ASTV ผู้จัดการรายวัน - “มอเตอร์เอ็กซ์โป” เปิดรับเออีซี จับมือผู้จัดจากยุโรปเพิ่มงานแสดงสินค้าอะไหล่และอุปกรณ์ยานยนต์ “AAITF Bangkok 2015” ไว้ในงานเดียวกัน ดึงผู้ประกอบการจากจีน อาเซียน และยุโรปร่วม ขณะที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปค่ายรถยังคงเข้าร่วมคับคั่ง ประเมินยอดจองรถใหม่ในงานพุ่ง 5 หมื่นคัน และมีเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 เปิดเผยว่า การจัดแสดงงานปีนี้จะมีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา โดยได้ร่วมลงนามกับทาง Tarsus Group จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าอะไหล่ และอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรกล เกี่ยวกับยานยนต์มากมายในยุโรป และโดยเฉพาะความสำเร็จจากการจัดงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่มีพื้นที่จัดแสดงมากกว่า 200,000 ตารางเมตร
“มอเตอร์เอ็กซ์โปเคยมีความคิดที่จะขยายไปจัดงานแสดงสินค้ายานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี(AEC) แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ และศักยภาพความพร้อมของแต่ละประเทศ พบว่าไทยมีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วน และอะไหล่ต่างๆ ดังนั้นเมื่อทาง Tarsus Group สนใจเข้ามาจัดแสดงงานสินค้าอะไหล่และอุปกรณ์ยานยนต์ โดยให้เราเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน จึงได้ตกลงเซ็นสัญญากันเมื่อปีที่ผ่านมา ภายใต้การจัดงานชื่อ AAITF Bangkok 2015 (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade for Southeast Asia )”
สำหรับงาน AAITF Bangkok 2015 จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ระหว่างวันที่ 9-11ธันวาคม 2558 ณ อิมแพ็ค ฟอรัม (ฮอลล์9) โดยจัดงานแสดงสินค้าอะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรกลเกี่ยวกับยานยนต์มากมาย เพื่อเป็นเวทีให้กับผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีกในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เจรจาทางธุรกิจกัน ซึ่งในส่วนของมอเตอร์เอ็กซ์โปจะรับผิดชอบการจัดงาน และหาผู้ร่วมงาน 30% ส่วนอีก 70% Tarsus Group เป็นผู้ดูแลหาผู้ประกอบการจากในประเทศจีน อาเซียน และยุโรปมาร่วมจัดแสดงในงาน
นายขวัญชัยเปิดเผยว่า ในส่วนของงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ที่ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ยังคงจัดงานยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ด้วยจำนวนพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 80,000 ตารางเมตร แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะชะลอตัวต่อเนื่อง แต่การตอบรับจากผู้ประกอบการบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ประดับยนต์ ต่างให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากเหมือนในครั้งที่ผ่านๆ มา และบางค่ายต้องการเพิ่มพื้นที่เพื่อออกแบบบูธตามแนวคิดและความโดดเด่นให้กับแบรนด์ตนเอง
“ปีนี้เบื้องต้นยังคงประเมินยอดจองรถในงานประมาณ 50,000 คัน จากครั้งที่ผ่านมามียอดจอง 4.2 หมื่นคัน และมีผู้เข้าชมงาน 1.55 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.38 ล้านคน คาดมีเงินสะพัดในงานประมาณ 50,000 ล้านบาท”
ส่วนปัจจัยที่ยังประเมินตัวเลขต่างๆ ในงานเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะซบเซาที่ปัจจุบันตกลง 15% และแนวโน้มถึงสิ้นปีจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ตลาดรถยนต์ยังน่าจะติดลบอยู่ประมาณ 10% หรือมียอดขายตลอดปีประมาณ 800,000 คัน เนื่องจากช่วงการจัดงานเป็นเวลาที่เหมาะสม เป็นช่วงผลักดันยอดขายส่งท้ายปีของบริษัทรถ และมีปัจจัยสนับสนุนการซื้อขายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถใหม่หลากหลายรุ่น การจัดแคมเปญร่วมกันกับสถาบันการเงิน โปรโมชั่นจากค่ายรถมีทั้งลดแจกแถม รวมถึงผู้เข้าชมงานวางแผนใช้เงินโบนัสซื้อรถ และยังมีกิจกรรมจากผู้จัดงานมากมายช่วยเพิ่มบรรยากาศการซื้อ-ขายให้น่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักส่งท้ายปี
“ปัจจัยที่น่าจับตาอีกอย่างเป็นเรื่องโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งทำให้รถยนต์บางรุ่นต้องปรับราคา ทำให้ผู้บริโภคต้องรีบซื้อรถภายในสิ้นปีนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลต่อตลาดแค่ไหน เพราะภาครัฐยังไม่ชี้แจงถึงแนวทางการจัดเก็บภาษี ว่าจะคิดที่หน้าโรงงาน วันที่รับจอง หรือจะเป็นวันโอนรถ เพราะต่างก็มีจุดเด่น-ด้อยต่างกัน ตรงนี้จึงทำให้บริษัทรถยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจนนัก” นายขวัญชัยกล่าว
