วานนี้ (22ก.ค.)นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) แถลงข่าววันภาษาไทยแห่งชาติ 29 ก.ค. ประจำปี 2558 ว่า ภาษาไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนได้ใช้อย่างถูกต้อง เพราะประเทศในโลกที่มีภาษาพูด อ่าน และเขียน เป็นของตนเองมีไม่มากนัก และภาษาไทยก็ถือเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 21 ของโลก พร้อมกันนี้ ยังมีประเทศที่ใช้ภาษาคล้ายคลึงกับภาษาไทยมาก ยกตัวอย่าง เมืองสิบสองปันนา ของจีน รัฐฉานของพม่า อัสสัม ของอินเดีย ฯลฯ
ดังนั้น ในวันภาษาไทยประจำปี 2558 วธ.เตรียมจัดกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาไทยหลายหลายกิจกรรมเพื่อกระตุ้นส่งเสริมและปลุกจิตสำนึกให้คนทั้งชาติเห็นความสำคัญ และร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานภาษาไทย มีกิจกรรมสำคัญ คือ การประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและมอบรางวัลให้แก่บุคคลแบบอย่างด้านภาษาไทย ดังนี้
ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ได้แก่ ศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ ,ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จำนวน 6 ราย ได้แก่ นายกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ น.ส.นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นายประพันธ์ หิรัญพฤกษ์ นายประภาส ชลศรานนท์ นางศรีนวล ขำอาจ และผศ.สกุล บุณยทัต
ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น นายเกริก อัครชิโนเรศ นางนวลจันทร์ ไชยวงศ์นายปฐม มุสิกะ นายวิจิตร ดำประสิทธิ์ และนายศรีเลา เกษพรหม
ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย นายประเสริฐ รักษ์วงศ์ และนางปราณี ปราบริปู
ส่วนรางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษผู้มีคุณูปการต่อวงการเพลงไทยเดิม ได้แก่ ศ.เกียรติคุณ นพ.พูนพิศ อมาตยกุล รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ เพลงชุดดีเด่นสำหรับเด็ก ได้แก่ ชุดเจื้อยแจ้ว รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษรายการโทรทัศน์ผู้สร้างโอกาสศิลปินลูกทุ่ง ได้แก่ รายการชิงช้าสวรรค์ ของนายปัญญา นิรันดร์กุล รางวัลชนะเลิศการประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล ได้แก่ เพลงวันพรุ่งนี้ของนายประภาส ชลศรานนท์ รางวัลชนะเลิศการประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ เพลงทวนรักฝากลม ของนายบำเรอ ผ่องอินทรกุล หรือ โน้ต เชิญยิ้ม รางวัลชนะเลิศการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภทเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ เพลงอยากได้ยิน โดยนายยืนยง โอภากุล
ทั้งนี้บุคคลแบบอย่างจะเข้ารับเข็มและโล่เชิดชูเกียรติในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ 29 ก.ค. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
นายวีระ กล่าวต่อว่า เพื่อฟื้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน วธ. ยังมีกิจกรรมย้อนยุค โดยนำต้นแบบรายการภาษาไทยวันละคำในอดีต มาถอดแบบใหม่ และทำเป็นรายการในชื่อ ”ภาษาไทย ภาษาชาติ” เริ่มออกอากาศ 29 ก.ค.นี้ จะออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงก่อนข่าวในพระราชสำนัก ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นอกจากนี้ วธ.ยังได้จัดทำพจนานุกรมรวบรวมองค์ความรู้และคำศัพท์ภาษาถิ่น เพื่อเผยแพร่แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนให้เกิดความตระหนักรู้และหวงแหนในเอกลักษณ์ท้องถิ่นของตนเองด้วย
ดังนั้น ในวันภาษาไทยประจำปี 2558 วธ.เตรียมจัดกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาไทยหลายหลายกิจกรรมเพื่อกระตุ้นส่งเสริมและปลุกจิตสำนึกให้คนทั้งชาติเห็นความสำคัญ และร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานภาษาไทย มีกิจกรรมสำคัญ คือ การประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและมอบรางวัลให้แก่บุคคลแบบอย่างด้านภาษาไทย ดังนี้
ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ได้แก่ ศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ ,ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จำนวน 6 ราย ได้แก่ นายกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ น.ส.นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นายประพันธ์ หิรัญพฤกษ์ นายประภาส ชลศรานนท์ นางศรีนวล ขำอาจ และผศ.สกุล บุณยทัต
ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น นายเกริก อัครชิโนเรศ นางนวลจันทร์ ไชยวงศ์นายปฐม มุสิกะ นายวิจิตร ดำประสิทธิ์ และนายศรีเลา เกษพรหม
ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย นายประเสริฐ รักษ์วงศ์ และนางปราณี ปราบริปู
ส่วนรางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษผู้มีคุณูปการต่อวงการเพลงไทยเดิม ได้แก่ ศ.เกียรติคุณ นพ.พูนพิศ อมาตยกุล รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ เพลงชุดดีเด่นสำหรับเด็ก ได้แก่ ชุดเจื้อยแจ้ว รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษรายการโทรทัศน์ผู้สร้างโอกาสศิลปินลูกทุ่ง ได้แก่ รายการชิงช้าสวรรค์ ของนายปัญญา นิรันดร์กุล รางวัลชนะเลิศการประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล ได้แก่ เพลงวันพรุ่งนี้ของนายประภาส ชลศรานนท์ รางวัลชนะเลิศการประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ เพลงทวนรักฝากลม ของนายบำเรอ ผ่องอินทรกุล หรือ โน้ต เชิญยิ้ม รางวัลชนะเลิศการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภทเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ เพลงอยากได้ยิน โดยนายยืนยง โอภากุล
ทั้งนี้บุคคลแบบอย่างจะเข้ารับเข็มและโล่เชิดชูเกียรติในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ 29 ก.ค. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
นายวีระ กล่าวต่อว่า เพื่อฟื้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน วธ. ยังมีกิจกรรมย้อนยุค โดยนำต้นแบบรายการภาษาไทยวันละคำในอดีต มาถอดแบบใหม่ และทำเป็นรายการในชื่อ ”ภาษาไทย ภาษาชาติ” เริ่มออกอากาศ 29 ก.ค.นี้ จะออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงก่อนข่าวในพระราชสำนัก ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นอกจากนี้ วธ.ยังได้จัดทำพจนานุกรมรวบรวมองค์ความรู้และคำศัพท์ภาษาถิ่น เพื่อเผยแพร่แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนให้เกิดความตระหนักรู้และหวงแหนในเอกลักษณ์ท้องถิ่นของตนเองด้วย
