นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนทราบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะมีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องตน และ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รวมถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ และ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ หลังจากที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่ง ที่ 124/2558 ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนโดยมี พ.ต.อ.สุพีรณัฐ สัตตธนชัยภัทร รองผู้บังคับการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 9 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และอดีต รมว.ยุติธรรม ฟ้องร้องดำเนินคดีพวกตนว่า กล่าวหาว่ามีอาการเมาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 ก.พ.55 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งเพราะจริงๆ แล้วตำรวจไม่ควรสั่งฟ้องพวกตน เพราะพฤติกรรมการเมาสุราของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นที่รู้เห็นทั่วไปของประชาชนทั้งประเทศ อีกทั้งร.ต.อ.เฉลิม ก็ยอมรับเองว่า 5 คนดื่มไวน์ไป 8 ขวด จะไม่ให้เมาได้อย่างไร
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า เพื่อความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ตนจึงขอร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากว่างเว้นเรื่องการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วควรจะให้ความเป็นธรรมแก่ภาพพจน์ของสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องนี้ด้วย และตนอยากให้คณะทำงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ขอสำเนาเทปวงจรปิด ในสภาผู้แทนราษฎร มาพิจารณาประกอบสำนวน ก่อนที่จะสั่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 เพราะถือเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ และขอให้สอบเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.ในขณะนั้นด้วย และถ้าหากไม่ดำเนินการ พวกตนก็จะขอสงวนสิทธิ ที่จะฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อไป
"นี่ขนาด อดีต ส.ส. ท่านยังกล้าจะสั่งคดีเยี่ยงนี้ แล้วตาสีตาสา จะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร ตำรวจเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม จึงต้องเป็นกลางอย่างแท้จริง และนี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ต้องเร่งการปฏิรูปตำรวจตามเสียงเรียกร้องของประชาชน โดยแยกอำนาจการสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที ไม่ต้องรอไปรัฐบาลหน้าแต่ประการใด" นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า เพื่อความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ตนจึงขอร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากว่างเว้นเรื่องการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วควรจะให้ความเป็นธรรมแก่ภาพพจน์ของสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องนี้ด้วย และตนอยากให้คณะทำงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ขอสำเนาเทปวงจรปิด ในสภาผู้แทนราษฎร มาพิจารณาประกอบสำนวน ก่อนที่จะสั่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 เพราะถือเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ และขอให้สอบเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.ในขณะนั้นด้วย และถ้าหากไม่ดำเนินการ พวกตนก็จะขอสงวนสิทธิ ที่จะฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อไป
"นี่ขนาด อดีต ส.ส. ท่านยังกล้าจะสั่งคดีเยี่ยงนี้ แล้วตาสีตาสา จะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร ตำรวจเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม จึงต้องเป็นกลางอย่างแท้จริง และนี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ต้องเร่งการปฏิรูปตำรวจตามเสียงเรียกร้องของประชาชน โดยแยกอำนาจการสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที ไม่ต้องรอไปรัฐบาลหน้าแต่ประการใด" นายวัชระ กล่าว
