ASTVผู้จัดการรายวัน- ปตท. แจงจำเป็นต้องเร่งผุดคลังLNGเฟส 3 อีก 5 ล้านตันและคลังลอยน้ำ รวมถึงท่อก๊าซเส้นที่ 5 รวมมูลค่าลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาทเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานหลังไทยเริ่มมีความเสี่ยงจากปริมาณก๊าซฯเริ่มลด ปัญหาแหล่งเอราวัณ-บงกชไม่ชัด แถมเมียนมาร์เริ่มจ่ายก๊าซฯลดลงจากแผน “ณรงค์ชัย”เล็งเจรจาเมียนมาร์ทำคลังLNGลอยน้ำ 2 ลำ
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บม.จ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมที่จะเสนอกระทรวงพลังงานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)พิจารณาแผนการก่อสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เฟส 3 จำนวน 5 ล้านตันและหน่วยแปลงสภาพก๊าซฯรูปแบบลอยน้ำ หรือ FSUR จำนวน 2 ลำ และลงทุนท่อก๊าซเส้นที่ 5 โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงพลังงานของไทย
“ปตท.ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นและอาจจะเร็วกว่าแผนด้วยซ้ำเพราะจากแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยมีแนวโน้มลดลงหากการเจรจาแปลงสัมปทานเอราวันและบงกชที่จะหมดอายุสัญญาลงในอีก7-8ปียังไม่บรรลุได้ตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งการเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาก็ล่วงเลยมาก”นายไพรินทร์กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนคลังLNGเฟส3 อีก 5ล้านตัน/ปีได้มองพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งคนละพื้นที่กับคลังLNGเฟส 1-2 ที่มีกำลังผลิตอยู่10ล้านตัน/ปี ส่วนคลังLNGลอยน้ำจะเป็นการเช่าเรือ LNG มาจอดเพื่อใช้เป็นคลังลอยน้ำในฝั่งเมียนมาร์ขนาด 3ล้านตัน/ปี โดยจะเปลี่ยนจากแอลเอ็นจีของเหลวเป็นก๊าซแล้วส่งผ่านท่อก๊าซมายังฝั่งไทย ใช้เงินลงทุน 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในฝั่งตะวันตก จากเดิมที่มีความเสี่ยงการปิดซ่อมแหล่งก๊าซในเมียนมาร์เป็นประจำในช่วงเม.ย. ทำให้ต้องมีการสำรองLNGและน้ำมันเตาเพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าขาดพร้อมกับเสนอโครงการสร้างFSRUชั่วคราวขนาด3ล้านตัน/ปีที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาด้วย เพื่อสร้างความมั่นคงพลังงานทางภาคใต้จากการปิดซ่อมแหล่งก๊าซไทย-มาเลเซีย(JDA)ในบางช่วงเวลา
"ไทยรับก๊าซจากเมียนมาร์ประมาก1ใน5 ของความต้องการใช้ก๊าซทั้งหมด5พันล้านลบ.ฟุต/วัน และเป็นที่แน่นอนว่าเมียนมาร์จะไม่มีก๊าซฯขายเพิ่มให้กับไทยอีก หากโครงการพัฒนาพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชายังไม่จบ และปริมาณการผลิตก๊าซในอ่าวไทยลดลง ก็จำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการสร้างLNGเทอร์มินอลเฟส3เร็วยิ่งขึ้นเพื่อการันตรีว่าคนไทยจะมีก๊าชใช้ในอนาคต และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน จำเป็นต้องเร่งสร้างคลังลอยน้ำLNGที่ฝั่งเมียนมาร์ด้วย ซึ่งรัฐบาลเองได้รับรู้ถึงปัญหาในเรื่องนี้"นายไพรินทร์กล่าว
นายไพรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ในเร็วๆนี้ ม.ร.ว.ปริดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว. พลังงานจะเดินทางไปเมียนมาร์ และจะมีการเจรจาโครงการโครงการดังกล่าว
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ระหว่างนี้ได้มีการเจรจาระหว่างเมียนมาร์ ลักษณะรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ในการใช้พื้นที่ฝั่งเมียนมาร์ในการดำเนินการโครงการFSRUโดยได้พิจารณาพื้นที่ 2แห่งคือที่กันเบาะและทวาย ขนาด 3ล้านตัน/ปี ซึ่งปตท.จะเป็นผู้ลงทุนโครงการนี้ ทั้งนี้คาดการเจรจาจะสามารถได้ข้อสรุปได้ภายในปีนี้
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่าขณะนี้แหล่งก๊าซเยตากุนของเมียนมาร์มีปัญหาที่ไม่สามารถส่งก๊าซได้ตามที่เคยตกลงกันโดยปริมาณที่ส่งขาดไปประมาณ. 120 ล้านลบ.ฟุต/วัน. ทำให้การรับก๊าซจากแหล่งยาดานาลดลงไปด้วยเพราะที่ผ่านมาจะนำก๊าซทั้ง 2 แหล่งมาผสมกันก่อนจะปล่อยเข้าท่อก๊าซ อีกทั้งคุณภาพก๊าซจากแหล่งเยตากุนก็ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ปริมาณสำรองลดลงไปด้วย ดังนั้นปตท. จึงได้หาผู้ที่ประเมิน(Third Party) แหล่งเยตากุน ซึ่งกำลังคัดเลือกอยู่และจะให้ประเมินปริมาณก๊าซแหล่งเยตากุนใหม่ว่ามีเท่าไร. คาดว่าแล้วเสร็จใน6เดือนข้างหน้า
