ASTVผู้จัดการรายวัน – “กลุ่มบูทิค” เดินเกมรุกหนัก สองขาธุรกิจ ทั้ง “อสังหาริมทรัพย์-อาหาร “ ลุยโรงแรมพุ่งเป้าหมายตลาดหลักที่ภูเก็ต พร้อมเจรจาซื้อไลเซ่นส์อาหารจากกลุ่มโทริดอลญี่ปุ่นเพิ่มอีก
นายปรับ ทักราล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบูทิค ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนธุรกิจเชิงรุกทั้งสองส่วนคือ ทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กับกลุ่มอาหาร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ โดยธุรกิจอสังหาฯบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมขยาย เรนฮิลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ สาขาที่สอง บริเวณถนสุขุมวิท เลยย่านเอกมัยไปแต่ยังไม่ สามารถเปิดเผยพื้นที่ได้ ซึ่งวางแผนอีก 2 เดือนจะเปิดตัวโครงการได้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ได้ในปีหน้า โครงการนี้จะมีพื้นที่เชิงธุรกิจประมาณ 12,000 ตารางเมตร หรือใหญ่กว่าเรนฮิลล์ สาขาแรกที่สุขุมวิท 47 ประมาณ 1 เท่าตัว
การขยายตัวทางด้านคอมมูนิตี้มอลล์ เราจะใช้แบรนด์ เรนฮิลล์ เป็นหลัก และจะยายไปตามย่านชุมชนที่มี ตลาดรองรับ แม้ว่าสาขาที่สองจะอยู่บนถนนสุขุมวิท เช่นเดียวกับสาขาแรก แต่มั่นใจว่าในย่านนั้นตลาด ยังมีรองรับอยู่ เพราะเป็นย่านชุมชนใหญ่ มีกำลังซื้อสูงมาก
แต่อย่างไรก็ตามเขาย้ำว่า การทำคอมมูนิตี้มอลล์ ไมใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่ว่ามีพื้นที่ของตัวเองก็จะเปิด ทำการได้ ต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบ และสร้างจุดแตกต่างจุดแข็งให้ได้ ซึ่งสาขาแรกข องเราก็ประสบความสำเร็จอย่างดี
เขากล่าวต่อว่า ส่วนแผนการขยายธุรกิจโรงแรม เป็นตลาดที่ให้ความสนใจอย่างมากจากนี้ไป โดยเฉพาะการพุ่งเป้าหมายลงทุนไปยังพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งบริษัทฯวางแผนที่จะเปิดโรงแรมระดับ 3 – 4 ดาว ในจังหวัดนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3-5 แห่งภายในปี 2559 เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยไปเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อสนามบินภูเก็ตในส่วนต่อขยาย ดำเนินการแล้วเสร็จจะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกเพราะสนามบินกว้างขวางมากขึ้นรองรับคนได้มากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทำการซื้อที่ดินไว้แล้วจำนวน 1 แปลง เพื่อก่อสร้างโรงแรม และจะทยอยซื้ออย่าง ต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและคนต่างขาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน
สำหรับโรงแรมแห่งแรกในภูเก็ตของกลุ่มบูทิค คือ โรงแรมไฮแอท เพลซ (Hyatt Place) ซึ่งจะเริ่มเปิดบริการในช่วงครึ่งปีหลังนี้แน่นอน เป็นโรงแรมระดั บ 3 ดาวครึ่ง มีห้องพักจำนวน 160 ห้อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มอาหาร ปัจจุบันมีแบรนด์เดียวคือ มารุกาเมะ เซเมง เป็นอูด้งเทมปุระ จากญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกับทางเจ้าของแบรนด์คือ โทริดอล คอร์ปอเรชั่น เปิดดำเนินการในไทยเมื่อปี 2555 ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางโทริดอลล์เพื่อที่จะนำลิขสิทธิ์แฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่เข้ามาเปิดบริการในไทยเพิ่มอีกหลายแบรนด์หลายเซกเมนต์ ทั้ง เทมปุระ ทงคัตสึ คาเฟ่ เป็นต้น แต่ยังไม่สรุป เพราะต้องดูความเหมาะสมหลายอย่างทั้งจังหวะและโอกาส
ส่วนแบรนด์มารุกาเมะเซเมง ปัจจุบันมี 24 สาขา โดยครึ่งปีแรกนี้เปิดสาขามากที่สุดถึง 11 สาขาแล้ว เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเปิดแค่ 3 สาขา ตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีครบ 30 สาขา และสิ้นปีหน้าจะมี 50 สาขา เป้าหมายอีก 3 ปีจะมีรวม 70 สาขา ตั้งเป้าหมายรายได้อาหาร ปีนี้ไว้ที่ 300 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มี 200 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกนี้รายได้อาหารเติบโตถึง 70%
นายปรับกล่าวว่า ตลาดรวมอาหารญี่ปุ่นในไทย
มีมูลค่ามากเพราะมีหลายเซกเมนต์ แต่ถ้าเป็นเซกเมนต์ อูด้ง แล้ว มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีไม่กี่แบรนด์ ขณะที่ มารุกาเมะ เซเมง เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งถึง 60% ส่วนอันดับที่ สองทิ้งห่างมากมีแค่ 5 สาขาเท่านั้น คาดว่าปีหน้า ตลาดรวมอูด้งจะเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท และมารุกาเมะ เซเมง จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 70%
นายปรับ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์โดยรวมทั้งโรงแรม ค้าปลีก ซึ่งมีหลายแบรนด์เช่น ซิตาดีนส์, โอ๊กวู้ด, โอโซ, ไฮแอทเพลส, ทรีท็อปส์คอนโดมิเนียม ของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีรายได้รวมเติบโตประมาณ 7% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนกลุ่มอาหารครึ่งปีแรกเติบโต 70% และมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีสัดส่วนรายได้จากอสังหา ริมทรัพย์รวม 80% และสัดส่วนรายได้อาหาร 20%
