ASTVผู้จัดการรายวัน- ศาลทหารยกคำร้องขอฝากขัง 14 นศ.ดาวดิน ผลัด 2 ระบุ ไม่มีเหตุต้องควบคุมต่อ พร้อมปล่อยตัวเป็นอิสระวันนี้ นายกฯชี้ เป็นความเมตตาของศาล ถามกลับนศ. เสียสละ ทำเพื่อใคร เหน็บพวกเรียกร้องประชาธิปไตยไม่เคยตายสักคน ด้านทนายยัน นศ.เคลื่อนไหวต่อได้ เนื่องจากศาลปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เตรียมทำหนังสือถึงศาลรธน. ขอไปขึ้นศาลพลเรือน
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (7ก.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้นำตัวนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 14 คน ประกอบด้วย 1. นายรังสิมันต์ โรม 2. นายวสันต์ เสดสิทธิ 3. นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ 4. นายพายุ บุญโสภณ 5. นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 6.นายรัฐพล ศุภโสภณ 7. นายศุภชัย ภูคลองพลอย 8. นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 9. นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ 10. นายสุวิชา พิทังกร 11. นายปกรณ์ อารีกุล 12. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 13. นายพรชัย ยวนยี และ14. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว มาขอยื่นฝากขังเป็นผลัดที่ 2 ภายหลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน หลังจากที่ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และ ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองที่ใดๆ จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ประกอบ มาตรา 83
ขณะที่ นายกฤษฎางค์ ทนายความของกลุ่ม 14 นศ. ได้เดินยืนยันว่า จะคัดค้านการฝากขังผลัดที่ 2 โดยให้เหตุผลว่ากลุ่มนักศึกษาไม่มีความผิด และไม่หลบหนี จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลจะอนุญาตฝากขังนักศึกษาทั้ง 14 คน
สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบศาลทหารมีเจ้าหน้าสารวัตรทหารจากกองรักษาความปลอดภัย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ทั้งใน และนอกเครื่องแบบ ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายในศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการพิจารณา ศาลทหารกรุงเทพ ได้มีคำสั่งยกคำร้อง ของพนักงานสอบสวนที่ยื่นเรื่องขอฝากขัง 14 นศ. ผลัดที่สอง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีเหตุในการควบคุมตัวต่อ นักศึกษาทั้ง 14 คน จึงได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งการปล่อยตัวจะมีขึ้นในเช้าวันนี้ (8 ก.ค.)
ทั้งนี้ ตามกระบวนการ แม้จะไม่มีการฝากขังนักศึกษาทั้ง 14 คน แต่กระบวนการยุติธรรม ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อครบกำหนดหากอัยการทหารส่งฟ้องต่อศาลทหาร ต้องมีการพิจารณาคดีตามที่ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกฟ้อง ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง 3/2558 ที่ออกโดย มาตรา 44 และ มาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี
** แจงปลอยตัว14 นศ.วันนี้
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัว 14 นศ. ที่ถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำทั้ง 2 แห่ง คือเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า ทางเรือนจำจะปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค.นี้ เนื่องจากนักศึกษาทั้งหมด ครบกำหนดฝากขัง 12 วัน ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 24.00 น. ตามที่พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งให้เรือนจำควบคุมตัว แต่ในทางระเบียบปฏิบัติ เรือนจำจะไม่ปล่อยผู้ต้องขังในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้น จึงต้องปล่อยตัวช่วงเช้า
