xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นรีบาวนด์ทางเทคนิค แนะนำเลือกหุ้น Defensive ซึ่งทนต่อความผันผวนได้สูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บล.เอเชีย เวลท์” ชี้สัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปหาทางแก้ปัญหากรีซ และปัญหาภายในประเทศ การปักธงแดงมาตรฐานการบินไทยขององค์กร ICAO และความกังวลของการระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในไทย เชื่อจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แนะนำเลือกหุ้น Defensive ซึ่งทนต่อความผันผวนได้สูง ด้านภาวะตลาดหุ้นเช้านี้ดัชนีรีบาวนด์ทางเทคนิค และแกว่งตัวแคบๆ ในแดนบวก

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น IVL ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางชั้นนำระดับโลก และเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตการผลิตขวดพลาสติก PET รวมถึงเส้นด้ายระดับโลก โดย IVL ขยายกิจการด้วยวิธีการเข้าซื้อกิจการ และการควบรวมกิจการ (Merger and acquisition) ในยุโรป และเอเชียในปีนี้ คาดว่า IVL จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากความต้องการในขาดพลาสติก PET ประกอบกับส่วนต่าง หรือ spread ของราคาปิโตรเคมีนั้นถึงจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งส่งผลให้หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี รวมถึง IVL กลับมาฟื้นตัว

“ในปีนี้ Bloomberg consensus คาดการณ์การเติบโตกำไรของ IVL ที่ระดับ 148% และปีหน้าที่ 25% โดยหุ้น IVL มี P/E ratio อยู่ที่ 25 เท่า ไม่สูงหากเทียบกับการคาดการณ์กำไร และมี P/BV ที่ระดับ 1.8 เท่า ซึ่งอยู่ระดับต่ำค่อนไปทางปานกลาง ซึ่ง P/BV ถือเป็นอัตราส่วนทางการเงินสำคัญบ่งชี้ความทนทานในทางทฤษฎีต่อความผันผวนของตลาดได้ดี สำหรับสัญญาณทางเทคนิค เกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า หุ้น IVL อยู่ในขาขึ้นแบบแข็งแกร่ง ซึ่งราคาน่าจะเบรก high เดิมที่ 29.25 บาท และขึ้นทำจุด high ใหม่ที่ 32 บาทได้”

นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านภาวะตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดปัจจัยภายในประเทศยังคงกดดันตลาดหุ้น ทั้งการที่องค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ปักธงแดงกรมการบินพลเรือน (บพ.) ของไทยสู่สาธารณะ ซึ่งต้องดูมาตรฐานการบินว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่ และการพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศไทย และความกังวลของต่างชาติว่าจะมีการระบาดเหมือนกับในเกาหลี ทำให้กระทบต่อตลาดหุ้นไทยเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

กรณีดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบไปอีกระยะ ทั้งต่อตลาดหุ้น และการท่องเที่ยวในไทย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางค่อนข้างเยอะ ทำให้ต่างชาติมีความกังวลเรื่องการระบาดของโรคจากนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางในไทย แต่โดยรวมแล้วทางเรามั่นใจว่า ด้วยระบบการแพทย์ของไทยที่ทันสมัย และการที่เราได้รับบทเรียนจากเกาหลี น่าจะทำให้ไทยมีมาตรฐานการป้องกันการระบาดของโรคได้อย่างดี

ด้านปัจจัยภายนอกประเทศ ปัญหาหนี้สินของกรีซยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ โดยในต้นสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศในกลุ่มยูโรโซน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหากรีซไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้ ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตลาดเริ่มคลายความกังวลในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากประธาน Fed ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสิ้นปีแทน

“ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้เรามองแนวรับสัปดาห์นี้มองกรอบ SET Index ที่ 1,470-1,510 จุด โดยในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนนี้เราแนะนำให้ลงทุนในหุ้น Defensive ที่ทนทานต่อความผันผวนต่อตลาดสูง และมี P/BV ต่ำ เช่น PTTEP, PTTGC, PTT, BAY และ BBL และแนะนำหุ้นปันผล เช่น หุ้น BTS ที่มี P/BV ต่ำที่ 2 เท่า และมี Dividend yield สูง ที่ระดับ 7% และหุ้น THCOM และ INTUCH ที่มี Dividend yield สูงเช่นกัน”

ด้านภาะวะตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนีเปิด และแกว่งตัวในแดนบวก โดยเมื่อเวลา 10.24 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,498.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.87 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.46% มูลค่าการซื้อขาย 5,154.18 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น