xs
xsm
sm
md
lg

"ณรงค์ชัย"ตั้งท่าเปิดสัมปทาน21 ลุ้นสนช.ผ่าน2กฎหมายปิโตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ณรงค์ชัย"นับวันรอ หลังใกล้ครบกำหนด 3 เดือน ที่ สนช. ขีดเส้นแก้ปัญหาปิโตรเลียม เผยหากเห็นชอบร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2 ฉบับ เตรียมเปิดให้มีการสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ทันทีจำนวน 29 แปลงทั้งบนบนและในทะเล ย้ำเปิดทางให้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตเป็นทางเลือกเพิ่มแล้ว ลั่นเดินหน้าขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีขนส่งแบบขั้นบันได แม้ยังมีเสียงคัดค้าน ยืนยันภาคครัวเรือนไม่ได้รับผลกระทบ "มาร์ค"จวกนโยบายพลังงานผิดพลาด ซ้ำเติมเศรษฐกิจ

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เดือนก.ค.นี้ จะครบกำหนด 3 เดือน ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาปิโตรเลียม และหากเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่....) พ.ศ. ... และร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่....) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ กระทรวงฯ ก็จะสามารถเดินหน้าเปิดให้มีการสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ได้ทันที โดยจะเปิดให้มีการสำรวจใน 29 แปลงตามเดิมที่เคยทำไว้ ซึ่งแนวทางของร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ที่กระทรวงเสนอเป็นการแก้ไขมาตรา 23 เกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้มีการใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตหรือ PSC เข้ามาเป็นทางเลือก นอกเหนือจากเดิมที่กำหนดให้ใช้ระบบสัมปทานเพียงอย่างเดียว

สำหรับแปลงสำรวจเป็นเขตพื้นที่บนบกและในทะเลอ่าวไทย รวม 29 แปลง ประกอบด้วย แปลงบนบก 23 แปลง แบ่งเป็น ภาคเหนือและภาคกลาง 6 แปลง พื้นที่ 5,458.91 ตร.กม. และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 แปลง พื้นที่ 49,196.40 ตร.กม. ส่วนแปลงในทะเลอ่าวไทย 6 แปลง พื้นที่ 11,808.20 ตร.กม.

***ไม่สนเสียงค้านเดินหน้าขึ้นราคาต่อ

นายณรงค์ชัยกล่าวถึงนโยบายการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีสำหรับภาคขนส่งว่า ยังยืนยันที่จะดำเนินการต่อไป แม้ว่าจะมีผู้คัดค้านก็ตาม เพราะเป็นการสร้างความเป็นธรรมกับผู้ใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งให้เท่าเทียมกัน เนื่องจากผู้ใช้น้ำมัน จ่ายภาษีสรรพสามิต 5-6 บาทต่อลิตร แต่แอลพีจีขนส่งจ่ายเพียง 1.10 บาทต่อลิตรเท่านั้น โดยการปรับขึ้นภาษีฯ จะเป็นแบบขั้นบันได เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (NGV) เป็นเรื่องในอนาคต เพราะสิ่งแรกจะต้องดำเนินการก่อน คือ การปรับราคาหะสะท้อนต้นทุน หลังจากนั้นการปรับภาษีสรรพสามิตก็จะตามมา

"การที่มีผู้ล่ารายชื่อคัดค้านการขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีขนส่ง ใครค้านก็ค้านไป แต่เรายืนยันว่าจะสร้างความเป็นธรรม และเมื่อมีการปรับขึ้นภาษีฯ แอลพีจีภาคขนส่ง ก็ยังคงถูกกว่าน้ำมันกว่าลิตรละ 10 บาท เราไม่ได้ห้ามว่าจะไม่ให้ไปใช้อะไร ก็สุดแต่ประชาชนจะเลือก แต่เราส่งสัญญาณว่าต่อไปแอลพีจีขนส่งต้องขึ้นภาษีฯ นะ"นายณรงค์ชัยกล่าว