การปล่อยครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการประกันตัว แต่เป็นการปล่อยตัว เนื่องจากศาลไม่ออกหมายขังต่อ ดังนั้นหมายขังเดิม เมื่อครบกำหนด 12 วัน ตามที่พนักงานสอบสวนขอศาลฝากขัง และไม่มีการออกหมายขังต่อ เรือนจำก็ต้องปล่อยตัว เพราะไม่มีอำนาจการควบคุม ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ หากเป็นการขอประกันตัว เรือนจำต้องรอหมายปล่อยจากศาล แต่กรณีนี้ ไม่ต้องมีหมายปล่อย
** "บิ๊กตู่"ถามนศ. เสียสละเพื่อใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวัง อะไรกับใครนักหรอก แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ซึ่งกฎหมายจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ที่จะเมตตาอย่างไร
" สิ่งที่ศาลได้เมตตาไปแล้ว ก็ต้องคิดว่ามันจะทำได้อีกไหม เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้หลักการของกฎหมาย ก็จะต้องมีการหลาบจำ และยอมรับความผิดกันบ้าง เพราะมันคือกฎหมาย ท่านต้องเข้าใจว่า ทุกฉบับไม่ว่าจะเป็นที่ผมออกคำสั่ง หรือ มาตรา 44 หรือ พ.ร.บ.ต่างๆ มันออกมาสมัยรัฐบาลนี้ทั้งนั้น ถ้าท่านบอกว่ากฎหมายนี้ไม่ถูกต้อง ก็เท่ากับว่า 300 กฎหมาย ที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ทุกอย่างทำตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะมีรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นอย่ามาดื้อรั้นในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ผมก็เป็นกังวลกับอีกพวกหนึ่งที่มาสนับสนุน เดี๋ยวจะตีกันไปจนเกิดเหตุการณ์บานปลายไปอีก จึงขอร้องสื่อ อย่าไปจุดชนวนความรู้สึกให้เกิดขึ้นมาอีก สื่อมีความสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองสงบหรือไม่สงบ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวผมคงไม่เท่าไหร่ เพราะผมกำลังเดินหน้า ทั้งในเรื่องการบริหาร ทั้งแก้ปัญหาเก่า และการแก้ไขปัญหาระยะยาว สร้างพื้นฐาน 4-5 งาน ผมจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด แต่ก็ทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้ต้องการให้คนทั้งประเทศมาอยู่ข้างตน หรืออีกพวกหนึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม ตนไม่คิดแบบนั้น เพราะตนเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนไทยก็ควรต้องทำอย่างที่ตนทำเก็บความอาฆาตเกลียดชังไว้วันหลังแล้วข้างหน้าค่อยว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานที่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาระบุว่า มีองค์กรระหว่างประเทศหนุนหลัง กลุ่มนักศึกษาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ใคร พลเอกไหน ก็ไปถามเขาดูเอง ใครรายงานผมไม่รู้ ผมไม่มีรายงาน วันนี้ พล.อ.ธวัชชัย เขาอยู่ที่ไหน มีตำแหน่งอะไร เมื่อมาเป็น สปช. ก็ต้องรายงานตรงกับ สปช. ก็ทำรายงานขึ้นมาสิ สำหรับผมขนาดเพื่อนผมยังไม่คุยด้วยเลย "
เมื่อถามว่า ในทางการข่าวมีข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ามีแล้วจะอย่างไร สื่อจะไปรบกับองค์กรอื่นหรือเปล่า จะช่วยตนทำความเข้าใจกับองค์กรเหล่านั้นหรือไม่ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์กรอื่นๆ มาถามตนเช่นนี้ เพื่อให้ไปแก้ หรือจะให้ไปรบกับเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ศาลอนุมัติปล่อยตัว 14 นศ. กังวลหรือไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นๆ ออกมาอีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่คนทำ อยู่ที่นักศึกษา ในเมื่อศาลให้ความเมตตาไปแล้ว ก็ไปดูกัน แต่ถ้าบอกว่าไม่ผิด มันจะใช่หรือเปล่า ก็ต้องไปดู วันนี้พ่อแม่และทุกๆ คนก็เป็นห่วง
