พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ตนไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อกล่าวโทษใคร แต่มาเพื่อรับฟังสถานการณ์ และสอบถามกทม.ถึงความต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ปัญหาหลักที่ตนต้องการให้กทม.เร่งแก้ไข คือ 1.ปัญหาขยะ 2.หากฝนตกจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังบนผิวจราจร จะต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการแก้ปัญหาระบายรถตามจุดสำคัญ 300 แยก เพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว และในพื้นที่วิฤติจะต้องจัดกำลังเข้าหน้าที่ทหารเข้าช่วยเหลือ 3.หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย จะมีการประสานสถาบันอาชีวศึกษา จัดชุดเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือ
ดังนั้นจึงได้ตั้งเป้าหมาย หากเกิดฝนตกหนัก เหมือนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนเกิน 1 ชั่วโมง สำหรับปัญหาขยะ นั้นการบังคับใช้กฎหมายจับกุมอย่างเดียวจะไม่เกิดผลสำเร็จ จำเป็นต้องใช้วิธีการสร้างวัฒนธรรม ปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนไม่ทิ้งขยะลงพื้นที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตามจากการรับฟังรายงานระบบป้องกันน้ำท่วมของกทม. ยังมีบางส่วนไม่สมบูรณ์ อาทิ เขื่อนป้องกันน้ำท่วม พื้นที่รับน้ำที่ไม่เพียงพอ รวมถึงท่อระบายน้ำที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้อุโมงค์ระบายน้ำทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งกทม.ก็ได้เตรียมแผนพัฒนาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนมั่นใจในการทำงานของกทม. และเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้เลวร้าย
นอกจากนี้จะมีการประสานข้อมูลกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อวางแผนจัดกำลังเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาในจุดอ่อนน้ำท่วม ที่มีปัญหาน้ำท่วมขังบ่อย ทั้งนี้หากฝนตกในช่วงเวลากลางคืน น้ำจะต้องแห้งก่อนเวลา 05.00 น. หากพื้นที่ใดไม่แห้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปิดถนนดังกล่าวเพื่อเร่งระบายน้ำ พร้อมแจ้งประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง และจะประสานเจ้าหน้าที่ทหาร จัดรถยกสูงรับส่งประชาชน
ส่วนกระแสสังคมต้องการเรียกร้องให้ผู้ว่าฯกทม.ลาออกจากตำแหน่งนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.มาโดยตลอด ซึ่งมั่นใจว่าท่านทำงานด้วยความตั้งใจ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น สังคมจะไปโทษคนคนเดียวก็ไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายควรช่วยเหลือกันเพื่อแก้ปัญหา
ทั้งนี้ปัญหาหลักที่ตนต้องการให้กทม.เร่งแก้ไข คือ 1.ปัญหาขยะ 2.หากฝนตกจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังบนผิวจราจร จะต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการแก้ปัญหาระบายรถตามจุดสำคัญ 300 แยก เพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว และในพื้นที่วิฤติจะต้องจัดกำลังเข้าหน้าที่ทหารเข้าช่วยเหลือ 3.หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย จะมีการประสานสถาบันอาชีวศึกษา จัดชุดเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือ
ดังนั้นจึงได้ตั้งเป้าหมาย หากเกิดฝนตกหนัก เหมือนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนเกิน 1 ชั่วโมง สำหรับปัญหาขยะ นั้นการบังคับใช้กฎหมายจับกุมอย่างเดียวจะไม่เกิดผลสำเร็จ จำเป็นต้องใช้วิธีการสร้างวัฒนธรรม ปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนไม่ทิ้งขยะลงพื้นที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตามจากการรับฟังรายงานระบบป้องกันน้ำท่วมของกทม. ยังมีบางส่วนไม่สมบูรณ์ อาทิ เขื่อนป้องกันน้ำท่วม พื้นที่รับน้ำที่ไม่เพียงพอ รวมถึงท่อระบายน้ำที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้อุโมงค์ระบายน้ำทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งกทม.ก็ได้เตรียมแผนพัฒนาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนมั่นใจในการทำงานของกทม. และเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้เลวร้าย
นอกจากนี้จะมีการประสานข้อมูลกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อวางแผนจัดกำลังเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาในจุดอ่อนน้ำท่วม ที่มีปัญหาน้ำท่วมขังบ่อย ทั้งนี้หากฝนตกในช่วงเวลากลางคืน น้ำจะต้องแห้งก่อนเวลา 05.00 น. หากพื้นที่ใดไม่แห้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปิดถนนดังกล่าวเพื่อเร่งระบายน้ำ พร้อมแจ้งประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง และจะประสานเจ้าหน้าที่ทหาร จัดรถยกสูงรับส่งประชาชน
ส่วนกระแสสังคมต้องการเรียกร้องให้ผู้ว่าฯกทม.ลาออกจากตำแหน่งนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.มาโดยตลอด ซึ่งมั่นใจว่าท่านทำงานด้วยความตั้งใจ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น สังคมจะไปโทษคนคนเดียวก็ไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายควรช่วยเหลือกันเพื่อแก้ปัญหา
