ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่เหนือความคาดหมายที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยอมใส่เกียร์ถอยหลังปล่อยกลุ่ม 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช. ให้เป็นอิสระ
แม้จะอ้างว่าเป็นอำนาจของ “ศาลทหาร” ที่พิจารณาไม่รับฟ้องฝากขัง 14 นักศึกษาผลัดสองก็ตาม แต่ลึกๆแล้วต้องมีสัญญาณจาก “บิ๊ก คสช.” ที่เปิดไฟเขียวให้ออกมาในรูปการณ์นี้
การใช้ “อำนาจศาล” บังหน้า เพื่อไม่ให้เสียเหลี่ยม-เสียหน้าไปมากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้ “บิ๊ก คสช.” ต่างดาหน้าออกมาฮึดฮัดว่า เด็กพวกนี้เอาไว้ไม่ได้ ทำผิดกฎหมายชัดเจน ต้องลงโทษให้หลาบจำ
งานนี้ต้องปรบมือให้แก่ “ทีมกุนซือ” ของกลุ่มนักศึกษาที่วางหมากไม่ขอประกันตัวออกมาสู้คดี ปล่อยให้ 14 นักศึกษาต้องถูกจองจำในคุก แล้วนำชื่อและวีรกรรมเด็กกลุ่มที่ว่ามาใช้ขับเคลื่อนนอกคุกแทน ตรงนี้เหนือความคาดหมายของ “กุนซือ คสช.” แม้จะแก้เกมโยนข้อเสนอให้กองทุนยุติธรรมออกค่าใช้จ่ายประกันตัวให้ ก็ยังถูกปฏิเสธ
ท้ายที่สุดการใช้อำนาจ “ศาลทหาร” ไม่รับฝากขังจึงเป็นทางลงที่ดีที่สุด
บรรดา “อรหันต์ คสช.” ประเมินแล้วว่าหากยังควบคุมตัว 14 นักศึกษา เอาไว้ อาจจะเร้าให้สถานการณ์เข้าทาง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของขบวนการนักศึกษาเอาไว้ปั่นกระแสให้ “นักศึกษา-ประชาชน” ออกมาต่อต้าน “รัฐบาล-คสช.” มากขึ้น ดูได้จากกระแสการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ลุกลามออกไป จึงต้องปรับท่าทีพลิกเกมเสียใหม่ ก่อนที่จะลุกลามบานปลายเกินกว่าจะควบคุมได้
เมื่อพอมีรูให้หายใจอยู่ “รัฐบาล-คสช.” จึงรีบหาทางลงเปลี่ยนเกมให้ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของขบวนการนักศึกษาคิดเกมเล่นกันใหม่ เบื้องต้นขอแค่ลดกระแสต้านที่เริ่มจะลุกลามให้ได้ก่อนเป็นพอ
และไม่เหนือความคาดหมายอีกเช่นกันที่ 14 นักศึกษาจะเคลื่อนไหวต่อต้าน “รัฐบาล-คสช.” ต่อไป เพราะเกมมันถูกเซ็ตมาแล้วว่าหยุดเดินไม่ได้ ถ้าหยุดเดินเท่ากับ “แพ้” จึงต้องรุกไล่ให้จนกระดาน
ทำให้ดูเหมือนพลังของ “นักศึกษา” จะมีพลานุภาพสูงมากยิ่งด้วย หลังได้รับการปล่อยตัว 14 นักศึกษา ถูกชูให้เป็น “ไอดอลประชาธิปไตยใหม่” ไปแล้ว ตัวละครที่ “ขั้วตรงข้าม” ของรัฐบาล-คสช. ตามหามานาน ถูกกำเนิดขึ้นแล้ว
มีความพยายามสร้างภาพให้ 14 นักศึกษา เดินในระนาบเดียวกับเดียวกับ “แกนนำ นศ. 14 ตุลา” แม้อาจจะยังหากชั้น แต่เน้นความถี่ของอีเว้นต์ที่ออกมาให้เห็นทุกวัน
การต่อสู้แบบเก่าอาจจะมีออกมาให้เห็น การไฮด์ปาร์กที่ห่างหายสังคม “มหาวิทยาลัย” ไปนาน อาจจะถูก “ผู้อยู่เบื้องหลัง” งัดออกมาต่อกรกับ “รัฐบาล-คสช.” จากที่เริ่มก่อหวอด ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็จะกระจายไปยังสถาบันการศึกษาอื่น ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด
ชิงจังหวะ "ตีเหล็ก...ต้องตีตอนร้อน"
แต่เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมหลังการปล่อยตัวแล้ว เชื่อว่า ไม่น่าจะก่อกระแสให้ลุกลามบานปลายอะไรออกไป เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่เห็นด้วย และเห็นว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่ยึดโยงอยู่กับคนเสื้อแดงและระบอบทักษิณเป็นสำคัญ ไม่เหมือนกับพลังบริสุทธิ์ของนิสิตนักศึกษาในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19
