ผมเขียนเตือนตั้งแต่ตอนรัฐประหารใหม่ๆ แล้วว่า อย่าเร่งไปเลือกตั้ง แต่ต้องเร่งปฏิรูปกลไกบ้านเมืองสารพัดระบบที่มันล้มเหลวเละเทะเกือบทั้งโครงสร้างของสังคมไทยโดยเร็วไว เพราะบทเรียนจากรัฐประหารปี 2549 ก็มีตัวอย่างให้เห็นชัดแล้วว่า การรัฐประหารแล้วมีรัฐบาลหน่อมแน้มไม่สะสางปัญหาอะไรเลย ประคองตัวรอร่างรัฐธรรมนูญแล้วก็เร่งไปเลือกตั้ง ก็เลยได้รัฐบาลสมัคร สมชาย อภิสิทธิ์ แล้วก็มายิ่งลักษณ์ ซึ่งพวกนักการเมืองอาชีพ และหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ ก็ยิ่งมาซ้ำเติมปัญหาประเทศชาติให้หมักหมมมากยิ่งขึ้นไปอีก
ผมเขียนเตือนทั้งเป็นบทความและบทกวีมากมาย ไปเปิดอ่านย้อนหลังก็ได้ทั้งในผู้จัดการออนไลน์หรือ หนังสือ “ทหารเป่านกหวีด” ที่พิมพ์เองขายเอง แต่มียอดสั่งจองจากทั่วประเทศอย่างล้นหลามชนิดไม่อยากจะคุย เพราะยึดอำนาจแล้วยังอยากเป็นประชาธิปไตยเป็นเด็กดีตามใจอเมริกา คสช.ก็เลยวางโรดแมป โดยเร่งให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และจะให้มีการเลือกตั้งในต้นปี 2559 ซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว ก็จะเข้าอีหรอบเดิม เพราะผ่านมาหนึ่งปี การปฏิรูปก็กระปริบกระปรอยไปไม่ถึงไหน อำนาจพิเศษเด็ดขาดก็เด็ดไม่ขาดจริง กล้าๆ เกรงๆ อย่างไรพิกล ทั้งที่รู้ทั้งที่เห็นอยู่ว่า การจัดการกับระบอบทักษิณที่มีกโลบายซับซ้อนซ่อนเงื่อนนั้น อำนาจกฎหมายและกระบวนการตามปกติไม่มีน้ำยาทำอะไรกับมันได้หรอก ก็พร่ำพูดแต่ว่าให้มันเป็นไปตามกระบวนการระบอบทักษิณเน่าๆ มันจึงยังลอยนวล แค่หลบซ่อนรอจังหวะจะฟื้นคืนมากับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ที่บรรดาเนติบริกรคุยนักคุยหนาว่า จะร่างรัฐธรรมนูญป้องกันสารพัดแบบเข้มงวดรัดกุมชนิดไม่มีการร่างแบบนี้มา ก่อนมีกระทั่งกำหนดให้มีการปรองดองบัญญัติในกฎหมายสูงสุดนี้ไว้ด้วย ผมก็ได้แต่นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว และนึกไปถึงรัฐธรรมนูญพม่าที่เคยได้ยินว่ามีการกำหนดห้ามนางอองซาน ซูจีเป็นประธานาธิบดี ที่ใครได้ยินได้ฟังก็อยากหัวร่อให้น้ำตาไหล
ผมไม่เชื่อว่าจะสามารถเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญไปกีดกั้นกีดกันหรือไปขวางกั้นการจะเข้ามาสู่อำนาจรัฐของระบอบทักษิณได้อย่างไร เพราะถ้าจงใจเขียนมันก็จะกลายเป็นกฎหมายประหลาดและตลกแน่นอน หรือต่อให้ตรากฎหมายรัฐธรรมนูญรัดกุมรอบด้านอย่างไร ผมก็ยังยืนยันว่า ลองเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเมื่อไหร่ ก็เข้าสู่อีหรอบเดิมแบบหลังรัฐประหารปี 2549 อาจต่างกันในรูปแบบวิธีการ แต่เนื้อหาน่าจะคงเดิม คือระบอบทักษิณฟื้นคืนสู่อำนาจรัฐแน่นอน
