**สงครามการเมืองแย่งชิงอำนาจยังไม่จบ ทั้งสองขั้วยังคงเดินหน้าห่ำหั่นกันอยู่ เพียงแต่ขั้วหนึ่งหยุดเพราะเงื่อนไขทางกฎหมาย-ทางกำลัง ไม่เอื้ออำนวย อีกขั้วเดินหน้าใส่เกียร์ห้า บล็อกทุกทาง ไม่ให้ขั้วอำนาจเดิมกลับมาเคลื่อนไหวได้สะดวกเหมือนเก่า
แต่จู่ๆ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ออกมา“จุดพลุ”เสนอให้จัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”โดยอ้างว่าเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมือง และเกิดความปรองดองอย่างยั่งยืน
โดยเตรียมชงข้อเสนอให้กับรัฐบาล-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ-สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำไปพิจารณา พร้อมเสนอให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญใหม่ ระบุให้มี“นายกรัฐมนตรีคนกลาง”เข้ามาทำงานต่อจาก รัฐบาลคสช.
แถมยังยุให้ รัฐบาลคสช. ใส่ข้อเสนอของตัวเองเอาไว้ในคำถาม “ประชามติ”ที่จะให้ประชาชนออกเสียง รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกด้วย เพื่อให้เกิดความชอบธรรม
ส่วนประกอบของ“รัฐบาลแห่งชาติ”ที่ สปช. เตรียมชงให้พิจารณา จะมีบุคคลที่เป็นตัวแทนจากทุกขั้วการเมือง โดยมีเงื่อนไขให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพื่อปลดล็อกนักการเมือง“ค่ายแดง”ที่มีคดีความติดตัวอยู่ และคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณา ให้สามารถกลับลงสนามการเมืองได้ด้วย
**ที่สำคัญให้ปลดล็อก"นช.แม้ว"ด้วย ซึ่งคดีความของ นช.แม้ว จะทยอยหมดอายุความ ในปี 2559-2560 หนำซ้ำยังเสนอแบบอ่อยเหยื่อด้วยการพ่วงให้มี “ตัวแทนคสช.”อยู่ในรัฐบาลแห่งชาติ ด้วย
ดูเหมือนของเสนอของบรรดา สปช. จะขายฝันให้กับคนที่อยากมีฝัน อยากไต่เต้าก้าวเข้าสู่อำนาจทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริงแม้แต่น้อย ว่าสามารถทำได้หรือไม่
เพราะหากย้อนกลับไปทั้งก่อนหน้า และหลังที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น มักจะมีข้อเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ขึ้นมาเกือบทุกครั้ง แต่หน้าประวัติศาสตร์แทบจะไม่เคยมี รัฐบาลแห่งชาติเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการให้เห็นมาก่อน
บรรดา“บิ๊กการเมือง”แทบไม่มีใครเอาด้วยกับ รัฐบาลแห่งชาติเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะต่างขั้วต่างรู้ว่า ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
หากลองนึกภาพดูว่า "นารีปูแดง" ต้องมานั่งร่วมประชุมครม.กับ"พี่มาร์ค" แล้วต้องนำนโยบายซึ่งต่างขั้วกันอยู่แล้วมาเสนอให้ที่ประชุมครม.อนุมัติ คงไม่มีใครยอมใคร โต้เถียงกันจนตายไปข้าง
แล้วบรรดาลิ่วล้อของแต่ละพรรคการเมืองที่ทุนเดิมก็“เกลียด”กันจนไม่อยากมองหน้ากันอยู่แล้ว จะมานั่งปั้นหน้า แสดงให้เห็นว่า“ปรองดอง”คงไม่มีทางที่จะทำกันได้
**ยิ่งเป็นแกนนำมวลชน นปช.อย่าง “ตู่-เต้น”กับ “พระสุเทพ ปภากโร”เลขาธิการ กปปส. แล้ว ยิ่งยากที่จะทำให้หันมาญาติดีกัน เพราะต่างก็รู้ดีว่า หากยื่นมือทอดไมตรีกับฝั่งตรงข้ามเมื่อไร“มวลชน”ฝั่งตัวเองจะลดน้อยลงทันที
ยิ่งเป็น“มวลชนแดง”ที่มีหลายเฉด-หลากโทน ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่า มวลชนในคาถาของ“ตู่-เต้น”มีแค่ไหน เพราะหากไม่มีแป๊ะเจียะ “มวลชน”คงไม่เยอะ หากไปจับมือกับ“ศัตรูอันดับหนึ่ง”ยิ่งเสียมวลชนกันไปใหญ่
