ายโรงเพาะพันธุ์ เพื่อทำการขยายพันธุ์ หากมีการจับปลาทุกวันทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายปลาอาจจะไม่สามารถโตทันได้ วันนี้เราต้องทำสองอย่างคือ พันธะสัญญากับต่างประเทศ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติของไทย ซึ่งจะเห็นว่าวันนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะเรือมีน้อยลง และวันนี้จับปลาได้มากขึ้น ประมงชายฝั่งก็ดีขึ้น แต่อยากขอร้องเหล่าบรรดาประมงพาณิชย์ ต้องระมัดระวัง จึงไม่อยากให้ประชาชนเป็นกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะสหรัฐฯ เป็นผู้ประเมิน เราไม่ได้เป็นคนประเมินตัวเอง แต่เราทำหน้าที่ของเรา แต่เมื่อเขาประเมินมา เราก็แก้ไขทุกอย่าง อยู่ที่จะเร็วหรือช้า เรื่องนี้เป็นกำลังใจให้กันจะดีกว่า เพราะกดดันกันเองก็ไม่เกิดประโยชน์กับใคร ขออย่ามาว่ากันเอง ตนยืนยันทำทุกอย่างทุกเรื่อง
**มั่นใจ สหรัฐฯไม่คว่ำบาตร
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะไม่มีผลกระทบโดยตรงสืบเนื่องมาจาก เทียร์ 3 เพราะ 1 ปี ที่ผ่านมา ก็ไม่มีผลกระทบ และเชื่อว่า 90 วันหลังจากนี้ ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จะต้องส่งรายงานให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาว่า จะคว่ำบาตรไทยหรือไม่นั้น ตนพูดได้อย่างชัดเจน จะไม่มีการคว่ำบาตรไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาใจว่ามีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะรายงานสหรัฐฯ ระบุไทยยังไม่พยายามพอ นายดอน กล่าวว่า ไม่อยากจะมองแบบนั้น อะไรก็ตามที่ผ่านไปแล้ว ต้องข้ามไป ไม่สามารถจะไปนั่งคิดเสียเวลา แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมองลึกลงไป แต่อย่างนั้นจะปวดหัว เพราะยังมีเรื่องอื่นเยอะแยะรออยู่ข้างหน้า ก่อนหน้านี้เราพูดกันว่า อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอผ่านเวลา 21.00 น. เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค. ถือว่าจบ และแม้จะยังอยู่ เทียร์ 3 แต่จากนี้ไปเรื่องมนุษยธรรม เป็นเรื่องที่เราต้องทำต่อไป จะไม่ให้มีปัญหาค้ามนุษย์ การค้าทาสยุคใหม่มาเป็นปัญหาในบ้านเรา ดังนั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องกังวลแล้ว ทำกันต่อไปให้ดี
เมื่อถามว่าการจัดอันดับค้ามนุษย์ครั้งนี้ จะมีผลต่อกรณีที่ สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมจะประเมินเรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย ตามกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมายไร้การควบคุม หรือกฎระเบียบ (ไอยูยู) หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ที่จริงแยกกัน อาจจะมีอะไรโยงกันเล็กน้อย แต่ว่าต่างมีข้อพิจารณาของตัวเอง ไม่ได้นั่งรวมกันเพื่อมาพิจารณาเรื่องของเรา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลกระทบจากไอยูยู จะมีมากกว่า เทียร์ 3 แต่ที่ผ่านมาเรื่องการแก้ไขปัญหาประมง เราทำอย่างแน่วแน่ ตั้งใจแก้ปัญหา คิดว่าเพียงพอที่จะให้เราผ่านได้
** จี้ "มะกัน" ชี้แจงวิธีเก็บข้อมูล
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยไม่กังวล หรือท้อแท้ต่อผลการประเมินดังกล่าว เพราะทราบดีว่า ได้ดำเนินการก้าวหน้าเพียงใดต่อประเด็นนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น ทั้งการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลแล้ว กว่า 70 ราย อายัดทรัพย์ผู้อยู่ในขบวนการ กว่าร้อยล้านบาท และติดตามช่วยเหลือเหยื่อจากขบวนการได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยังให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม และยืนยันที่จะให้ความร่วมมือกับนานาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างมุ่งมั่น และเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนเพื่อให้กระบวนการค้ามนุษย์หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย
"จุดยืนที่ชัดเจนของไทยคือ การไม่ยอมให้ผู้ใดใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และผู้กระทำผิดต้องได้รับการลงโทษ ส่วนรายงานผลการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่ออกมานั้น ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกรายงาน ที่จะชี้แจงต่อประชาคมโลกให้ชัดเจนว่า เก็บรวบรวมข้อมูลจากส่วนใด และใช้หลักเกณฑ์ใดในการประเมิน เพื่อให้รายงานมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานที่ยอมรับได้อย่างแท้จริง และเพื่อยืนยันว่าเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยปราศจากวาระซ่อนเร้นอื่นใด" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
**ผบ.ทร.เชื่อไม่กระทบเรื่องประมงของอียู
พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) กล่าวถึงกรณี สหรัฐฯ ยังคงอันดับให้ประเทศไทยอยู่กลุ่ม เทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2015 ว่า ขณะนี้ต้องรอดูว่าทางสหรัฐฯ จะออกมาตรการอย่างไรต่อไปอีกในช่วง 90 วัน แต่ในส่วนของ สหภาพยุโรป (อียู) ที่กองทัพเรือดูแล เรื่องการทำประมงผิดกฎหมายนั้น ขณะนี้เรายังดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีแรงงานประมงที่ผิดกฎหมายแล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับเรื่องการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ทางสหรัฐฯ บอกว่าได้พิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์มาตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่ผลงานที่เป็นรูปธรรมของไทยมีขึ้นในช่วง เม.ย. ตรงนี้อาจจะทำให้มีผลในบางส่วน เราเข้าใจในการคิดของสหรัฐฯ แต่คงต้องใช้เวลา อีกทั้งขึ้นอยู่กับผู้สื่อข่าวในการช่วยนำเสนอข่าว ว่าจะเสนอทางบวกหรือทางลบ เพราะผู้สื่อข่าวทราบดีว่า ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไรบ้าง ต้องเข้าใจว่าทางสหรัฐฯ ไม่ได้มีผู้สื่อข่าวอยู่ที่ไทยตลอดเวลา และไม่ได้ทำข่าวเจาะเหมือนกับสื่อของไทย เพราะฉะนั้นทุกคนถือว่ามีส่วนร่วมทั้งหมด
" เทียร์ 3 น่าจะไม่มีปัญหาในส่วนการเรื่องการทำประมงนั้น เรายืนยันว่ามาตรการทั้งในเรื่องกฎหมาย และการปฏิบัติการตรวจสอบและติดตาม น่าจะตอบได้ว่า เรื่องของประมงไม่ใช่เรื่องของเทียร์ 3 แน่นอน ที่ผ่านมาการประชุม ศปมผ. เราได้ทำเอกสารทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติก็ทำเอกสารให้กับอียู ในเดือนก.ย.นี้ เราจะไปคุยกับอียูอีกครั้ง เพราะเขาจะมาตรวจสอบเราในเดือนต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เรายังแสดงเจตจำนงและมีแผนงานการปฏิบัติชัดเจน" ผบ.ทร.กล่าว
เมื่อถามว่าปัจจัยที่ยังทำให้ติดอยู่ที่เทียร์ 3 เพราะเรื่องการเมืองภายในประเทศของเรามีส่วนหรือไม่ ที่ทางสหรัฐฯ พยายามกดดันให้ไทยมีการเลือกตั้งโดยเร็ว พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง เพราะกระจกมีหลายด้าน แล้วแต่ใครจะมองด้านไหน แต่ในส่วนของตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน สิ่งสำคัญคือ สื่อมวลชนที่จะต้องนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง อย่าใช้ความนำคิดของสื่อมากเกินไปในการเขียน เพราะอาจจะทำให้เรื่องบวกกลายเป็นเรื่องลบได้ ขอให้นำเสนอข่าวตรงไปตรงมา เพราะขณะนี้รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ขอให้พูดในสิ่งที่เราทำ อย่าไปใส่ไข่ ส่วนสหรัฐฯ จะเข้าใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เราทำดีที่สุดแล้ว