"จะเสียสละไปเพื่อใคร เวลานี้มันเพื่อใคร ทำไมจะรออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ ถามจริงๆว่า อยากจะมีรัฐบาลใหม่ในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่ จะเอาหรือเปล่า เพราะท่านเบื่อผม แล้วก็เอาคนใหม่เข้ามา แล้วต้อนเขาอย่างนี้บ้าง ส่วนการมีรัฐบาลจะเร็วไป หรือช้าไป ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่เขาเขียนไว้ วันนี้ผมต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ติชม อย่างมีสาระ ขอบคุณทุกคนที่เสนอวิสัยทัศน์โลกสวย ผมยอมรับทั้งหมดทุกเรื่อง มันอยู่ในหัวผมทั้งหมด ที่พูดทั้งหมดไม่ได้โกรธ หรือว่าสื่อ แต่เราต้องมีมุมมอง และเข้าใจถึงคำว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าอดีตบ้านเมืองเป็นอย่างไร ปัจจุบันเรากำลังทำอะไร อนาคตจะเป็นอย่างไรในวันหน้า แล้ววันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันข้างหน้า ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่เปลี่ยนลุคใหม่ แต่ถ้าไม่ทำ มันก็กลับไปสู่ที่เก่า" นายกรัฐมนตรี กล่าว
** เชื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คงจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งก็ไม่อยากให้มีการขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการตามโรดแมปวันนี้ปัญหาที่ต้องแก้ไขมีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง เศรษฐกิจ ขอร้องนักศึกษาพลังบริสุทธิ์ว่า ประเทศชาติต้องเดินไปตามโรดแมปขณะนี้เรากำลังร่างรัฐธรรมนูญ ทำกฎหมาย และจัดการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าหากพื้นที่ต่างจังหวัด มีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว สามารถควบคุมได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่าควบคุมเลย เพราะไม่มีใครควบคุมใครได้ ทั้งนี้ขอฝากไปยังนักศึกษาที่เป็นลูกหลานๆ ขอเวลาให้รัฐบาลทำงานตามโรดแมป หากรัฐบาลแสดงเจตนาว่าสืบทอดอำนาจหรือมีการทุจริต ค่อยว่ากันอีกที
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีองค์กรต่างประเทศ กดดันประเทศไทยให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เกี่ยวกับการกักขังกลุ่มนักศึกษา 14 คน ว่า เราไม่ได้ชี้แจงกับต่างประเทศโดยตรง แต่เวลาคุยกันเราจะบอกว่า บ้านเมืองเราสงบ เรียบร้อย ปัญหาที่แต่ละคน แต่ละวงการได้รับผลกระทบ มันไม่มี
" ลองไปถามดูว่ามีใครเดือดร้อนบ้างจากภาวะของบ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งเขาก็ถามว่า เราทำอย่างไร เราก็บอกไปว่า ก็ต้องให้เวลาเราหน่อย ให้เวลารัฐบาลทำเรื่องต่างๆ ที่ตั้งใจทำจริงๆ จังๆ เพื่อให้ความสงบเรียบร้อยทั้งหลายมันยั่งยืน อย่าให้มีกระบวนการอื่นๆ ที่จะมาเป็นคลื่นใต้น้ำ หรือเป็นอะไรที่จะสร้างความระส่ำระสาย วุ่นวาย เพราะถ้าวุ่นวาย ก็จะไม่มีใครที่ได้ประโยชน์เลย มีแต่จะเสียกับเสีย เพราะฉะนั้นวันนี้ความสงบเรียบร้อยที่เป็นอยู่มันดีสำหรับทุกคนไม่ใช่หรือ และเราควรจะรักษาบรรยากาศแบบนี้ไว้ อีกไม่นานหรอก เพราะไม่มีใครอยากจะอยู่นาน เพียงแต่อยากให้มีพื้นฐานที่มั่นคง ดีสำหรับลูกหลานคนไทยในอนาคต" รมช.ต่างประเทศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อศาลให้ปล่อยตัวนักศึกษาแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้นหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ก็น่าจะดีขึ้น แต่ก็เชื่อว่าหากทุกอย่างสงบเรียบร้อยเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แล้วให้กลไกต่างๆ ทำงาน ทั้งรัฐบาล สปช. สนช. และทุกภาคส่วนได้ทำงาน ก็เชื่อว่าประเทศไทยจะดีขึ้นแน่นอน
** ญาตินศ.แฉมีองค์กรต่างชาติหลอกใช้
พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ตนรู้จักกับ 1 ใน 14 ของนักศึกษากลุ่มดาวดิน เป็นคนจังหวัดสุรินทร์ และได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าวที่มาเยี่ยมบุตรในเรือนจำ ซึ่งผู้ปกครองได้แสดงความเป็นห่วงลูก และไม่อยากให้เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องการเมือง นอกจากนี้ ยังได้สอบถามถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองทราบว่า นักศึกษาได้เข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มดาวดิน เมื่อเดือนก่อน โดยได้มีองค์กรต่างชาติองค์กรหนึ่ง ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่หวังดี มาติดต่อนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เข้ากระบวนการเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งหลังจากที่ลูกชายกลับมา ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับผู้ปกครอง กระบวนการเช่นนี้นั้นในอดีตมีมาอยู่ตลอดในจังหวัดสุรินทร์
