ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เกศรา” เชื่อดัชนีหุ้นไทยพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว สอดคล้องกับ “ระพี” ที่เชื่อว่า เหตุการณ์ของกรีซจะไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย ย้ำพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจกรีชมีสัดส่วนเพียง 2% ของสหภาพยุโรปทั้งหมด
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท.กล่าวถึงสถานการณ์ที่กรีซผิดนัดชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF วงเงิน 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 54,100 ล้านบาทตามกำหนดเมื่อวานนี้ ว่า จะเป็นเพียงผลกระทบทาง Sentiment ในระยะสั้นเท่านั้น โดยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับผลกระทบไปมาแล้ว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ และขณะนี้ตลาดในยุโรป, สหรัฐ และอาเซียนก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น
"ตอนนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายตลาดฯได้ตอบรับเรื่องกรีซไปแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ตลาดฯน่าจะดีขึ้นได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาของกรีซนั้น เชื่อว่าในที่สุดอียูน่าจะหาทางออกให้กับกรีซได้ และน่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่า” นางเกศรา กล่าว
ในส่วนของบริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป หรือ EU ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนของไทยยังมีการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศอาเซียน ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกในหุ้นที่มีการกระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ ประเทศเพื่อบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังมองว่าผลประกอบการของบริษัทด้านพลังงานก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
สอดคล้องกับมุมมองของนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ที่กล่าวแสดงความเห็นถึงผลกระทบการประกาศผิดชำระหนี้ IMF ต่อตลาดหุ้นไทยในวงจำกัดเพราะหากประเมินแล้ว เศรษฐกิจของกรีซมีสัดส่วนแค่ 2% ในมูลค่าผลผลิตมวลรวมในประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป
“ข่าวคราวของกรีซที่ออกมานั้นก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตกใจมากนัก ขณะเดียวกันคาดว่าจะไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย และจะเห็นได้ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เด้งกลับขึ้นมาแล้ว” นายระพี กล่าว
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีได้วิเคราะห์ว่า เส้นตายของกรีซน่าจะอยู่วันที่ 20 กรกฎาคมที่จะต้องจ่ายหนี้ให้กับธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB วงเงิน 3.5 พันล้านยูโร โดยอาจจะกระทบกับตลาดไทย หากเกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก อย่างไรก็ดีการที่เศรษฐกิจของทั้งกลุ่มยูโรจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จะส่งผลกระทบต่อส่งออกของไทย และผลกระทบกับตลาดในกรณีที่แย่สุด มาจากกรณีที่กรีซผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจากกลุ่มยูโร
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลท.กล่าวถึงสถานการณ์ที่กรีซผิดนัดชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF วงเงิน 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 54,100 ล้านบาทตามกำหนดเมื่อวานนี้ ว่า จะเป็นเพียงผลกระทบทาง Sentiment ในระยะสั้นเท่านั้น โดยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับผลกระทบไปมาแล้ว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ และขณะนี้ตลาดในยุโรป, สหรัฐ และอาเซียนก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น
"ตอนนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายตลาดฯได้ตอบรับเรื่องกรีซไปแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ตลาดฯน่าจะดีขึ้นได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาของกรีซนั้น เชื่อว่าในที่สุดอียูน่าจะหาทางออกให้กับกรีซได้ และน่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่า” นางเกศรา กล่าว
ในส่วนของบริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป หรือ EU ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนของไทยยังมีการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศอาเซียน ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกในหุ้นที่มีการกระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ ประเทศเพื่อบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังมองว่าผลประกอบการของบริษัทด้านพลังงานก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
สอดคล้องกับมุมมองของนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ที่กล่าวแสดงความเห็นถึงผลกระทบการประกาศผิดชำระหนี้ IMF ต่อตลาดหุ้นไทยในวงจำกัดเพราะหากประเมินแล้ว เศรษฐกิจของกรีซมีสัดส่วนแค่ 2% ในมูลค่าผลผลิตมวลรวมในประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป
“ข่าวคราวของกรีซที่ออกมานั้นก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตกใจมากนัก ขณะเดียวกันคาดว่าจะไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย และจะเห็นได้ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เด้งกลับขึ้นมาแล้ว” นายระพี กล่าว
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีได้วิเคราะห์ว่า เส้นตายของกรีซน่าจะอยู่วันที่ 20 กรกฎาคมที่จะต้องจ่ายหนี้ให้กับธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB วงเงิน 3.5 พันล้านยูโร โดยอาจจะกระทบกับตลาดไทย หากเกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก อย่างไรก็ดีการที่เศรษฐกิจของทั้งกลุ่มยูโรจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จะส่งผลกระทบต่อส่งออกของไทย และผลกระทบกับตลาดในกรณีที่แย่สุด มาจากกรณีที่กรีซผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจากกลุ่มยูโร