** ชี้ปม"อุยกูร์-รัฐประหาร"คืออุปสรรค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. กล่าวผ่านรายการมองไกล ถึงรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่คงสถานะให้ไทยอยู่ในระดับ เทียร์ 3 ว่า เชื่อว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน เป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินของสหรัฐฯ ที่ยังคงไทยไว้ในอันดับเดิม แม้ก่อนหน้านี้จะมีการแก้ไขปัญหาเรื่องชาวโรฮีนจา แบบเป็นรูปธรรม
ดังนั้น หลังจากนี้รัฐบาลต้องคิดว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอะไรหลังจากนี้ และขอให้ออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ พร้อมทั้งขอให้นายกรัฐมนตรี หันกลับมามองที่ต้นเหตุของปัญหา อย่าทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เชื่อว่า ปัญหานี้เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร ที่ทำให้นานาชาติพุ่งเป้าจับผิดทุกการบริหารงานของรัฐบาล
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย และ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะการทำงานของภาครัฐยังขาดความจริงจัง เข้มข้น ถึงแม้ว่าจะใช้คำพูดที่ทำให้ดูเหมือนเอาจริง โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ก็ไม่ได้ผล รัฐบาลกับคนไทยก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป ต้องรอดูว่าผลที่จะเกิดตามมาจะเป็นเช่นไร จากนี้ต้องเตรียมใจรับกับการประเมินของสหภาพยุโรป (อียู) เรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) เอาไว้ด้วย เพราะหากศึกษาจากรายงาน TIP Report ก็จะเห็นเค้ามูลได้ อยากขอฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ กำชับผู้รับผิดชอบ ให้รีบเร่งทำงานให้ตรงเป้าก่อนที่จะสายเกินแก้ คนเก่งคนมีฝีมือเขาวัดกันตรงนี้ การบริหารประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าสั่งงานไปแล้วผู้ใต้บังคับบัญชารู้ว่าจะนำไปปฏิบัติเช่นไร ยังมีอีกหลายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบแก้ไขปัญหาประเทศก่อนที่จะนำพารัฐนาวาลำนี้จมดิ่งลงใต้ทะเล ขอให้ท่านตัดสินใจให้ดีก่อนที่จะสายเกินแก้
***แฉ!จนท.รัฐทำงานพลาด ออกเอกสารผิด
น.ส.โรยทราย วงศ์สุบรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ในเรื่องการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก เพราะแม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีคำสั่งให้เปิดศูนย์บริการเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service ในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา แต่เนื่องจากข้อมูลและแนวทางปฏิบัติยังไม่ได้รับการเผยแพร่ มีความเข้าใจไม่ชัดเจนทั้งตัวเจ้าหน้าที่รัฐและแรงงานข้ามชาติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจับกุมแรงงานข้ามชาติที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสัญชาติ
น.ส.โรยทราย กล่าวว่า อย่างล่าสุดมีการจับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าเดินทางโดยมีเอกสารครบถ้วน แต่เจ้าหน้าที่ประจำด่านฯ พบว่าหนังสือรับรองจากสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 7 ที่แรงงานถือมานั้นมีความผิดพลาดคือ พิมพ์ปีพุทธศักราชและชื่อของแรงงานผิด จึงสันนิษฐานว่าเป็นเอกสารปลอม จึงแจ้งข้อหาว่าเป็นคนต่างด้าวที่เดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้สิทธิอาศัยชั่วคราวเป็นสิ้นสุด และถูกส่งตัวไปยัง สภ.แม่สอด แต่จากที่เครือข่ายฯ ได้ตรวจสอบไปที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 7 มีเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องยอมรับว่าเอกสารฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง แต่มีการพิมพ์ผิดพลาด ซึ่งไม่ใช่แค่รายดังกล่าวเพียงรายเดียว แต่ยังมีหนังสือทั้งหมดที่ออกในวันที่ 7 ก.ค. 2558 ด้วย ขณะที่แรงงานต่างด้าวรายดังกล่าวถูกส่งฟ้องที่ศาล มีคำพิพากษาว่ามีความผิดถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน ปรับเป็นเงิน 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือปรับ 2,000 บาท จำคุดให้รอการลงโทษ 1 ปี และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง
***วิจารณ์ขรม!สหรัฐฯ เอาอะไรชี้วัด?
ส่วนสื่อนอก ระบุว่า การที่มาเลเซียและคิวบาได้รับการปรับจากเทียร์ 3 ขึ้นไปอยู่ใน “กลุ่มเฝ้าระวัง เทียร์ 2” ก็ทำให้นักวิจารณ์ บางคนอดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลบารัค โอบามากำลังแทรกแซงการจัดอันดับเพื่อ “ตบรางวัล” ให้แก่ประเทศที่อเมริกาพอใจ
เป็นที่รู้กันอยู่ว่า มาเลเซียคือหนึ่งในประเทศริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อเข้าร่วมเขตการค้าเสรีที่สหรัฐฯ เป็นโต้โผใหญ่ ส่วนรัฐคอมมิวนิสต์คิวบาเองก็เพิ่งรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หลังจากที่เป็นอริกันมานานกว่า 50 ปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาเลเซียกำลังเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) กับสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ช่วยให้กัวลาลัมเปอร์ได้ “เลื่อนขั้น” มาอยู่เทียร์ 2 ใช่หรือไม่ ซาราห์ ซีวอลล์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการสิทธิมนุษยชน ก็รีบปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ ไม่ ไม่ใช่เลย”
ด้านสมาพันธ์เพื่อการยุติระบบทาสและการค้ามนุษย์ (Alliance to End Slavery and Trafficking) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ก็กล่าวหารัฐบาลโอบามาว่าเอาผลประโยชน์ทางการค้ามาอยู่เหนือหลักสิทธิมนุษยชน และเลื่อนขั้นให้มาเลเซียอย่างไม่เป็นธรรม
รัสเซียซึ่งมีแรงงานต่างชาติอยู่มากถึง 12 ล้านคน ถูกวอชิงตันจัดเข้ากลุ่มเทียร์ 3 มาตั้งแต่ปี 2013
จีนถูกปรับอันดับขึ้นมา 1 ขั้นอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังเทียร์ 2 เมื่อปี 2014 และยังคงสถานะเดิมในปีนี้ ส่วนคิวบาซึ่งติดกลุ่มเทียร์ 3 มานานถึง 12 ปีเต็มได้รับการอัปเกรดขึ้นมาอยู่เทียร์ 2
ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ระบุว่า ธุรกิจค้ามนุษย์มีมูลค่าสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแต่ละปี โดยกว่าครึ่งมาจากการค้ากามซึ่งทำเงินมากถึง 99,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ไทยซึ่งเป็นมิตรเก่าแก่ของอเมริกาถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 มาแล้ว 2 ปีซ้อน ซึ่งรายงานของสหรัฐฯ ชี้ว่า ปัญหาการค้ามนุษย์ในไทยมีต้นตอจากธุรกิจค้ากามซึ่งมีชาวเมียนมา ลาว และกัมพูชาจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ รวมถึงการล่วงละเมิดแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมประมง
โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกคำแถลงตอบโต้ว่า การจัดอันดับของสหรัฐฯ ไม่สะท้อนอย่างถูกต้องต่อความพยายาม และความก้าวหน้าหลายๆ ด้านในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงปีที่ผ่านมา.