ความพยายามของ สปช. เหมือนเป็นความพยายามที่จะชงทุกข้อเสนอ ที่สังคมพอจะรับฟังได้ให้ คสช. พิจารณา เพื่อหวังที่จะอยู่ต่อในตำแหน่ง เพราะหลังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีผลบังคับใช้ สปช. จะถูกยุบไปโดยปริยาย
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับข้อเสนอของ “สปช. บางคน”ที่อ้างว่าตัวเองเป็น "สปช.กลุ่มรักชาติ" ที่เสนอให้ประเทศเปิดบ่อนกาสิโน โดยอ้างว่าต้องการให้เป็นสากล บอกกับประชาชนว่าอย่า“โกหก”ตัวเอง
แต่กลับเป็น “สปช.กลุ่มรักชาติ”ที่โกหกตัวเอง อยากเสนอข้อเสนอสุดโต่ง เพื่อให้“นายพลคนหนึ่ง”พอใจ ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในตำแหน่งต่อใน สปช. ชุดใหม่
ทว่าสุดท้ายก็ต้องซดแห้วไปโดยปริยาย หลังกระแสสังคมไม่เอาด้วย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ที่ช่วงแรกก็แบ่งรับแบ่งสู้ ขอให้สปช.เสนอมาก่อน แต่สุดท้าย ทนกระแสสังคมไม่ไหว ก็ตีตกไปด้วยตัวเอง
การเสนอ“รัฐบาลแห่งชาติ”คงเช่นเดียวกัน คงมีบางคนไปยุยง “สปช.”เพื่อหยั่งกระแสสังคม หรือไม่อาจจะเป็น สปช.เอง ที่ต้องการดิ้นกลับเข้ามามีตำแหน่งอีกครั้ง เสนอข้อเสนอที่ทำไม่ได้ออกมา
สุดท้ายฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่า“รัฐบาลแห่งชาติ”ก็แค่ข่าวที่เล่นกันตามสื่อ ให้ฮือฮา ขณะที่ “คนการเมือง”ได้ขยับฝีปาก ด่ากันไปมา ก็เท่านั้น คงไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติจริง
ที่สำคัญ หากหลัง “บิ๊กตู่”ซึ่งต้องยอมรับว่ามาจากรัฐประหาร ลงจากตำแหน่ง แล้วยังดันมี “รัฐบาลแห่งชาติ” ประเทศไทยคงถึงคราวพินาศ เพราะประชาคมโลกคงไม่ยอมรับง่ายๆแน่
“โลก”พัฒนาไปไกลกว่า สมาชิก สปช. ที่ยังคิดลูกไม้ตื้นๆ เพื่อช่วยให้ตัวเองเอาตัวรอดให้ได้ อยากมีตำแหน่งให้นานที่สุด โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ
** งานนี้ สปช. คงต้องคิดทบทวนตัวเองกันบ้างแล้ว หากยังชงข้อเสนอที่แม้แต่ "เด็กอมมือ" ยังรู้ว่าคิดอะไรอยู่ !!!
แต่จู่ๆ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ออกมา“จุดพลุ”เสนอให้จัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”โดยอ้างว่าเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมือง และเกิดความปรองดองอย่างยั่งยืน
โดยเตรียมชงข้อเสนอให้กับรัฐบาล-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ-สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำไปพิจารณา พร้อมเสนอให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญใหม่ ระบุให้มี“นายกรัฐมนตรีคนกลาง”เข้ามาทำงานต่อจาก รัฐบาลคสช.
แถมยังยุให้ รัฐบาลคสช. ใส่ข้อเสนอของตัวเองเอาไว้ในคำถาม “ประชามติ”ที่จะให้ประชาชนออกเสียง รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกด้วย เพื่อให้เกิดความชอบธรรม
ส่วนประกอบของ“รัฐบาลแห่งชาติ”ที่ สปช. เตรียมชงให้พิจารณา จะมีบุคคลที่เป็นตัวแทนจากทุกขั้วการเมือง โดยมีเงื่อนไขให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพื่อปลดล็อกนักการเมือง“ค่ายแดง”ที่มีคดีความติดตัวอยู่ และคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณา ให้สามารถกลับลงสนามการเมืองได้ด้วย
**ที่สำคัญให้ปลดล็อก"นช.แม้ว"ด้วย ซึ่งคดีความของ นช.แม้ว จะทยอยหมดอายุความ ในปี 2559-2560 หนำซ้ำยังเสนอแบบอ่อยเหยื่อด้วยการพ่วงให้มี “ตัวแทนคสช.”อยู่ในรัฐบาลแห่งชาติ ด้วย
ดูเหมือนของเสนอของบรรดา สปช. จะขายฝันให้กับคนที่อยากมีฝัน อยากไต่เต้าก้าวเข้าสู่อำนาจทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริงแม้แต่น้อย ว่าสามารถทำได้หรือไม่
เพราะหากย้อนกลับไปทั้งก่อนหน้า และหลังที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น มักจะมีข้อเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ขึ้นมาเกือบทุกครั้ง แต่หน้าประวัติศาสตร์แทบจะไม่เคยมี รัฐบาลแห่งชาติเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการให้เห็นมาก่อน
บรรดา“บิ๊กการเมือง”แทบไม่มีใครเอาด้วยกับ รัฐบาลแห่งชาติเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะต่างขั้วต่างรู้ว่า ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
หากลองนึกภาพดูว่า "นารีปูแดง" ต้องมานั่งร่วมประชุมครม.กับ"พี่มาร์ค" แล้วต้องนำนโยบายซึ่งต่างขั้วกันอยู่แล้วมาเสนอให้ที่ประชุมครม.อนุมัติ คงไม่มีใครยอมใคร โต้เถียงกันจนตายไปข้าง
แล้วบรรดาลิ่วล้อของแต่ละพรรคการเมืองที่ทุนเดิมก็“เกลียด”กันจนไม่อยากมองหน้ากันอยู่แล้ว จะมานั่งปั้นหน้า แสดงให้เห็นว่า“ปรองดอง”คงไม่มีทางที่จะทำกันได้
**ยิ่งเป็นแกนนำมวลชน นปช.อย่าง “ตู่-เต้น”กับ “พระสุเทพ ปภากโร”เลขาธิการ กปปส. แล้ว ยิ่งยากที่จะทำให้หันมาญาติดีกัน เพราะต่างก็รู้ดีว่า หากยื่นมือทอดไมตรีกับฝั่งตรงข้ามเมื่อไร“มวลชน”ฝั่งตัวเองจะลดน้อยลงทันที
ยิ่งเป็น“มวลชนแดง”ที่มีหลายเฉด-หลากโทน ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่า มวลชนในคาถาของ“ตู่-เต้น”มีแค่ไหน เพราะหากไม่มีแป๊ะเจียะ “มวลชน”คงไม่เยอะ หากไปจับมือกับ“ศัตรูอันดับหนึ่ง”ยิ่งเสียมวลชนกันไปใหญ่
ความพยายามของ สปช. เหมือนเป็นความพยายามที่จะชงทุกข้อเสนอ ที่สังคมพอจะรับฟังได้ให้ คสช. พิจารณา เพื่อหวังที่จะอยู่ต่อในตำแหน่ง เพราะหลังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีผลบังคับใช้ สปช. จะถูกยุบไปโดยปริยาย
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับข้อเสนอของ “สปช. บางคน”ที่อ้างว่าตัวเองเป็น "สปช.กลุ่มรักชาติ" ที่เสนอให้ประเทศเปิดบ่อนกาสิโน โดยอ้างว่าต้องการให้เป็นสากล บอกกับประชาชนว่าอย่า“โกหก”ตัวเอง
แต่กลับเป็น “สปช.กลุ่มรักชาติ”ที่โกหกตัวเอง อยากเสนอข้อเสนอสุดโต่ง เพื่อให้“นายพลคนหนึ่ง”พอใจ ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในตำแหน่งต่อใน สปช. ชุดใหม่
ทว่าสุดท้ายก็ต้องซดแห้วไปโดยปริยาย หลังกระแสสังคมไม่เอาด้วย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ที่ช่วงแรกก็แบ่งรับแบ่งสู้ ขอให้สปช.เสนอมาก่อน แต่สุดท้าย ทนกระแสสังคมไม่ไหว ก็ตีตกไปด้วยตัวเอง
การเสนอ“รัฐบาลแห่งชาติ”คงเช่นเดียวกัน คงมีบางคนไปยุยง “สปช.”เพื่อหยั่งกระแสสังคม หรือไม่อาจจะเป็น สปช.เอง ที่ต้องการดิ้นกลับเข้ามามีตำแหน่งอีกครั้ง เสนอข้อเสนอที่ทำไม่ได้ออกมา
สุดท้ายฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่า“รัฐบาลแห่งชาติ”ก็แค่ข่าวที่เล่นกันตามสื่อ ให้ฮือฮา ขณะที่ “คนการเมือง”ได้ขยับฝีปาก ด่ากันไปมา ก็เท่านั้น คงไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติจริง
ที่สำคัญ หากหลัง “บิ๊กตู่”ซึ่งต้องยอมรับว่ามาจากรัฐประหาร ลงจากตำแหน่ง แล้วยังดันมี “รัฐบาลแห่งชาติ” ประเทศไทยคงถึงคราวพินาศ เพราะประชาคมโลกคงไม่ยอมรับง่ายๆแน่
“โลก”พัฒนาไปไกลกว่า สมาชิก สปช. ที่ยังคิดลูกไม้ตื้นๆ เพื่อช่วยให้ตัวเองเอาตัวรอดให้ได้ อยากมีตำแหน่งให้นานที่สุด โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ
** งานนี้ สปช. คงต้องคิดทบทวนตัวเองกันบ้างแล้ว หากยังชงข้อเสนอที่แม้แต่ "เด็กอมมือ" ยังรู้ว่าคิดอะไรอยู่ !!!