** ทนายยันนศ.เคลื่อนไหวต่อได้
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของกลุ่ม 14 นศ. กล่าวว่า เมื่อศาลไม่รับฝากขัง คือให้ปล่อยนักศึกษา 14 คน แบบไม่มีเงื่อนไข เมื่อไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ นศ.ทั้ง 14 คน ก็สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะเป็นสิทธิของเขา แม้แต่รัฐบาลยังห้ามไม่ได้ นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวกับศาลทหารอีก เพราะไม่ได้ถูกขังตามอำนาจหมายศาลแล้ว และหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานและสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร และนำตัวนักศึกษาทั้งหมดมาฟ้องที่ศาลทหาร ส่วนระยะเวลายังระบุไม่ได้ เพราะไม่ได้ถูกคุมขัง ดังนั้นการทำงานของอัยการศาลทหาร จึงไม่กำหนดระยะเวลาตายตัว หากถูกคุมขังต้องดำเนินการภายใน 48 วัน นับตั้งแต่วันถูกจับ ตอนนี้เด็กเป็นอิสระ จะไปไหนก็ได้ เพราะถือว่ายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า การที่คุมตัวนักศึกษาก่อนหน้านี้ เป็นเพราะพนักงานสอบสวนมาขอฝากขัง แต่เมื่อศาลพิเคราะห์แล้วว่า ไม่ควรฝากขัง และนักศึกษาได้ชี้แจงต่อศาลว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่หลบหนีไปไหน พนักงานสอบสวนก็ไม่มีเหตุต้องคุมขัง และข้อหาไม่ใช่อาชญกร ไม่ควรขังร่วมผู้ทำผิดประเภทอื่น จึงควรให้โอกาสนักศึกษาไปเรียนหนังสือ คำสั่งดังกล่าวไม่สามารถอุทธรณ์ หรือฎีกาได้ พนักงานสอบสวนต้องยอมรับ หลังจากนี้ คณะทนาย จะหารือกันว่า จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาล หรือจะทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะให้คดีดังกล่าวไปขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งศาลทหารไม่สมควรพิจารณาคดีนี้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจเขตทหาร ต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น
** "บิ๊กป้อม" วอนนศ.หยุดเคลื่อนไหว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายส่วนได้พยายามชี้แจงให้นักศึกษาไม่ให้เคลื่อนไหวมาโดยตลอด เพราะตอนนี้รัฐบาล และ คสช. บริหารบ้านเมืองในช่วงไม่ปกติ ตนก็ขอเวลาให้รัฐบาล และ คสช. ดำเนินการตามโรดแมป และเมื่อได้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ตลอดจนมีการเลือกตั้ง โดยกระบวนการเช่นนี้ตนอธิบายไปหมดแล้ว ก็ขอให้เข้าใจ และพวกเราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่มาแก้ปัญหาไม่ให้คนในชาติขัดแย้งกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติสงบสุข อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ก็พึงพอใจในการแก้ปัญหา โดยตอนนี้กำลังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงพยายามทำทุกอย่าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาเกษตร เพื่อให้ประชาขนอยู่ดีกินดี อย่างไรก็ตาม ตนก็ย้ำเสมอเรื่องการเมืองขอให้หยุดไว้ก่อน
เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนักศึกษาอย่างไร ให้หยุดการเคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็จะพูดแบบนี้ จะให้ตนทำอย่างไร แต่เราจะบอกว่าเรามีกฎหมายอยู่ ก็ขอร้องว่าอย่าทำ ให้นักศึกษาไปเรียนหนังสือดีกว่า เมื่อจบมาจะได้ช่วยประเทศชาติให้เข้มแข็ง
ส่วนกรณีที่นักการเมิองไปเกี่ยวข้อง จะเรียกมาพูดคุยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคสช. ไม่ต้องห่วง ตนทำเป็นอยู่แล้ว และได้บอกกลุ่มสนับสนุนให้อยู่นิ่งๆไปก่อน นักการเมืองก็วางแผนเลย ถ้ามีรัฐธรรมนูญ แล้วจะเลือกตั้ง หาเสียง และจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ก็ควรไปวางแผนเลย ในอนาคต ประกอบกับทางคสช.ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเลย
