ASTVผู้จัดการรายวัน-ทีมงาน "ชายหมู" เบื่องัดข้อ ขอลาออกพรึ่บ ทั้งผู้ช่วยเลขาฯ เลขาฯ และโฆษก กทม. เผยเหตุมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก จนทำงานยาก แถมงานไม่เดิน หลังกีดกันผู้บริหารเข้าหารือ เข้าพบผู้ว่าฯ
รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า ขณะนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้อนุมัติคำสั่งลาออกของ น.ส.วราพร ตระกูลชีวพานิตต์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.ที่ยื่นหนังสือขอลาออก ไปเมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุของการลาออก เนื่องจากน.ส.วราพร ต้องการทำกิจการส่วนตัว และต้องการสมัครเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เพราะระเบียบการสมัครอาจารย์ประจำ ได้ระบุว่าห้ามดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จึงต้องลาออกอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ข้าราชการฝ่ายการเมืองตำแหน่งสำคัญอีก2 ตำแหน่ง คือ นายสัญญา จันทรัตน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. จะลาออกสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ และน.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษก กทม. ก็เตรียมตัวยื่นหนังสือลาออกเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกัน
สาเหตุของการลาออก เกิดจากปัญหาการทำงานของทีมงานฝ่ายการเมือง ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่มีปัญหากันมาอย่างยาวนาน โดยเคยมีกระแสก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทีมงานฝ่ายการเมืองมีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย และไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาตั้งแต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่ 2 โดยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. คนก่อนหน้านี้ คือ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2557 โดยอ้างปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้นก็มีที่ปรึกษาผู้ว่าฯ คือ นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกเป็นคนต่อมา โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากปัญหาภายในกับทีมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ มาโดยตลอด
แหล่งข่าวในทีมผู้บริหาร กทม. ระบุว่า การประสานการทำงานหรือเข้าพบผู้ว่าฯ จะต้องผ่านทีมงานใกล้ชิดคนหนึ่งตลอดเวลา และบ่อยครั้ง ต้องรอเป็นเวลานาน ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการจะเข้าให้ข้อมูลหรือปรึกษาข้อราชการและงานต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน และส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ไม่ได้เข้าพบอย่างทันท่วงที จึงทำให้หลายคนเกิดความเบื่อหน่าย เป็นผลให้เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ทุกคนจึงนิ่งเฉย รอแค่ให้ผู้ว่าฯ สั่งการลงมา หรือเรียกเข้าพบ
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการล้วงลูก ข้ามสายงาน รวมทั้งกรณีที่งานผิดพลาดหรือถูกกล่าวหา ก็ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงต่อผู้ว่าฯ กทม. โดยตรง ส่งผลให้ทีมงานที่ต้องทำงานใกล้ชิดบางคนตัดสินใจลาออกดังกล่าว
รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า ขณะนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้อนุมัติคำสั่งลาออกของ น.ส.วราพร ตระกูลชีวพานิตต์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.ที่ยื่นหนังสือขอลาออก ไปเมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุของการลาออก เนื่องจากน.ส.วราพร ต้องการทำกิจการส่วนตัว และต้องการสมัครเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เพราะระเบียบการสมัครอาจารย์ประจำ ได้ระบุว่าห้ามดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จึงต้องลาออกอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ข้าราชการฝ่ายการเมืองตำแหน่งสำคัญอีก2 ตำแหน่ง คือ นายสัญญา จันทรัตน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. จะลาออกสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ และน.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษก กทม. ก็เตรียมตัวยื่นหนังสือลาออกเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกัน
สาเหตุของการลาออก เกิดจากปัญหาการทำงานของทีมงานฝ่ายการเมือง ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่มีปัญหากันมาอย่างยาวนาน โดยเคยมีกระแสก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทีมงานฝ่ายการเมืองมีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย และไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาตั้งแต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่ 2 โดยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. คนก่อนหน้านี้ คือ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2557 โดยอ้างปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้นก็มีที่ปรึกษาผู้ว่าฯ คือ นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกเป็นคนต่อมา โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากปัญหาภายในกับทีมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ มาโดยตลอด
แหล่งข่าวในทีมผู้บริหาร กทม. ระบุว่า การประสานการทำงานหรือเข้าพบผู้ว่าฯ จะต้องผ่านทีมงานใกล้ชิดคนหนึ่งตลอดเวลา และบ่อยครั้ง ต้องรอเป็นเวลานาน ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการจะเข้าให้ข้อมูลหรือปรึกษาข้อราชการและงานต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน และส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ไม่ได้เข้าพบอย่างทันท่วงที จึงทำให้หลายคนเกิดความเบื่อหน่าย เป็นผลให้เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ทุกคนจึงนิ่งเฉย รอแค่ให้ผู้ว่าฯ สั่งการลงมา หรือเรียกเข้าพบ
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการล้วงลูก ข้ามสายงาน รวมทั้งกรณีที่งานผิดพลาดหรือถูกกล่าวหา ก็ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงต่อผู้ว่าฯ กทม. โดยตรง ส่งผลให้ทีมงานที่ต้องทำงานใกล้ชิดบางคนตัดสินใจลาออกดังกล่าว