นายปรับ ทักราล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบูทิค ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนธุรกิจเชิงรุกทั้งสองส่วนคือ ทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กับกลุ่มอาหาร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ โดยธุรกิจอสังหาฯบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมขยาย เรนฮิลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ สาขาที่สอง บริเวณถนสุขุมวิท เลยย่านเอกมัยไปแต่ยังไม่ สามารถเปิดเผยพื้นที่ได้ ซึ่งวางแผนอีก 2 เดือนจะเปิดตัวโครงการได้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ได้ในปีหน้า โครงการนี้จะมีพื้นที่เชิงธุรกิจประมาณ 12,000 ตารางเมตร หรือใหญ่กว่าเรนฮิลล์ สาขาแรกที่สุขุมวิท 47 ประมาณ 1 เท่าตัว
การขยายตัวทางด้านคอมมูนิตี้มอลล์ เราจะใช้แบรนด์ เรนฮิลล์ เป็นหลัก และจะยายไปตามย่านชุมชนที่มี ตลาดรองรับ แม้ว่าสาขาที่สองจะอยู่บนถนนสุขุมวิท เช่นเดียวกับสาขาแรก แต่มั่นใจว่าในย่านนั้นตลาด ยังมีรองรับอยู่ เพราะเป็นย่านชุมชนใหญ่ มีกำลังซื้อสูงมาก
แต่อย่างไรก็ตามเขาย้ำว่า การทำคอมมูนิตี้มอลล์ ไมใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่ว่ามีพื้นที่ของตัวเองก็จะเปิด ทำการได้ ต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบ และสร้างจุดแตกต่างจุดแข็งให้ได้ ซึ่งสาขาแรกข องเราก็ประสบความสำเร็จอย่างดี
เขากล่าวต่อว่า ส่วนแผนการขยายธุรกิจโรงแรม เป็นตลาดที่ให้ความสนใจอย่างมากจากนี้ไป โดยเฉพาะการพุ่งเป้าหมายลงทุนไปยังพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งบริษัทฯวางแผนที่จะเปิดโรงแรมระดับ 3 – 4 ดาว ในจังหวัดนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3-5 แห่งภายในปี 2559 เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยไปเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อสนามบินภูเก็ตในส่วนต่อขยาย ดำเนินการแล้วเสร็จจะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกเพราะสนามบินกว้างขวางมากขึ้นรองรับคนได้มากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทำการซื้อที่ดินไว้แล้วจำนวน 1 แปลง เพื่อก่อสร้างโรงแรม และจะทยอยซื้ออย่าง ต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและคนต่างขาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน
สำหรับโรงแรมแห่งแรกในภูเก็ตของกลุ่มบูทิค คือ โรงแรมไฮแอท เพลซ (Hyatt Place) ซึ่งจะเริ่มเปิดบริการในช่วงครึ่งปีหลังนี้แน่นอน เป็นโรงแรมระดั บ 3 ดาวครึ่ง มีห้องพักจำนวน 160 ห้อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มอาหาร ปัจจุบันมีแบรนด์เดียวคือ มารุกาเมะ เซเมง เป็นอูด้งเทมปุระ จากญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกับทางเจ้าของแบรนด์คือ โทริดอล คอร์ปอเรชั่น เปิดดำเนินการในไทยเมื่อปี 2555 ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางโทริดอลล์เพื่อที่จะนำลิขสิทธิ์แฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่เข้ามาเปิดบริการในไทยเพิ่มอีกหลายแบรนด์หลายเซกเมนต์ ทั้ง เทมปุระ ทงคัตสึ คาเฟ่ เป็นต้น แต่ยังไม่สรุป เพราะต้องดูความเหมาะสมหลายอย่างทั้งจังหวะและโอกาส
ส่วนแบรนด์มารุกาเมะเซเมง ปัจจุบันมี 24 สาขา โดยครึ่งปีแรกนี้เปิดสาขามากที่สุดถึง 11 สาขาแล้ว เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเปิดแค่ 3 สาขา ตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีครบ 30 สาขา และสิ้นปีหน้าจะมี 50 สาขา เป้าหมายอีก 3 ปีจะมีรวม 70 สาขา ตั้งเป้าหมายรายได้อาหาร ปีนี้ไว้ที่ 300 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มี 200 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกนี้รายได้อาหารเติบโตถึง 70%
นายปรับกล่าวว่า ตลาดรวมอาหารญี่ปุ่นในไทย
มีมูลค่ามากเพราะมีหลายเซกเมนต์ แต่ถ้าเป็นเซกเมนต์ อูด้ง แล้ว มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีไม่กี่แบรนด์ ขณะที่ มารุกาเมะ เซเมง เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งถึง 60% ส่วนอันดับที่ สองทิ้งห่างมากมีแค่ 5 สาขาเท่านั้น คาดว่าปีหน้า ตลาดรวมอูด้งจะเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท และมารุกาเมะ เซเมง จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 70%
นายปรับ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์โดยรวมทั้งโรงแรม ค้าปลีก ซึ่งมีหลายแบรนด์เช่น ซิตาดีนส์, โอ๊กวู้ด, โอโซ, ไฮแอทเพลส, ทรีท็อปส์คอนโดมิเนียม ของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มีรายได้รวมเติบโตประมาณ 7% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนกลุ่มอาหารครึ่งปีแรกเติบโต 70% และมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีสัดส่วนรายได้จากอสังหา ริมทรัพย์รวม 80% และสัดส่วนรายได้อาหาร 20%