00 หากพูดถึงโรดแมปของ คสช. ที่วางเอาไว้แต่เดิมมาถึงวันนี้ก็ต้องบอกว่า มันเดินมาไกลพอสมควรแล้ว ส่วนจะไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้หรือไม่ก็ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงคำถามที่ว่ายังเดินในเส้นทางดังกล่าวอยู่หรือเปล่า ถ้าถาม "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ก็ยังยืนยันวันละสามเวลา ว่า ยังเดินในเส้นทางเดิม ขณะที่บางคนเริ่มมองว่า "ชักไม่แน่ใจ" แล้ว แต่ที่พิจารณาจากรูปการณ์เท่าที่เห็นในเวลานี้ก็คือมี "แนวโน้ม" ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะ"อยู่ยาว" อย่างน้อยก็ต้องอยู่ต่อเป็นเวลา 1-2 ปี เป็นอย่างน้อย !!
00 ความเคลื่อนไหวที่เห็นชัดเจนก็คือ การแก้ไขรธน.ฉบับชั่วคราว 7 ประเด็น ที่น่าจับตาก็คือ การสิ้นสุดของ สปช. ที่ไม่ว่า รธน.ฉบับใหม่จะผ่านหรือไม่ก็ตาม นั่นก็หมายความว่า สปช.ชุดนี้จะมีอายุอีกประมาณ 2 เดือนเท่านั้น จากนั้นก็จะมี สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป เข้ามาทำหน้าที่ต่อ แต่ความหมายก็คือการ "ล้างไพ่" ปรับทิศทางกันใหม่ โดย "แป๊ะ" ที่เป็นคนถือท้ายเรือ เนื่องจากเห็นว่าชักจะมีปัญหา นั่งกันไม่นิ่ง ไม่ค่อยไปทางเดียวกัน บางครั้งยังทำท่าจะเขย่าเรือเสียอีก ดังนั้นก่อนเรือจะวิ่งไปไกลกว่านี้ก็จำเป็นที่จะต้อง "ถีบลูกเรือ" บางคนลงไปเสียก่อน
00 สำหรับการแก้ไขให้มี "สภาขับเคลื่อนฯ" มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการปรับขบวนใหม่ เพื่อรองรับการอยู่ยาว หรือเปล่า เพราะหลังจากสิ้นสุด สปช.ไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะเป็นผู้คัดเลือกสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ขึ้นมา 200 คน ส่วนหนึ่งอาจมาจาก สปช. ชุดปัจจุบัน ที่ไม่แตกแถวรวมทั้ง กมธ.ยกร่างฯบางส่วน นอกจากนี้ยังให้จับตาพวกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่จะถูกปลดล็อก หลังการแก้ไขรธน.ฉบับชั่วคราวใน 7 ประเด็น ดังกล่าว ให้เข้ามาร่วม รวมทั้งเข้ามาเป็น รมต. หากมีการปรับครม.ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ !!
00 แม้ว่านาทีนี้ ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ "เบอร์สอง" จะยืนยันว่ายังไม่พูดถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้ามาร่วมครม.ในเวลานี้ก็ตาม เพราะไม่อยากให้เกิดการกระเพื่อมขึ้นมาโดยไม่จำเป็น แต่เชื่อเถอะ อีกไม่นานมันก็ต้องปรับ เพราะอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะมันเฉื่อยแฉะ ไม่กระฉับกระเฉงเอาเสียเลย
00 การส่งสัญญาณแบบประกาศกันชัดเจนล่วงหน้าว่า จะมีการโละ สปช.ทิ้งไปหลังโหวตรธน. มันก็เหมือนกับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะคว่ำรธน. ฉบับใหม่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการ "นับหนึ่งใหม่" ยกร่างกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาเป็นปีหรือสองปีเป็นอย่างน้อย และเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสผลักดันในภารกิจ "ขับเคลื่อนปฏิรูป" ที่ต้องใช้เวลา 2 ปี มันก็ลงล็อกกันพอดี เอาเป็นว่าการแก้ไข รธน.ใน 7 ประเด็น มันก็เหมือนกับการ "กระชับอำนาจ" เพื่อรองรับภารกิจปฏิรูปในวันหน้าที่กำลังจะมาถึง
00 นี่ก็กำลังเดินกลับมาในเส้นทางอีกจนได้ สำหรับภารกิจการ "ถอดยศ" ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่คณะกรรมการถอดยศ นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ยืนยันมติเอกฉันท์เป็นครั้งที่สาม เสนอถึงมือ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ส่งต่อให้กับฝ่ายกม.พิจารณา แต่คราวนี้ตามรูปการณ์ย้ำว่า ใช้เวลาแค่สองสามวัน ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้ เรื่องก็น่าส่งต่อมาถึงสำนักปลัดสำนักนายกฯ เพื่อพิจารณาชี้ขาดอีกรอบ แต่ดูแล้วก็ต้อง"โดน" แน่ !!
00 ความเคลื่อนไหวที่เห็นชัดเจนก็คือ การแก้ไขรธน.ฉบับชั่วคราว 7 ประเด็น ที่น่าจับตาก็คือ การสิ้นสุดของ สปช. ที่ไม่ว่า รธน.ฉบับใหม่จะผ่านหรือไม่ก็ตาม นั่นก็หมายความว่า สปช.ชุดนี้จะมีอายุอีกประมาณ 2 เดือนเท่านั้น จากนั้นก็จะมี สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป เข้ามาทำหน้าที่ต่อ แต่ความหมายก็คือการ "ล้างไพ่" ปรับทิศทางกันใหม่ โดย "แป๊ะ" ที่เป็นคนถือท้ายเรือ เนื่องจากเห็นว่าชักจะมีปัญหา นั่งกันไม่นิ่ง ไม่ค่อยไปทางเดียวกัน บางครั้งยังทำท่าจะเขย่าเรือเสียอีก ดังนั้นก่อนเรือจะวิ่งไปไกลกว่านี้ก็จำเป็นที่จะต้อง "ถีบลูกเรือ" บางคนลงไปเสียก่อน
00 สำหรับการแก้ไขให้มี "สภาขับเคลื่อนฯ" มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการปรับขบวนใหม่ เพื่อรองรับการอยู่ยาว หรือเปล่า เพราะหลังจากสิ้นสุด สปช.ไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะเป็นผู้คัดเลือกสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ขึ้นมา 200 คน ส่วนหนึ่งอาจมาจาก สปช. ชุดปัจจุบัน ที่ไม่แตกแถวรวมทั้ง กมธ.ยกร่างฯบางส่วน นอกจากนี้ยังให้จับตาพวกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่จะถูกปลดล็อก หลังการแก้ไขรธน.ฉบับชั่วคราวใน 7 ประเด็น ดังกล่าว ให้เข้ามาร่วม รวมทั้งเข้ามาเป็น รมต. หากมีการปรับครม.ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ !!
00 แม้ว่านาทีนี้ ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ "เบอร์สอง" จะยืนยันว่ายังไม่พูดถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้ามาร่วมครม.ในเวลานี้ก็ตาม เพราะไม่อยากให้เกิดการกระเพื่อมขึ้นมาโดยไม่จำเป็น แต่เชื่อเถอะ อีกไม่นานมันก็ต้องปรับ เพราะอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะมันเฉื่อยแฉะ ไม่กระฉับกระเฉงเอาเสียเลย
00 การส่งสัญญาณแบบประกาศกันชัดเจนล่วงหน้าว่า จะมีการโละ สปช.ทิ้งไปหลังโหวตรธน. มันก็เหมือนกับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะคว่ำรธน. ฉบับใหม่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการ "นับหนึ่งใหม่" ยกร่างกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาเป็นปีหรือสองปีเป็นอย่างน้อย และเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสผลักดันในภารกิจ "ขับเคลื่อนปฏิรูป" ที่ต้องใช้เวลา 2 ปี มันก็ลงล็อกกันพอดี เอาเป็นว่าการแก้ไข รธน.ใน 7 ประเด็น มันก็เหมือนกับการ "กระชับอำนาจ" เพื่อรองรับภารกิจปฏิรูปในวันหน้าที่กำลังจะมาถึง
00 นี่ก็กำลังเดินกลับมาในเส้นทางอีกจนได้ สำหรับภารกิจการ "ถอดยศ" ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่คณะกรรมการถอดยศ นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ยืนยันมติเอกฉันท์เป็นครั้งที่สาม เสนอถึงมือ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ส่งต่อให้กับฝ่ายกม.พิจารณา แต่คราวนี้ตามรูปการณ์ย้ำว่า ใช้เวลาแค่สองสามวัน ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้ เรื่องก็น่าส่งต่อมาถึงสำนักปลัดสำนักนายกฯ เพื่อพิจารณาชี้ขาดอีกรอบ แต่ดูแล้วก็ต้อง"โดน" แน่ !!