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 เปิดเผยว่า การจัดแสดงงานปีนี้จะมีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา โดยได้ร่วมลงนามกับทาง Tarsus Group จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าอะไหล่ และอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรกล เกี่ยวกับยานยนต์มากมายในยุโรป และโดยเฉพาะความสำเร็จจากการจัดงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่มีพื้นที่จัดแสดงมากกว่า 200,000 ตารางเมตร
“มอเตอร์เอ็กซ์โปเคยมีความคิดที่จะขยายไปจัดงานแสดงสินค้ายานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี(AEC) แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ และศักยภาพความพร้อมของแต่ละประเทศ พบว่าไทยมีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งในเรื่องของการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วน และอะไหล่ต่างๆ ดังนั้นเมื่อทาง Tarsus Group สนใจเข้ามาจัดแสดงงานสินค้าอะไหล่และอุปกรณ์ยานยนต์ โดยให้เราเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน จึงได้ตกลงเซ็นสัญญากันเมื่อปีที่ผ่านมา ภายใต้การจัดงานชื่อ AAITF Bangkok 2015 (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade for Southeast Asia )”
สำหรับงาน AAITF Bangkok 2015 จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ระหว่างวันที่ 9-11ธันวาคม 2558 ณ อิมแพ็ค ฟอรัม (ฮอลล์9) โดยจัดงานแสดงสินค้าอะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรกลเกี่ยวกับยานยนต์มากมาย เพื่อเป็นเวทีให้กับผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีกในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เจรจาทางธุรกิจกัน ซึ่งในส่วนของมอเตอร์เอ็กซ์โปจะรับผิดชอบการจัดงาน และหาผู้ร่วมงาน 30% ส่วนอีก 70% Tarsus Group เป็นผู้ดูแลหาผู้ประกอบการจากในประเทศจีน อาเซียน และยุโรปมาร่วมจัดแสดงในงาน
นายขวัญชัยเปิดเผยว่า ในส่วนของงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ที่ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ยังคงจัดงานยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ด้วยจำนวนพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 80,000 ตารางเมตร แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะชะลอตัวต่อเนื่อง แต่การตอบรับจากผู้ประกอบการบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ประดับยนต์ ต่างให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากเหมือนในครั้งที่ผ่านๆ มา และบางค่ายต้องการเพิ่มพื้นที่เพื่อออกแบบบูธตามแนวคิดและความโดดเด่นให้กับแบรนด์ตนเอง
“ปีนี้เบื้องต้นยังคงประเมินยอดจองรถในงานประมาณ 50,000 คัน จากครั้งที่ผ่านมามียอดจอง 4.2 หมื่นคัน และมีผู้เข้าชมงาน 1.55 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.38 ล้านคน คาดมีเงินสะพัดในงานประมาณ 50,000 ล้านบาท”
ส่วนปัจจัยที่ยังประเมินตัวเลขต่างๆ ในงานเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะซบเซาที่ปัจจุบันตกลง 15% และแนวโน้มถึงสิ้นปีจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ตลาดรถยนต์ยังน่าจะติดลบอยู่ประมาณ 10% หรือมียอดขายตลอดปีประมาณ 800,000 คัน เนื่องจากช่วงการจัดงานเป็นเวลาที่เหมาะสม เป็นช่วงผลักดันยอดขายส่งท้ายปีของบริษัทรถ และมีปัจจัยสนับสนุนการซื้อขายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถใหม่หลากหลายรุ่น การจัดแคมเปญร่วมกันกับสถาบันการเงิน โปรโมชั่นจากค่ายรถมีทั้งลดแจกแถม รวมถึงผู้เข้าชมงานวางแผนใช้เงินโบนัสซื้อรถ และยังมีกิจกรรมจากผู้จัดงานมากมายช่วยเพิ่มบรรยากาศการซื้อ-ขายให้น่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักส่งท้ายปี
“ปัจจัยที่น่าจับตาอีกอย่างเป็นเรื่องโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งทำให้รถยนต์บางรุ่นต้องปรับราคา ทำให้ผู้บริโภคต้องรีบซื้อรถภายในสิ้นปีนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลต่อตลาดแค่ไหน เพราะภาครัฐยังไม่ชี้แจงถึงแนวทางการจัดเก็บภาษี ว่าจะคิดที่หน้าโรงงาน วันที่รับจอง หรือจะเป็นวันโอนรถ เพราะต่างก็มีจุดเด่น-ด้อยต่างกัน ตรงนี้จึงทำให้บริษัทรถยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจนนัก” นายขวัญชัยกล่าว