xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯหาช่องคุยนศ.ดาวดิน แฉ"พรชัย"ถูกจับคดีบ่อนหรู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"บิ๊กตู่"ไม่สบายใจดำเนินคดีกับนักศึกษากลุ่มดาวดิน เผยกำลังหาช่องทางพูดคุยหาข้อยุติ ยันไม่ใช้ ม.44 นิรโทษ หวั่นไม่จบสิ้น โฆษก คสช. โต้ 281 อาจารย์และแถลงการณ์อียู ยันกฎหมายไทยเป็นไปตามหลักสากล แฉ "พรชัย" 1 ใน 14 นักศึกษาต้านรัฐประหาร ถูกจับกุมคดีบ่อนพนันหรูคอนโดสุขุมวิท ถูกศาลตัดสินคุก 3 เดือน ปรับ 1,500 บาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยถึงกรณีนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (ดาวดิน) ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร และ คสช. จนถูกดำเนินคดี และถูกนำตัวไปคุมขัง ว่า กำลังหามาตรการเปิดช่องทางการพูดคุย เพื่อให้เกิดการยุติ เพราะตนก็ไม่สบายใจในการใช้กฎหมายกับนักศึกษา ขณะเดียวกันต้องมองอีกแง่มุมหนึ่งว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมาว่าเป็นอย่างไร เป็นกิริยาของเด็กที่บริสุทธิ์หรือไม่ มีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์กันอีกครั้ง โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเสนอจากบางฝ่ายต้องการให้ใช้ มาตรา 44 นิรโทษกรรมความผิดให้แก่นักศึกษา 14 คน ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทำ ทำไม่ได้ เพราะถ้าทำแล้วก็จะต้องมีการใช้มาตรา 44 เพื่อนิรโทษกรรมให้กับบุคคลคนอื่น และจะทำให้ไม่มีวันจบสิ้นกระบวนการ

**คสช. โต้ 281อาจารย์-แถลงการณ์อียู

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ทาง 281 อาจารย์มหาวิทยาลัย ในนามเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง เรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษาทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และไม่ให้มีการตั้งข้อหา หรือดำเนินคดี โดยมีสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (อียู) และสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอชซีเอชอาร์) ออกแถลงการณ์ จี้ให้ทางรัฐบาลปล่อยตัวนักศึกษา ว่า ขณะนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่พยายามรักษาให้เป็นไปตามบรรทัดฐานเดียวกัน และพร้อมพิจารณาใช้อย่างสมดุล เหมาะสม โดยเจ้าหน้าที่พยายามจะอะลุ่มอล่วย เพราะเข้าใจถึงสถานะและวุฒิภาวะดี โดยเริ่มจากการว่ากล่าวตักเตือน และการขอความร่วมมือ

ส่วนทางคดี น่าที่จะเป็นเรื่องของดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งน่าจะไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญาด้านความมั่นคงด้วย และเมื่อมีการตั้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกล่าวหายังสามารถไปแก้ต่างกันได้ตามเหตุผล และตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงได้ ตามช่องทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็เป็นไปตามหลักสากลทั่วไป

สำหรับข้อกังวลหรือข้อเรียกร้องของกลุ่มองค์กรใดๆ คงต้องพิจารณาว่าขัดต่อแนวทางของการรักษากฎหมายหรือไม่ และข้อกังวลในเรื่องที่จะมีการฟ้องคดีกับศาลทหารนั้น ปัจจุบันนี้จะมีเพียง 3-4 ฐานความผิด ที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิต ความสงบสุขของประชาชน หรือมีผลกระทบความมั่นคง รวมถึงความผิดที่เกี่ยวพันโดยตรงกับความไม่สงบเรียบร้อยของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น

** ยันกม.ไทย เป็นไปตามหลักสากล

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลของบทลงโทษที่ได้รับยาวนานเกินไปจากการใช้เสรีภาพนั้น อาจเป็นการมีข้อมูลไม่ครบถ้วน คงต้องดูเป็นกรณีๆ ไปว่าการใช้เสรีภาพนั้นๆ ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เพราะกรณีโทษที่ได้รับจากกรณีฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง คสช. ที่ว่าด้วยเรื่องการห้ามชุมนุม สุดท้ายจะมีโทษปรับกับโทษจำคุกเพียงไม่กี่เดือน แต่ถ้ากรณีถูกมองว่าเข้าข่ายความผิดในคดีอาญาด้านความมั่นคงจริง บทลงโทษก็คงเพิ่มความรุนแรง แต่ก็เป็นบทลงโทษ ที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายอาญาเดิมอยู่แล้ว