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (7ก.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้นำตัวนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 14 คน ประกอบด้วย 1. นายรังสิมันต์ โรม 2. นายวสันต์ เสดสิทธิ 3. นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ 4. นายพายุ บุญโสภณ 5. นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 6.นายรัฐพล ศุภโสภณ 7. นายศุภชัย ภูคลองพลอย 8. นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 9. นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ 10. นายสุวิชา พิทังกร 11. นายปกรณ์ อารีกุล 12. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 13. นายพรชัย ยวนยี และ14. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว มาขอยื่นฝากขังเป็นผลัดที่ 2 ภายหลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน หลังจากที่ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และ ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองที่ใดๆ จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ประกอบ มาตรา 83
ขณะที่ นายกฤษฎางค์ ทนายความของกลุ่ม 14 นศ. ได้เดินยืนยันว่า จะคัดค้านการฝากขังผลัดที่ 2 โดยให้เหตุผลว่ากลุ่มนักศึกษาไม่มีความผิด และไม่หลบหนี จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลจะอนุญาตฝากขังนักศึกษาทั้ง 14 คน
สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบศาลทหารมีเจ้าหน้าสารวัตรทหารจากกองรักษาความปลอดภัย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ทั้งใน และนอกเครื่องแบบ ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายในศาลทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการพิจารณา ศาลทหารกรุงเทพ ได้มีคำสั่งยกคำร้อง ของพนักงานสอบสวนที่ยื่นเรื่องขอฝากขัง 14 นศ. ผลัดที่สอง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีเหตุในการควบคุมตัวต่อ นักศึกษาทั้ง 14 คน จึงได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งการปล่อยตัวจะมีขึ้นในเช้าวันนี้ (8 ก.ค.)
ทั้งนี้ ตามกระบวนการ แม้จะไม่มีการฝากขังนักศึกษาทั้ง 14 คน แต่กระบวนการยุติธรรม ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อครบกำหนดหากอัยการทหารส่งฟ้องต่อศาลทหาร ต้องมีการพิจารณาคดีตามที่ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกฟ้อง ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง 3/2558 ที่ออกโดย มาตรา 44 และ มาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี
** แจงปลอยตัว14 นศ.วันนี้
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัว 14 นศ. ที่ถูกควบคุมตัวภายในเรือนจำทั้ง 2 แห่ง คือเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า ทางเรือนจำจะปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค.นี้ เนื่องจากนักศึกษาทั้งหมด ครบกำหนดฝากขัง 12 วัน ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 24.00 น. ตามที่พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งให้เรือนจำควบคุมตัว แต่ในทางระเบียบปฏิบัติ เรือนจำจะไม่ปล่อยผู้ต้องขังในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้น จึงต้องปล่อยตัวช่วงเช้า
การปล่อยครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการประกันตัว แต่เป็นการปล่อยตัว เนื่องจากศาลไม่ออกหมายขังต่อ ดังนั้นหมายขังเดิม เมื่อครบกำหนด 12 วัน ตามที่พนักงานสอบสวนขอศาลฝากขัง และไม่มีการออกหมายขังต่อ เรือนจำก็ต้องปล่อยตัว เพราะไม่มีอำนาจการควบคุม ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ หากเป็นการขอประกันตัว เรือนจำต้องรอหมายปล่อยจากศาล แต่กรณีนี้ ไม่ต้องมีหมายปล่อย