***ซัดมะกันเอาการเมืองทุบศก.ไทย
วานนี้ (28 ก.ค.) นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องการค้ามนุษย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตอนนี้ เป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว สหรัฐฯต้องการกดดันไทยต่อไปทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ เพราะรัฐบาลนี้ได้ทำทุกอย่างที่จะทำได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่การพิจารณาไม่ได้ทำกันอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อหา ซึ่งสหรัฐฯใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายเศรษฐกิจไทยต่อไป แล้วจะตามมาด้วย EUในเรื่องประมง IUU รวมทั้งเรื่องมาตรฐานการบินสหรัฐฯและยุโรปต้องการกดดันการส่งออกของไทยให้ถึงที่สุด เป็นการแซงชั่นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ นอกเหนือจากการตัดGSP การไม่เจรจาทำข้อตกลงทางการค้าการจัดเป็น tier 3 เพื่อให้ประเทศสหรัฐฯและยุโรปรณรงค์ไม่ให้ประชาชนซื้อสินค้าไทย ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะแก้เกมอย่างไรจะพึ่งจีนคงไม่ไหว เพราะจีนก็เอาเปรียบชนิดพม่ากับลาวยังถอยหนีและจีนกำลังทำสงครามเศรษฐกิจกับสหรัฐฯอยู่อย่างรุนแรง
ทั้งนี้ สหรัฐต้องการทุบเศรษฐกิจไทย เพราะ1. เรามีรัฐบาลที่มาจากปฏิวัติ 2. เราหันไปพึ่งพิงทางเศรษฐกิจจากจีนมากขึ้น สหรัฐต้องการแสดงให้เห็นว่า จีนไม่สามารถช่วยเราได้ 3. การส่งพวกอุยกูร์กลับจีนก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
" การจัดอันดับประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 จะเปิดโอกาสให้ยุโรป และพรรคพวก อ้างเป็นเหตุไม่ซื้อสินค้าไทย เพื่อทำลายอุตสาหกรรมประมง อาหารทะเลอาหารทะเลแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปจากอาหารทะเลและไม่ใช่เฉพาะอาหารทะเล แต่ลามปามไปสินค้าอื่นๆ ด้วย คิดประเมินความเสียหายไว้ประมาณ สองแสนล้านบาทการส่งออกจะตกต่ำไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องสหรัฐโจมตีการส่งออก เพราะรู้ว่าเราพึ่งพิงการส่งออกมาก เป้าคือให้เศรษฐกิจตกมากๆ ให้ประชาชนเดือดร้อนแล้วลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเพราะเดือดร้อนทางเศรษฐกิจรัฐบาลจะอยู่ยาก"
อีกส่วนที่กำลังโจมตีคือ เรื่องมาตรฐานการตรวจสอบการบิน อันนี้เป็นอีกเรื่องที่เรามีจุดอ่อน เป็นการทำลายการเป็นศูนย์กลางการบินของไทยในระยะยาวทำลายสายการบินต่างๆ ของไทย และเป้าหมายสุดท้ายคือทำลายการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักอีกเส้นของไทยทำนายได้เลยว่า เรื่องการบิน ไทยจะถูกใบแดงทั้งจากยุโรปและสหรัฐ การบินไทยเจ๊งแน่ๆ รวมทั้งสายการบินสัญชาติไทยด้วย
“เราต้องเผยแพร่ในประเด็นกฎหมายครับ คือยกคำนิยาม และเอาอะไรที่เราทำมาเรียบเรียงว่าเราทำตามคำนิยามใน tier 2 ให้ชัดเจนแล้วเผยแพร่แถลงข่าวออกไปอย่างเป็นทางการของ กต. รวมทั้งชี้แจงไปทั่วโลก จุดอ่อนคือเรื่อง อุยกูร์ จะโดนโจมตีมากแต่เรื่องอุยกูร์ไม่ใช่เรื่องค้ามนุษย์ เป็นเรื่องผู้ลี้ภัย คนละประเด็นกัน แต่สหรัฐมั่วจับมารวมกัน”.