และแล้วตอนนี้ก็เกิดแรงกระเพื่อมใหญ่ทางการเมือง เมื่อรัฐธรมมนูญที่ร่างเสร็จเตรียมเสนอสู่สภาฯ ถูกติติง คัดค้าน เสนอแก้โน่นแก้นี่เป๋ไปเป๋มา ก็คงชักจะหวั่นไหวกันแล้วว่า ขืนไปเลือกตั้งตามโรดแมป น่าจะไม่เป็นผลดีเป็นแน่แท้ ก็เกิดการชูประเด็นใหม่ว่า น่าจะยืดเวลาให้ คสช.และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อไปอีกปีสองปีเพื่อปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เพียงแต่แบ่งรับแบ่งสู้ว่า ถ้าอยากให้ผมอยู่ต่อ ก็ไปหาวิธีการมาให้มันถูกต้อง และให้ประชาชนในประเทศทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย
ขณะเดียวกัน สปช.ส่วนหนึ่งกับกลุ่มประชาชนที่ชิงชังและเข็ดขยาดต่อระบอบทักษิณ ก็เริ่มก่อกระแสเรียกร้องเป็นแรงหนุนกันอย่างเป็นขบวนการ ถึงขั้นจะมีการทำประชามติให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่ออีกสองปี โดยอ้างประเด็นต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ประเด็นนี้มันก็อันเดียวกันกับการเรียกร้องของ กปปส.ที่รวมตัวกันเป่านกหวีดนับสิบล้านคนกว่าครึ่งปีกลางถนนในเมืองหลวง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป มิใช่หรือ? ก็เรียกร้องมาก่อนการรัฐประหารเสียอีก แล้วทำไมรัฐประหารมาหนึ่งปี ยังไม่เห็นหน้าเห็นหลังในการปฏิรูปประเทศไทยเลยเล่า
พล.อ.ประยุทธ์เองก็ออกมายอมรับว่า ผ่านไปหนึ่งปีปฏิรูปได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือรัฐบาลต่อไปต้องทำต่อ แสดงว่าอยู่ต่ออีกสองปี ก็จะปฏิรูปได้ปีละ 10 เปอร์เซ็นต์กระนั้นฤา แล้วถามต่อไปว่า ถ้ารัฐบาลที่พล.อ.ประยุทธ์จะส่งมอบการปฏิรูปต่อ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณอีก การปฏิรูปประเทศจักหวังให้เป็นไปได้อย่างไรเล่า? คิดแล้วเหนื่อยแทนนะครับ ท่านสารวัตร
ส่วนไอ้กระผมเหนื่อยใจมากๆ ก็ระบายมันออกทางบทกวี ตามแบบฉบับของไอ้กระผมเอง เท่านั้นเอง 555
“เจ็บป่วย ต้องการยาดี”
เมื่อคืนเข้านอนตอนหัวค่ำ
ร่างกายบอบช้ำได้พักผ่อน
คืนก่อนไอมากไม่ได้นอน
เชื้อหวัดไล่ต้อนรุมหลอดลม
ระคายคอไอกระชั้นถี่ถี่
ล้มตัวนอนทุกทีไอเสียงขรม
ต้องลุกนั่งแม้ยังไอไม่ปรารมภ์
นั่งหลับนกข่มข่มแค่หลับตา
จะเคลิ้มหลับก็กลับไอไม่ยอมหยุด
ผลที่สุดนั่งไม่หลับในทุกท่า
ลุกขึ้นเดินก็ยังไอไม่สร่างซา
จิบจนยาหมดขวดก็ยังไอ
เมื่อวานบ่ายได้ยาใหม่มาลองดู
เออยาดีพอจะสู้โรคไอได้
หลอดลมหายระคายคันในทันใด
น้ำมูกก็หยุดไหล ไปทันที
เมื่อคืนจึงเข้านอนตอนหัวค่ำ
หลับชดเชยชุ่มฉ่ำอย่างเต็มปรี่
ตื่นเช้าตรู่มานั่งเขียนบทกวี
บ้านเมืองป่วยยังไม่มี ยาดีเลย
ว.แหวนลงยา