** "บิ๊กตู่"ถามนศ. เสียสละเพื่อใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวัง อะไรกับใครนักหรอก แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ซึ่งกฎหมายจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ที่จะเมตตาอย่างไร
" สิ่งที่ศาลได้เมตตาไปแล้ว ก็ต้องคิดว่ามันจะทำได้อีกไหม เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้หลักการของกฎหมาย ก็จะต้องมีการหลาบจำ และยอมรับความผิดกันบ้าง เพราะมันคือกฎหมาย ท่านต้องเข้าใจว่า ทุกฉบับไม่ว่าจะเป็นที่ผมออกคำสั่ง หรือ มาตรา 44 หรือ พ.ร.บ.ต่างๆ มันออกมาสมัยรัฐบาลนี้ทั้งนั้น ถ้าท่านบอกว่ากฎหมายนี้ไม่ถูกต้อง ก็เท่ากับว่า 300 กฎหมาย ที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ทุกอย่างทำตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะมีรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นอย่ามาดื้อรั้นในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ผมก็เป็นกังวลกับอีกพวกหนึ่งที่มาสนับสนุน เดี๋ยวจะตีกันไปจนเกิดเหตุการณ์บานปลายไปอีก จึงขอร้องสื่อ อย่าไปจุดชนวนความรู้สึกให้เกิดขึ้นมาอีก สื่อมีความสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองสงบหรือไม่สงบ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวผมคงไม่เท่าไหร่ เพราะผมกำลังเดินหน้า ทั้งในเรื่องการบริหาร ทั้งแก้ปัญหาเก่า และการแก้ไขปัญหาระยะยาว สร้างพื้นฐาน 4-5 งาน ผมจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด แต่ก็ทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้ต้องการให้คนทั้งประเทศมาอยู่ข้างตน หรืออีกพวกหนึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม ตนไม่คิดแบบนั้น เพราะตนเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนไทยก็ควรต้องทำอย่างที่ตนทำเก็บความอาฆาตเกลียดชังไว้วันหลังแล้วข้างหน้าค่อยว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานที่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาระบุว่า มีองค์กรระหว่างประเทศหนุนหลัง กลุ่มนักศึกษาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ใคร พลเอกไหน ก็ไปถามเขาดูเอง ใครรายงานผมไม่รู้ ผมไม่มีรายงาน วันนี้ พล.อ.ธวัชชัย เขาอยู่ที่ไหน มีตำแหน่งอะไร เมื่อมาเป็น สปช. ก็ต้องรายงานตรงกับ สปช. ก็ทำรายงานขึ้นมาสิ สำหรับผมขนาดเพื่อนผมยังไม่คุยด้วยเลย "
เมื่อถามว่า ในทางการข่าวมีข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ามีแล้วจะอย่างไร สื่อจะไปรบกับองค์กรอื่นหรือเปล่า จะช่วยตนทำความเข้าใจกับองค์กรเหล่านั้นหรือไม่ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์กรอื่นๆ มาถามตนเช่นนี้ เพื่อให้ไปแก้ หรือจะให้ไปรบกับเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ศาลอนุมัติปล่อยตัว 14 นศ. กังวลหรือไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นๆ ออกมาอีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่คนทำ อยู่ที่นักศึกษา ในเมื่อศาลให้ความเมตตาไปแล้ว ก็ไปดูกัน แต่ถ้าบอกว่าไม่ผิด มันจะใช่หรือเปล่า ก็ต้องไปดู วันนี้พ่อแม่และทุกๆ คนก็เป็นห่วง
"จะเสียสละไปเพื่อใคร เวลานี้มันเพื่อใคร ทำไมจะรออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ ถามจริงๆว่า อยากจะมีรัฐบาลใหม่ในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่ จะเอาหรือเปล่า เพราะท่านเบื่อผม แล้วก็เอาคนใหม่เข้ามา แล้วต้อนเขาอย่างนี้บ้าง ส่วนการมีรัฐบาลจะเร็วไป หรือช้าไป ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่เขาเขียนไว้ วันนี้ผมต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ติชม อย่างมีสาระ ขอบคุณทุกคนที่เสนอวิสัยทัศน์โลกสวย ผมยอมรับทั้งหมดทุกเรื่อง มันอยู่ในหัวผมทั้งหมด ที่พูดทั้งหมดไม่ได้โกรธ หรือว่าสื่อ แต่เราต้องมีมุมมอง และเข้าใจถึงคำว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าอดีตบ้านเมืองเป็นอย่างไร ปัจจุบันเรากำลังทำอะไร อนาคตจะเป็นอย่างไรในวันหน้า แล้ววันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันข้างหน้า ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่เปลี่ยนลุคใหม่ แต่ถ้าไม่ทำ มันก็กลับไปสู่ที่เก่า" นายกรัฐมนตรี กล่าว