***ยันผู้ใช้ภาคครัวเรือนไม่ได้รับผลกระทบ

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยืนยันไม่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนอย่างแน่นอน และขอย้ำให้ผู้ใช้ก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งทราบว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายยกเลิกใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่ง และจำเป็นต้องเดินหน้าปรับภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งเท่านั้น ตามนโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมสูงสุดตามนโยบายของรัฐบาลแก่ผู้ใช้เชื้อเพลิงทุกประเภท

"การปรับภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งดังกล่าว จะไม่เกิดผลกระทบใดต่อผู้ใช้ในครัวเรือน หรือประชาชนที่หุงหาอาหารด้วยก๊าซแอลพีจี จะได้ใช้ในโครงสร้างราคาเดิมต่อไป และกระทรวงพลังงานยังได้ดูแลผู้ใช้แอลพีจีครัวเรือน สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มหาบเร่ รถเข็นอาหาร ร้านอาหารแบบคูหาชั้นเดียว ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อให้ได้รับสิทธิในการซื้อก๊าซแอลพีจีได้ในราคาเดิม จึงอยากเชิญชวนให้มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงพลังงาน โทร.02 140 7000 หรือที่สำนักงานพลังงานจังหวัดทุกแห่ง ในวันและเวลาราชการ"นายวิฑูรย์กล่าว

***"มาร์ค"อัดขึ้นภาษีแอลพีจีซ้ำเติมเศรษฐกิจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า มีความน่าเป็นห่วง เพราะไปประเมินว่าเกิดจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งความจริงปัญหาหลักอยู่ที่ประชาชนขาดกำลังซื้อ เป็นปัญหาภายในประเทศ ดังนั้น การที่รัฐบาลกำหนดนโยบายที่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง และเอ็นจีวี ในขณะที่ประชาชนไม่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว ถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนด้านขนส่งจะเพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องนึกถึงเป้าหลักในภาพรวมของเศรษฐกิจก่อน ซึ่งจำเป็นต้องทบทวนนโยบายพลังงานใหม่ เพราะเศรษฐกิจไทย ไม่ได้ซบเซาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก แต่เป็นปัญหาจากปัจจัยภายในประเทศที่ขาดกำลังซื้อ และส่วนหนึ่งมาจากนโยบายพลังงานที่ผิดพลาด

*** ปชช.พื้นที่ขุดเจาะจี้ภาครัฐแจงผลกระทบ

ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านจาก อ.สตึก บ้านด่าน แคนดง และคูเมือง ซึ่งอาศัยอยู่พื้นที่ได้รับผลกระทบจากการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมบนบกของบริษัทต่างประเทศเมื่อปี 2557 รวมทั้งผู้ที่อยู่ในพื้นที่ 5 ตารางกิโลเมตร ที่จะมีการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่ปลายปีนี้กว่า 100 คน ร่วมเวทีเสวนาเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการพลังงาน ที่กลุ่มเครือข่ายสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจัดขึ้น

โดยในเวทีเสวนา ต้องการให้ภาครัฐและเอกชนชี้แจงข้อเท็จจริงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้ประชาชนได้รับทราบ และเข้าใจถึงกระการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมบนบกรอบใหม่ และหากมีการขุดเจาะเชิงการพาณิชย์ในพื้นที่ ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งควรแบ่งปันให้กับชุมชนและท้องถิ่น เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง เพราะที่ผ่านมา ภาครัฐและเอกชนไม่ได้ให้ข้อเท็จจริง และไม่ทำประชาพิจารณ์ก่อนการดำเนินการ ดังนั้น กลุ่มประชาชนและเครือข่ายพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จึงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาประชาชน เพื่อเป็นกำลังปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเอง

นายวุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย ประธานเครือข่ายพัฒนาการเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ข้อเสนอของภาคประชาชนจะนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงพลังงาน และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อนำไปพิจารณา และจัดตั้งสภาพลเมืองเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเองอย่างมีคุณภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น