****อุปทูตสหรัฐ ชมรัฐบาลไทย ระบุช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแก้ปัญหาค้ามนุษย์ดี เชื่อผลการประเมินรอบใหม่ น่าจะดีขึ้น
วันนี้ (27 ก.ค.) นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าเยี่ยมคาราวะ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม จากนั้นนายดับเบิลยู ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการหารือเรื่องความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม ระหว่าง 2 ประเทศ และการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมในอนาคต พร้อมแจ้ง รมว.วัฒนธรรมทราบว่า มีโบราณวัตถุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐจับกุมไว้ อาจจะได้คืนกลับมาประเทศไทยในเร็วๆนี้
นายแพทริค กล่าวว่า สำหรับกรณี นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ได้ประกาศรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2558 ซึ่งครอบคลุม 188 ประเทศทั่วโลก พบว่า การค้ามนุษย์ ถือเป็นอาชญากรรมที่หนักหน่วงมาก จะต้องได้รับการแก้ไข ในทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศต้นทาง กลางทาง หรือ ปลายทาง นอกจากนั้น ในรายงานยัง พบว่า ปี 2557 -2558 ได้มีความพยายามอย่างยิ่งยวดของรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมาย หรือความพยายามอื่นๆ แต่ปรากฏว่าความพยายามของประเทศไทย ยังไม่เข้าขั้นถึงมาตรฐานปกติ ที่จะสามารถยกระดับขึ้นไปได้
อุปทูตสหรัฐ กล่าวว่า ในขณะนี้ได้ยินกระแสในทางบวก โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกแถลงการณ์ว่ายังคงทำงานเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ต่อไป รวมทั้งร่วมมือกับนานาชาติ แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ตนมีความยินดีกับพันธกิจที่ประเทศไทยได้ประกาศเอาไว้ นอกจากนั้น ทางสหรัฐ ยังอยากชื่นชม เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการไทย ที่ได้อุทิศตนในการทำงานแก้ไขปัญหาอย่างหนัก จึงอยากให้กำลังใจ และกระตุ้นให้ทำงานต่อไป เพื่อจะได้ยุติอาชญากรรมประเภทนี้
เมื่อถามถึงกรณีการยกระดับ ประเทศ คิวบาร์ และมาเลเซีย จาก เทียร์ 3 เป็น เทียร์ 2 แต่ประเทศไทย กลับไม่ได้ถูกยกระดับด้วยนั้น นายแพทริค กล่าวว่า เกี่ยวกับรายงานของแต่ละประเทศ ได้รับการประเมิน โดยการทำงานของประเทศนั้นๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับการทำงานการแก้ไขปัญหาของไทยเอง ในกรณีมาเลเซีย ที่ได้รับการยกระดับ ซึ่งเป็นการพัฒนาการที่ดีขึ้น จากเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 แต่ แม้ว่าจะอยู่ในเทียร์ 2 มาเลเซียก็ยังมีปัญหาใหญ่ ที่ยังต้องแก้ไขอยู่
ถามว่าผลการจัดอันดับของไทย อยู่ระดับเทียร์ 3 จะทำให้สหรัฐคว่ำบาตร หรือ กีดกันทางการค้า กับประเทศไทย หรือไม่ อุปทูตสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ตามกฎหมายของสหรัฐ การคว่ำบาตรยังมีอยู่ สำหรับประเทศที่ตกอยู่ใน เทียร์ 3 แต่กฎหมายนั้น ก็ขึ้นอยู่ประธานาธิบดีที่มีอำนาจตัดสินใจ ถ้าประเทศที่อยู่ในเทียร์ 3 มีความสำคัญกับสหรัฐ และมีองค์ประกอบอื่นๆ ก็จะให้เวลา 90 วัน ที่ประธานาธิบดีจะตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการอะไร หรือไม่ใช้มาตรการอะไร
นายแพทริค กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ประเทศไทยจะต้องทำในขณะนี้เพื่อไม่ให้เกิดการคว่ำบาตร และได้รับการยกระดับ โดยเวลาประเมินจะประเมินปีต่อปี ซึ่งประเทศไทยยังมีเวลา ที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเท่าที่เห็น ในช่วง 3 เดือน หลังจาก วันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา อยากจะชมเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทย และรัฐบาลไทยที่ทำงานได้ดีและยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมาย การเปลี่ยนแปลง ปราบปราม กวาดล้าง และจับกุม แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เข้ามาเกี่ยวพัน ก็หวังว่าจะไปถึงขั้นการฟ้องศาล ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณรัฐบาลไทย ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านนั้น ทำได้ดี เชื่อว่าการประเมินรอบใหม่ ผลการประเมินน่าจะดีขึ้น