เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.จิตรจรุญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ออมสิน ตราร่งเรือง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น, นายปิยิน ตลับนาค นายอำเภอเมืองขอนแก่น, พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ จ.ขอนแก่น นำกำลังร่วม 3 ฝ่าย ตำรวจ, ทหาร และฝ่ายปกครอง ตรึงกำลังเข้มโดยรอบ สภ.เมืองขอนแก่น ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด
โดยมีการตรวจสอบรถยนต์ที่ผ่านเข้า-ออกทุกคัน รวมทั้งการจัดพื้นที่ไว้สำหรับการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ตามการครบกำหนดการยื่นขอประกันตัว ของกลุ่มนักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ซึ่งผิดตามกฎหมายฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/58 หลังรวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ และแสดงออกทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการรัฐประหาร
นักศึกษาที่ถูกจับกุมทั้ง 7 คนนั้น ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์, นายพายุ บุญโสภณ, นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์, นายสุวิชชา ฑิพังกร, นายศุภชัย ภูครองพลอย และ นายวสันต์ เศษสิทธิ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การมารายงานตัวของนักศึกษาทั้ง 7 คน ในครั้งนี้ หลังยื่นขอประกันตัวไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา คนละ 7,500 บาท ซึ่งวันนี้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหา และรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งทันทีที่กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวทั้งหมดมาถึง จะลงชื่อเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนจะส่งตัวขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา เพื่อนำส่งต่ออัยการทหาร มณฑลทหารบกที่ 23 ( มทบ.23 ) และ เข้าสู่ขั้นตอนของกฎหมายของศาลทหาร มทบ. 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น
ทั้งนี้ หากนักศึกษาทั้งหมดไม่มารายงานตัวตามที่กำหนดไว้ (8มิ.ย.) ก็จะถูกจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.ต.จิตรจรูญ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้นและครบกำหนดระยะเวลาในการประกันตัวของนักศึกษาดังกล่าวทั้งหมด ทำให้ทั้งหมดต้องมารายงานตัว ตามการครบกำหนดส่งฟ้องต่อศาลทหาร มทบ.23 ทั้งนี้ ในช่วงเช้า จะยังคงไม่มีกลุ่มนักศึกษามารายงานตัว แต่ยังคงมีกลุ่มพลังมวลชนในกลุ่มต่างๆ เดินทางมาให้กำลังใจ ทำให้เจ้าหน้าที่จ้องจัดพื้นที่ไว้ให้ เพื่อความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการส่งฟ้องต่ออัยการ และศาลทหารไปแล้วก็จะหมดหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนของการให้ประกันตัวหรือพิพากษาใดๆ นั้นเป็นอำนาจของผู้พิพากษาศาลทหารในภาพรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้รอจนถึงเวลา 12.00 น. นักศึกษากลุ่มดาวดินทั้ง 7 คน ก็ยังไม่ได้เข้ามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
แต่ปรากฏว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันเดียวกันนี้ นักศึกษาทั้ง 7 คน พร้อมมวลชนผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง กลับไปรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณศาลาหลักเมืองขอนแก่น พร้อมกับแสดงละครเรื่อง “เขาให้ฉันมารายงานตัว” ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน ได้ยืนทำเป็นแนวกั้น เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ บุกเข้าควบคุมตัว
ภายหลังนักศึกษากลุ่มดังกล่าว ได้แสดงละครประชดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เสร็จแล้ว ต่างได้สลายตัวแยกย้ายกันกลับพร้อมๆ กับกลุ่มมวลชนที่มาสนันสนุน ไม่ได้เดินทางต่อไปยัง สภ.เมืองฯ เพื่อรายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวแต่อย่างใด
ด้าน พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า แม้ว่าในวันนี้กลุ่มนักศึกษาทั้ง 7 คน จะไม่เดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ตามกำหนด หลังจากนี้ก็จะมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และหากยังเพิกเฉยไม่รายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องดำเนินการขอออกหมายจับ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ แหล่งข่าวรายงานว่า นักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ได้ส่งทนายความ และนายประกัน เข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอยืดเวลาการมอบตัวออกไปก่อน โดยอ้างเหตุผลขอให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำพยานให้ครบทั้งหมดก่อน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีมติ ยอมยืดเวลาในการเข้ามอบตัวของนักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ออกไปอีก 7 วัน (นับจากวันนี้ 8 มิ.ย.) ตามที่ร้องขอ หากครบกำหนดที่ผ่อนผันให้แล้ว ยังไม่มารายงานตัวอีก ก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กลุ่มนักศึกษาดาวดิน รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เพื่อแสดงละครล้อเลียนอำนาจคสช. ว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติกับนักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยจะไม่ทำเรื่องเล็กใ ห้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยปละละเลยไปได้ เพราะจะกลายเป็นเชื้อ และตัวอย่างให้กับกลุ่มอื่นๆ ทำเป็นแบบอย่างได้ ซึ่งมาตรการของเจ้าหน้าที่ ก็ใช้จากเบาไปหาหนัก เริ่มจากการพูดคุย ตักเตือนก่อน และกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหว ก็เป็นผู้ที่มีการศึกษาโตๆ กันแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทุกคนต้องเคารพกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