** เชื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คงจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งก็ไม่อยากให้มีการขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการตามโรดแมปวันนี้ปัญหาที่ต้องแก้ไขมีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง เศรษฐกิจ ขอร้องนักศึกษาพลังบริสุทธิ์ว่า ประเทศชาติต้องเดินไปตามโรดแมปขณะนี้เรากำลังร่างรัฐธรรมนูญ ทำกฎหมาย และจัดการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าหากพื้นที่ต่างจังหวัด มีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว สามารถควบคุมได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่าควบคุมเลย เพราะไม่มีใครควบคุมใครได้ ทั้งนี้ขอฝากไปยังนักศึกษาที่เป็นลูกหลานๆ ขอเวลาให้รัฐบาลทำงานตามโรดแมป หากรัฐบาลแสดงเจตนาว่าสืบทอดอำนาจหรือมีการทุจริต ค่อยว่ากันอีกที
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีองค์กรต่างประเทศ กดดันประเทศไทยให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เกี่ยวกับการกักขังกลุ่มนักศึกษา 14 คน ว่า เราไม่ได้ชี้แจงกับต่างประเทศโดยตรง แต่เวลาคุยกันเราจะบอกว่า บ้านเมืองเราสงบ เรียบร้อย ปัญหาที่แต่ละคน แต่ละวงการได้รับผลกระทบ มันไม่มี
" ลองไปถามดูว่ามีใครเดือดร้อนบ้างจากภาวะของบ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งเขาก็ถามว่า เราทำอย่างไร เราก็บอกไปว่า ก็ต้องให้เวลาเราหน่อย ให้เวลารัฐบาลทำเรื่องต่างๆ ที่ตั้งใจทำจริงๆ จังๆ เพื่อให้ความสงบเรียบร้อยทั้งหลายมันยั่งยืน อย่าให้มีกระบวนการอื่นๆ ที่จะมาเป็นคลื่นใต้น้ำ หรือเป็นอะไรที่จะสร้างความระส่ำระสาย วุ่นวาย เพราะถ้าวุ่นวาย ก็จะไม่มีใครที่ได้ประโยชน์เลย มีแต่จะเสียกับเสีย เพราะฉะนั้นวันนี้ความสงบเรียบร้อยที่เป็นอยู่มันดีสำหรับทุกคนไม่ใช่หรือ และเราควรจะรักษาบรรยากาศแบบนี้ไว้ อีกไม่นานหรอก เพราะไม่มีใครอยากจะอยู่นาน เพียงแต่อยากให้มีพื้นฐานที่มั่นคง ดีสำหรับลูกหลานคนไทยในอนาคต" รมช.ต่างประเทศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อศาลให้ปล่อยตัวนักศึกษาแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้นหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ก็น่าจะดีขึ้น แต่ก็เชื่อว่าหากทุกอย่างสงบเรียบร้อยเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แล้วให้กลไกต่างๆ ทำงาน ทั้งรัฐบาล สปช. สนช. และทุกภาคส่วนได้ทำงาน ก็เชื่อว่าประเทศไทยจะดีขึ้นแน่นอน
** ญาตินศ.แฉมีองค์กรต่างชาติหลอกใช้
พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ตนรู้จักกับ 1 ใน 14 ของนักศึกษากลุ่มดาวดิน เป็นคนจังหวัดสุรินทร์ และได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าวที่มาเยี่ยมบุตรในเรือนจำ ซึ่งผู้ปกครองได้แสดงความเป็นห่วงลูก และไม่อยากให้เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องการเมือง นอกจากนี้ ยังได้สอบถามถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองทราบว่า นักศึกษาได้เข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มดาวดิน เมื่อเดือนก่อน โดยได้มีองค์กรต่างชาติองค์กรหนึ่ง ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่หวังดี มาติดต่อนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เข้ากระบวนการเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งหลังจากที่ลูกชายกลับมา ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับผู้ปกครอง กระบวนการเช่นนี้นั้นในอดีตมีมาอยู่ตลอดในจังหวัดสุรินทร์
** ทนายยันนศ.เคลื่อนไหวต่อได้
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของกลุ่ม 14 นศ. กล่าวว่า เมื่อศาลไม่รับฝากขัง คือให้ปล่อยนักศึกษา 14 คน แบบไม่มีเงื่อนไข เมื่อไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ นศ.ทั้ง 14 คน ก็สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะเป็นสิทธิของเขา แม้แต่รัฐบาลยังห้ามไม่ได้ นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวกับศาลทหารอีก เพราะไม่ได้ถูกขังตามอำนาจหมายศาลแล้ว และหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานและสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร และนำตัวนักศึกษาทั้งหมดมาฟ้องที่ศาลทหาร ส่วนระยะเวลายังระบุไม่ได้ เพราะไม่ได้ถูกคุมขัง ดังนั้นการทำงานของอัยการศาลทหาร จึงไม่กำหนดระยะเวลาตายตัว หากถูกคุมขังต้องดำเนินการภายใน 48 วัน นับตั้งแต่วันถูกจับ ตอนนี้เด็กเป็นอิสระ จะไปไหนก็ได้ เพราะถือว่ายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า การที่คุมตัวนักศึกษาก่อนหน้านี้ เป็นเพราะพนักงานสอบสวนมาขอฝากขัง แต่เมื่อศาลพิเคราะห์แล้วว่า ไม่ควรฝากขัง และนักศึกษาได้ชี้แจงต่อศาลว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่หลบหนีไปไหน พนักงานสอบสวนก็ไม่มีเหตุต้องคุมขัง และข้อหาไม่ใช่อาชญกร ไม่ควรขังร่วมผู้ทำผิดประเภทอื่น จึงควรให้โอกาสนักศึกษาไปเรียนหนังสือ คำสั่งดังกล่าวไม่สามารถอุทธรณ์ หรือฎีกาได้ พนักงานสอบสวนต้องยอมรับ หลังจากนี้ คณะทนาย จะหารือกันว่า จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาล หรือจะทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะให้คดีดังกล่าวไปขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งศาลทหารไม่สมควรพิจารณาคดีนี้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจเขตทหาร ต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น
** "บิ๊กป้อม" วอนนศ.หยุดเคลื่อนไหว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายส่วนได้พยายามชี้แจงให้นักศึกษาไม่ให้เคลื่อนไหวมาโดยตลอด เพราะตอนนี้รัฐบาล และ คสช. บริหารบ้านเมืองในช่วงไม่ปกติ ตนก็ขอเวลาให้รัฐบาล และ คสช. ดำเนินการตามโรดแมป และเมื่อได้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ตลอดจนมีการเลือกตั้ง โดยกระบวนการเช่นนี้ตนอธิบายไปหมดแล้ว ก็ขอให้เข้าใจ และพวกเราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่มาแก้ปัญหาไม่ให้คนในชาติขัดแย้งกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติสงบสุข อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ก็พึงพอใจในการแก้ปัญหา โดยตอนนี้กำลังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงพยายามทำทุกอย่าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาเกษตร เพื่อให้ประชาขนอยู่ดีกินดี อย่างไรก็ตาม ตนก็ย้ำเสมอเรื่องการเมืองขอให้หยุดไว้ก่อน
เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนักศึกษาอย่างไร ให้หยุดการเคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็จะพูดแบบนี้ จะให้ตนทำอย่างไร แต่เราจะบอกว่าเรามีกฎหมายอยู่ ก็ขอร้องว่าอย่าทำ ให้นักศึกษาไปเรียนหนังสือดีกว่า เมื่อจบมาจะได้ช่วยประเทศชาติให้เข้มแข็ง
ส่วนกรณีที่นักการเมิองไปเกี่ยวข้อง จะเรียกมาพูดคุยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคสช. ไม่ต้องห่วง ตนทำเป็นอยู่แล้ว และได้บอกกลุ่มสนับสนุนให้อยู่นิ่งๆไปก่อน นักการเมืองก็วางแผนเลย ถ้ามีรัฐธรรมนูญ แล้วจะเลือกตั้ง หาเสียง และจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ก็ควรไปวางแผนเลย ในอนาคต ประกอบกับทางคสช.ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเลย