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บม.จ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมที่จะเสนอกระทรวงพลังงานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)พิจารณาแผนการก่อสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เฟส 3 จำนวน 5 ล้านตันและหน่วยแปลงสภาพก๊าซฯรูปแบบลอยน้ำ หรือ FSUR จำนวน 2 ลำ และลงทุนท่อก๊าซเส้นที่ 5 โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงพลังงานของไทย
“ปตท.ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นและอาจจะเร็วกว่าแผนด้วยซ้ำเพราะจากแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยมีแนวโน้มลดลงหากการเจรจาแปลงสัมปทานเอราวันและบงกชที่จะหมดอายุสัญญาลงในอีก7-8ปียังไม่บรรลุได้ตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งการเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาก็ล่วงเลยมาก”นายไพรินทร์กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนคลังLNGเฟส3 อีก 5ล้านตัน/ปีได้มองพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งคนละพื้นที่กับคลังLNGเฟส 1-2 ที่มีกำลังผลิตอยู่10ล้านตัน/ปี ส่วนคลังLNGลอยน้ำจะเป็นการเช่าเรือ LNG มาจอดเพื่อใช้เป็นคลังลอยน้ำในฝั่งเมียนมาร์ขนาด 3ล้านตัน/ปี โดยจะเปลี่ยนจากแอลเอ็นจีของเหลวเป็นก๊าซแล้วส่งผ่านท่อก๊าซมายังฝั่งไทย ใช้เงินลงทุน 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในฝั่งตะวันตก จากเดิมที่มีความเสี่ยงการปิดซ่อมแหล่งก๊าซในเมียนมาร์เป็นประจำในช่วงเม.ย. ทำให้ต้องมีการสำรองLNGและน้ำมันเตาเพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าขาดพร้อมกับเสนอโครงการสร้างFSRUชั่วคราวขนาด3ล้านตัน/ปีที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาด้วย เพื่อสร้างความมั่นคงพลังงานทางภาคใต้จากการปิดซ่อมแหล่งก๊าซไทย-มาเลเซีย(JDA)ในบางช่วงเวลา
"ไทยรับก๊าซจากเมียนมาร์ประมาก1ใน5 ของความต้องการใช้ก๊าซทั้งหมด5พันล้านลบ.ฟุต/วัน และเป็นที่แน่นอนว่าเมียนมาร์จะไม่มีก๊าซฯขายเพิ่มให้กับไทยอีก หากโครงการพัฒนาพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชายังไม่จบ และปริมาณการผลิตก๊าซในอ่าวไทยลดลง ก็จำเป็นที่จะต้องเร่งรัดการสร้างLNGเทอร์มินอลเฟส3เร็วยิ่งขึ้นเพื่อการันตรีว่าคนไทยจะมีก๊าชใช้ในอนาคต และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน จำเป็นต้องเร่งสร้างคลังลอยน้ำLNGที่ฝั่งเมียนมาร์ด้วย ซึ่งรัฐบาลเองได้รับรู้ถึงปัญหาในเรื่องนี้"นายไพรินทร์กล่าว
นายไพรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ในเร็วๆนี้ ม.ร.ว.ปริดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว. พลังงานจะเดินทางไปเมียนมาร์ และจะมีการเจรจาโครงการโครงการดังกล่าว
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ระหว่างนี้ได้มีการเจรจาระหว่างเมียนมาร์ ลักษณะรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ในการใช้พื้นที่ฝั่งเมียนมาร์ในการดำเนินการโครงการFSRUโดยได้พิจารณาพื้นที่ 2แห่งคือที่กันเบาะและทวาย ขนาด 3ล้านตัน/ปี ซึ่งปตท.จะเป็นผู้ลงทุนโครงการนี้ ทั้งนี้คาดการเจรจาจะสามารถได้ข้อสรุปได้ภายในปีนี้
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่าขณะนี้แหล่งก๊าซเยตากุนของเมียนมาร์มีปัญหาที่ไม่สามารถส่งก๊าซได้ตามที่เคยตกลงกันโดยปริมาณที่ส่งขาดไปประมาณ. 120 ล้านลบ.ฟุต/วัน. ทำให้การรับก๊าซจากแหล่งยาดานาลดลงไปด้วยเพราะที่ผ่านมาจะนำก๊าซทั้ง 2 แหล่งมาผสมกันก่อนจะปล่อยเข้าท่อก๊าซ อีกทั้งคุณภาพก๊าซจากแหล่งเยตากุนก็ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ปริมาณสำรองลดลงไปด้วย ดังนั้นปตท. จึงได้หาผู้ที่ประเมิน(Third Party) แหล่งเยตากุน ซึ่งกำลังคัดเลือกอยู่และจะให้ประเมินปริมาณก๊าซแหล่งเยตากุนใหม่ว่ามีเท่าไร. คาดว่าแล้วเสร็จใน6เดือนข้างหน้า