การได้รับการปล่อยตัวจึงไม่อาจเรียกได้ว่า เป็นชัยชนะได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน คสช. ก็ถูกหน่วยข่าวเกาะติดทุกฝีก้าว การขยับหยิบจับอะไรก็คงทำได้ยากขึ้น รวมทั้งมีแรงกดดันจาก “บิ๊กคสช.” ไปยังสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ห่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ผู้บริหารก็อาจจะถูกเด้งกระเด็นกระดอนอย่างไม่คาดฝัน
สิ่งหนึ่งที่ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของขบวนการนักศึกษาเห็นว่า นำหน้า “รัฐบาล-คสช.” ไปแล้วหนึ่งก้าว คือวางบรรทัดฐานของภาครัฐต่อขบวนการต่อต้าน คสช. ที่ไม่กล้าทำอะไรกับ 14 นักศึกษา กลายเป็น “ช่องโหว่” ที่ขบวนการต่อต้าน คสช.จะกระทุ้งจี้จุดเดิมต่อไป
ไม่แปลกหากว่า หลังจากนี้ขบวนการนักศึกษา-ประชาชนที่ต่อต้าน คสช.จะผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และจะมีดาวดิน 2 ดาวดิน 3 หรือกลุ่มอื่นตามมาให้เห็นเป็นแน่
เพราะรู้แล้วว่าอย่างไรเสีย คสช.ก็ต้องถอยอยู่ดี หากไม่อยากโดนตราหน้าว่า “ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
งานนี้ต้องจับตา “บิ๊กตู่” กับ “ขุนทหาร” โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ที่ปกติจุดเดือดต่ำอยู่แล้ว ว่าจะรับมือกับขบวนการ นักศึกษาอย่างไร หลังมีกระแสข่าวลือกันหนักว่า คนที่ไฟเขียวให้จับ 14 นักศึกษา ก็คือ “บิ๊กป้อม” ในฐานะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่อดรนทนไม่ไหวกับการถูกท้าทาย และโจมตีอย่างหนัก
ทว่าจุดหนึ่งที่ทำให้ “รัฐบาล-คสช.” ต้องถอยยอมปล่อยตัว 14 นักศึกษา เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานที่จะเชื่อมโยงสาวไปถึงกับ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของขบวนการนักศึกษาได้
รายชื่อแบล็กลิสต์ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” มีอยู่ 3-4 คน มีทั้ง “นักการเมืองมือดีลสิบทิศ” ซึ่งเพิ่งแวะไปจิบกาแฟกับทหารเมื่อไม่นานมานี้ “นักการเมืองที่คลุกคลีกับวงการการศึกษา” และ “ทายาทนักการเมือง” ที่กลุ่มนักศึกษารู้จักกันดี ซึ่งเปิดตัวเต็มผ่านสื่อสีแดงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อมีรายชื่อแต่ไม่มีหลักฐาน-ไม่มีใบเสร็จ “รัฐบาล-คสช.” จึงไม่มีไพ่ที่จะเล่น เพราะหากตีไพ่หน้าเปล่าล่อนจ้อนมีหวัง “แพ้” ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง และจะยิ่งร้าวให้สถานการณ์พัฒนาไปไกลจนยากจะควบคุมได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะจองจำเด็กๆเอาไว้
แต่หลังจากนี้ต้องจับตาดูไม้ตายของ “รัฐบาล-คสช.” ที่ต้องคว้านหาหลักฐาน “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ขบวนการนักศึกษาให้ได้ เพราะเมื่อนักศึกษายังไม่หยุด “ผู้บงการ” ก็คงไม่หยุดเช่นกัน
ทุกความเคลื่อนไหวของ “นักศึกษา” คือความเคลื่อนไหวของ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” จึงไม่แปลกที่รัฐบาล-คสช. จะตั้งทีมติดตามความเคลื่อนไหวของแบล็กลิสต์ทุกรายชื่อ
งานนี้ “บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม” กำชับ “หน่วยข่าว” ทุกหน่วยต้องทำงานให้ได้ตามใบสั่ง ไม่เช่นนั้นจะเสียขบวนการทั้งหมด เพราะเครื่องมือเดียวที่ “ขั้วตรงข้าม” จะนำมาสู้รบได้คือ “นักศึกษา”
งวดนี้ถึงเวลาพิสูจน์เกมบู๋-เกมบุ๋น ของ “บิ๊กตู่-ขุนทหาร” กับ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ขบวนการนักศึกษาอย่างแท้จริง