ทั้งนี้ เรื่องการแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้ ภายใต้ช่องทางที่เหมาะสมอยู่แล้ว ช่วงนี้อาจยังมีบางส่วนที่มีเจตนาแอบแฝง พยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อให้สถานการณ์พัฒนาไปสู่ความขัดแย้งให้มากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบดี จึงพยายามดำเนินการต่างๆ อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ด้วยความระมัดระวัง และมั่นใจว่าการดำเนินการใดๆ ของภาครัฐ เป็นไปอย่างมีเหตุมีผล สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และความจำเป็นของสถานการณ์ทุกประการ เพื่อให้สังคมประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความสุข ไม่เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์อย่างเช่นในอดีต

"ขอย้ำว่าประเทศไทยยึดถือมาโดยตลอดในเรื่องการปฏิบัติตามหลักสากล สิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ที่จะต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และไม่ทำให้สังคมโดยรวมวุ่นวาย" พ.อ.วินธัยกล่าว

สำหรับองค์กรกรต่างประเทศ ก็อย่าได้กังวลในการดำเนินการของทางการไทย เพราะภายใต้กฎหมายของประเทศไทย จะมีบทลงโทษเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น อีกทั้งกระบวนการยุติธรรม ก็เปิดโอกาสให้มีการชี้แจง ข้อกล่าวหา และปกป้องเสรีภาพของตนเองได้ตามช่องทางที่กฎหมายระบุ เพียงแต่ในช่วงเวลานี้ ขอให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ใช้ช่องทางในการรักษาสิทธิ เสรีภาพ ของตนอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้ทุกส่วนได้เห็นเจตนาที่แท้จริงอย่างแน่นอน และในอีกมุมหนึ่ง หากมีผู้พยายามละเมิดกฎหมายด้วยอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ แล้วไม่ถูกดำเนินการใดๆ แล้วสังคมส่วนใหญ่จะสงบสุขได้อย่างไร หากองค์กร ต่างประเทศมีความกังวลใจในเรื่องนี้ ก็สามารถประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามช่องทางที่เหมาะสมระหว่างประเทศได้อยู่แล้ว และหากพิจารณาตามข้อมูลที่ครบถ้วน และรอบด้านจากทุกฝ่ายแล้วจะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และความเป็นสังคมไทย เชื่อว่าสังคมไทย และประชาคมโลกมีความเข้าใจในบริบทดังกล่าวอย่างแน่นอน

** "พระสุเทพ" เชื่อมีอีแอบสั่งปั่นกระแสต้าน

ที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม พระสุเทพ ปภากโร (สุเทพ เทือกสุบรรณ) อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เราเชื่อว่ามีขบวนการที่ปั่นกระแส สร้างสถานการณ์ เพื่อที่จะทำลายความชอบธรรม ความน่าเชื่อถือของ คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล เราประกาศเลยว่า พวก กปปส. ที่เงียบอยู่ ถ้าตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติ และประชาชน เราเชียร์ และพร้อมสนับสนุน เพราะฉะนั้น ให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจว่า ยังมีคนอีกหลายล้านคน สนับสนุนต้องการให้ทำงานให้สำเร็จ

**สปช.ยกอดีตเดือนตุลาเตือนรัฐบาล

นายอุดม ทุมโฆษิต สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช). กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง การแสดงออกทางตรงช่วงนี้ทำยาก ในมหาวิทยาลัยจึงมีคนอึดอัดจำนวนหนึ่ง แต่วันนี้มหาวิทยาลัยมีกระบวนการที่ซับซ้อน ทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยด้วยใจบริสุทธิ์ กับส่วนหนึ่งที่ฝักใฝ่การเมือง เอาตัวเองเข้าไปโยงการเมือง และเลือกข้างแล้วว่าจะอยู่สีใดสีหนึ่ง

ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาระบุจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนั้น ก็อาจเป็นไปได้ ส่วนเสรีภาพในอนาคต ก็กระทบ ทั้งต่างชาติก็ต้องรอดูว่าเขามองเราในแง่ไหน รัฐบาลต้องระมัดระวังรอบคอบ แล้วอย่าไปด่วนกล่าวหาจนทำผิดซ้ำเหมือนในอดีต บทเรียนเดือนตุลาก็มีแล้ว อย่าพึ่งไปบอกว่านักศึกษากลุ่มนี้ทำเพื่อใคร หรือมีใจไม่บริสุทธิ์ ตราบใดที่ยังไม่หลักฐานแน่ชัด เพราะถ้ายิ่งไปมองว่าเขามีใจไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก จะยิ่งผลักให้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางในสังคมต้องเลือกข้าง

** แนะใช้หลักรัฐศาสตร์ร่วมพิจารณา

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะระบุว่า กฎหมาย คือกฎหมาย ใช้มาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มนักศึกษาโดยไม่ฟังเสียงทักท้วง ตนเข้าใจมีหลายปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาล แต่เมื่อท่านอาสาเสียสละเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติ ก็ต้องใช้สติ ใจเย็น อย่าเอาเป็นเอาตายกับนักศึกษากลุ่มนี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม รัฐบาลเป็นผู้ใหญ่ควรมองดูด้วยสายตาทางรัฐศาสตร์ มิใช่ยึดนิติศาสตร์เป็นหลัก เพราะถ้าอ้างกฎหมาย เขาก็แย้งว่า ที่มาของท่านก็ขัดหลักนิติธรรม ฉะนั้นในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียวตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมชั่วคราว 2557 ซึ่งมีอำนาจเหนือศาลทหารด้วย ตนจึงขอเรียกร้องให้นายกฯ โปรดนิรโทษกรรม กับนักศึกษาทั้ง14 คน แต่ควรสร้างความเข้าใจร่วมกันให้ดีเสียก่อน ทั้งกับนักศึกษา ผู้ปกครอง และคณาอาจารย์

"หากนายกรัฐมนตรียังยึดนโยบายแข็งกร้าว ตามที่ประกาศไว้ว่ากฎหมายคือกฎหมาย ประชาชนก็จะถามท่านว่าแล้วเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามกฎหมาย ทำไมท่านผู้มีอำนาจกลับไม่ทำ แม้กระทั่งเรื่องปัญหาปากท้องครัวเรือนของประชาชนทั้งประเทศ อาทิ การลดราคาค่าแก๊สแอลพีจี ภาคครัวเรือนทำไมไม่ทำ แล้วท่านจะตอบประชาชนว่าอย่างไร ที่ผมเรียกร้องนี้ ยืนยันว่าทำด้วยความหวังดีต่อบ้านเมืองไร้ผลประโยชน์ใดทางการเมืองทั้งสิ้น" นายวัชระกล่าว

** "เต้น"จี้ปล่อย14นศ.โดยไม่มีเงื่อนไข

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การคุมขังนักศึกษาโดยกล่าวอ้างกฎหมายอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นการสะท้อนภาวะแห้งแล้งในจิตใจผู้มีอำนาจ เพราะกฎหมายในหลักการประชาธิปไตย ต้องชอบธรรมตั้งแต่ขั้นตอนยกร่าง ซึ่งอำนาจเดียวที่ทำได้คือ อำนาจอธิปไตยของประชาชน ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลอำนาจพิเศษว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงไม่มีทางได้รับการยอมรับ และสุ่มเสี่ยงจะบานปลาย เนื่องจากสิ่งที่ใช้อยู่ แท้จริงแล้วไม่ใช่กฎหมาย แต่คืออำนาจที่ยึดไปตั้งแต่ 22 พ.ค.2557

ทั้งนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องปรับวิธีคิดว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้ เป็นความจริงที่ต้องเกิดขึ้น และนักศึกษาไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่ขบวนการรับจ้างที่ไหน อย่าแบ่งแยกความดีหรือไม่ดีของเยาวชน เพียงแค่ใครเชียร์ หรือไม่เชียร์รัฐบาล สิ่งที่ควรทำเร่งด่วนคือ การปล่อยตัวทั้ง 14 คน โดยไม่ดำเนินคดีใดๆ การยืนกรานรักษากฎหมายจากคณะที่ลงมือฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คำอธิบายที่สังคมประชาธิปไตยจะเข้าใจได้

"ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ใช้ มาตรา 44 นิรโทษกรรม เพราะสิ่งที่นักศึกษากลุ่มนี้ทำ ไม่ใช่ความผิด เมื่อไม่ผิด จะต้องนิรโทษกรรมเรื่องอะไร หรือหากศาลทหารจะตัดสินว่าผิด กระบวนการในคดีนี้ ก็เกิดแผลเป็นรอยใหญ่ไปแล้ว ตั้งแต่การเปิดศาลกลางวิกาล เพื่อส่งเข้าเรือนจำ ปล่อยนักศึกษาแล้วก็ประคับประคอง อย่าให้รัฐธรรมนูญแหกโค้งประชาธิปไตย ส่งคืนอำนาจตามสัญญาหลังทำประชามติ วิธีการแบบนี้ไม่ต้องมีใครแพ้ชนะ และน่าจะเป็นผลดีที่สุด เท่าที่พอเป็นได้กับประเทศไทย"นายณัฐวุฒิกล่าว

***แฉ "พรชัย"1ใน14นศ.เคยถูกจับคดีบ่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 ก.ค.) เว็บไซต์ไทยอินโฟเน็ต ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ 1 ใน 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมและคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หัวข้อว่า "หลักฐาน 1 ใน 14 นักศึกษา เพิ่งโดนจับคาบ่อนย่านสุขุมวิท" โดยบุคคลดังกล่าว คือ นายพรชัย ยวนยี หรือแซม โดยเป็น 1 ใน 26 ผู้ต้องหาที่ถูกจับคาบ่อนหรูในคอนโดมิเนียมภายในซอยสุขุมวิท 24 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2558 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เว็บไซต์ดังกล่าว ยังได้ระบุว่า มีข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ระบุว่า นายพรชัย เป็นหนึ่งใน 26 ผู้ต้องหาคดีบ่อนพนันหรูด้วย

ขณะเดียวกัน ก็มีคำยืนยันจาก ร.ต.ท.ศิริพงศ์ กิติภิวัฒน์ พนักงานสืบสวน สน.ทองหล่อ เจ้าของคดีบ่อนพนันไพ่โป๊กเกอร์ที่คอนโดหรูภายในซอยสุขุมวิท 24 ที่เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นายพรชัย เป็น 1 ในผู้ต้องหา 26 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ ควบคุมตัวขณะเข้าจับกุมบ่อนการพนันไพ่โป๊กเกอร์ภายในซอยสุขุมวิทเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.จริง โดยถูกศาลตัวสินจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ผู้ต้องหากลับไปกระทำความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง โดยหากศาลพิพากษาอย่างไรก็จะต้องนำโทษจำคุก 3 เดือนนี้ไปรวมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพรชัย เป็นอดีตนิสิตนักศึกษาที่จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นอดีตอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)

นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า น.ส.ธีรพิมล เสรีรังสรรค์ หรือเอ ภรรยาของนายพรชัย ได้เข้าเยี่ยมสามีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ขณะที่ช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ค. น.ส.ธีรพิมลได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่าก่อนถูกจับ ตนและนายพรชัยมีแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อฝึกทักษะด้านภาษาด้วยกัน แต่ก็ต้องมาล้มเลิกไป

**เด็ก มธ.ขออยู่กรงจำลองพร้อม14นศ.

ที่กำแพงกาลเวลา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนามขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ "ปลดปล่อยพันธนาการ สู่จิตวิญญาณเสรี" นำกรงขังจำลอง ทำด้วยท่อพีวีซีมาตั้ง โดยมีนักศึกษา 4 คนเข้าไปอยู่ข้างใน นั่งอ่านหนังสือ กินข้าวผัด ดื่มโอเลี้ยง เพื่อแสดงถึงการต่อสู้ร่วมไปกับกลุ่ม 14 นักศึกษาที่อยู่ในเรือนจำ และจะอยู่ในกรงจำลองนี้ไปจนกว่าทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัว บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ท่ามกลางนายตำรวจนอกเครื่องแบบคอยเก็บภาพ จนกระทั่ง พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 ได้มาคุยกับกลุ่มนักศึกษาว่ากำลังกีดขวางทางเท้า และใช้พื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่เทศกิจต้องมารื้อกรงนี้ออกไป จึงขอให้ไปทำกิจกรรมด้านในมหาวิทยาลัยดีกว่า นักศึกษาจึงได้โทรศัพท์หา นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา เพื่อขอให้ประสานฝ่ายบริหารของสาขาท่าพระจันทร์ ใช้พื้นที่บนลานโพธิ์ จนได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัย แล้วทั้งหมดจึงย้ายเข้ามา โดยไม่มีความรุนแรงใดๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น