โดยมีการตรวจสอบรถยนต์ที่ผ่านเข้า-ออกทุกคัน รวมทั้งการจัดพื้นที่ไว้สำหรับการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ตามการครบกำหนดการยื่นขอประกันตัว ของกลุ่มนักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ซึ่งผิดตามกฎหมายฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/58 หลังรวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ และแสดงออกทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการรัฐประหาร
นักศึกษาที่ถูกจับกุมทั้ง 7 คนนั้น ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์, นายพายุ บุญโสภณ, นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์, นายสุวิชชา ฑิพังกร, นายศุภชัย ภูครองพลอย และ นายวสันต์ เศษสิทธิ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การมารายงานตัวของนักศึกษาทั้ง 7 คน ในครั้งนี้ หลังยื่นขอประกันตัวไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา คนละ 7,500 บาท ซึ่งวันนี้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหา และรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งทันทีที่กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวทั้งหมดมาถึง จะลงชื่อเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนจะส่งตัวขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา เพื่อนำส่งต่ออัยการทหาร มณฑลทหารบกที่ 23 ( มทบ.23 ) และ เข้าสู่ขั้นตอนของกฎหมายของศาลทหาร มทบ. 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น
ทั้งนี้ หากนักศึกษาทั้งหมดไม่มารายงานตัวตามที่กำหนดไว้ (8มิ.ย.) ก็จะถูกจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.ต.จิตรจรูญ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้นและครบกำหนดระยะเวลาในการประกันตัวของนักศึกษาดังกล่าวทั้งหมด ทำให้ทั้งหมดต้องมารายงานตัว ตามการครบกำหนดส่งฟ้องต่อศาลทหาร มทบ.23 ทั้งนี้ ในช่วงเช้า จะยังคงไม่มีกลุ่มนักศึกษามารายงานตัว แต่ยังคงมีกลุ่มพลังมวลชนในกลุ่มต่างๆ เดินทางมาให้กำลังใจ ทำให้เจ้าหน้าที่จ้องจัดพื้นที่ไว้ให้ เพื่อความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการส่งฟ้องต่ออัยการ และศาลทหารไปแล้วก็จะหมดหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนของการให้ประกันตัวหรือพิพากษาใดๆ นั้นเป็นอำนาจของผู้พิพากษาศาลทหารในภาพรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้รอจนถึงเวลา 12.00 น. นักศึกษากลุ่มดาวดินทั้ง 7 คน ก็ยังไม่ได้เข้ามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
แต่ปรากฏว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันเดียวกันนี้ นักศึกษาทั้ง 7 คน พร้อมมวลชนผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง กลับไปรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณศาลาหลักเมืองขอนแก่น พร้อมกับแสดงละครเรื่อง “เขาให้ฉันมารายงานตัว” ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน ได้ยืนทำเป็นแนวกั้น เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ บุกเข้าควบคุมตัว
ภายหลังนักศึกษากลุ่มดังกล่าว ได้แสดงละครประชดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เสร็จแล้ว ต่างได้สลายตัวแยกย้ายกันกลับพร้อมๆ กับกลุ่มมวลชนที่มาสนันสนุน ไม่ได้เดินทางต่อไปยัง สภ.เมืองฯ เพื่อรายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวแต่อย่างใด
ด้าน พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า แม้ว่าในวันนี้กลุ่มนักศึกษาทั้ง 7 คน จะไม่เดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ตามกำหนด หลังจากนี้ก็จะมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และหากยังเพิกเฉยไม่รายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องดำเนินการขอออกหมายจับ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ แหล่งข่าวรายงานว่า นักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ได้ส่งทนายความ และนายประกัน เข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอยืดเวลาการมอบตัวออกไปก่อน โดยอ้างเหตุผลขอให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำพยานให้ครบทั้งหมดก่อน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีมติ ยอมยืดเวลาในการเข้ามอบตัวของนักศึกษาดาวดินทั้ง 7 คน ออกไปอีก 7 วัน (นับจากวันนี้ 8 มิ.ย.) ตามที่ร้องขอ หากครบกำหนดที่ผ่อนผันให้แล้ว ยังไม่มารายงานตัวอีก ก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กลุ่มนักศึกษาดาวดิน รวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เพื่อแสดงละครล้อเลียนอำนาจคสช. ว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติกับนักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยจะไม่ทำเรื่องเล็กใ ห้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยปละละเลยไปได้ เพราะจะกลายเป็นเชื้อ และตัวอย่างให้กับกลุ่มอื่นๆ ทำเป็นแบบอย่างได้ ซึ่งมาตรการของเจ้าหน้าที่ ก็ใช้จากเบาไปหาหนัก เริ่มจากการพูดคุย ตักเตือนก่อน และกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหว ก็เป็นผู้ที่มีการศึกษาโตๆ กันแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะทุกคนต้องเคารพกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน