ASTVผู้จัดการรายวัน - ชุดอีโอดี เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิด หลังรับแจ้งจากพนักงานทำความสะอาด โดยระเบิดอถูกซุกซ่อน บริเวณลานจอดรถชั้น 3 บช.น. พบเป็นระเบิด 3 ลูก กระสุนปืนอีก กว่า 100 นัด ในสภาพพร้อมใช้งาน ตร.เร่งขยายผล สืบสวนที่มาที่ไปของระเบิดต่อไป ขณะเดียวกันตร.-ทหาร นำหมายเข้าค้น เรือลากจูง 2 ชั้น “ ดิแอดมิราล" จับอาวุธสงครามวัตถุระเบิดและยาเสพติด ขณะจอดเทียบท่าแม่น้ำเจ้าพระยา ควบคุมคนดูแลเรือตัวไปสอบสวนสวน ทราบว่าเรือลำนี้เป็นของนายพลน.ที่เกษียณราชการไปแล้ว
วานนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ร.ต.ท.กิ่งเพชร เต้ปิยะ พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้รับแจ้งจากพนักงานทำความสะอาดว่า พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณลานจอดรถชั้นที่ 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ถนนศรีอยุธยา แขวงและเขตดุสิต กทม. เป็นที่จอดรถของสำนักงาน ผบช.น. จึงรุดประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบวัตถุดังกล่าว พบเป็น ระเบิดชนิดเอ็มเคทู 2 จำนวน 1 ลูก เอ็นอาร์ 423 จำนวน 1 ลูก เอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนคาร์บิน 61 นัด, เอ็ม 16 จำนวน 161 นัด, กระสุนลูกซอง 2 นัด และ .357 อีกจำนวน 1 นัด โดยระเบิดและเครื่องกระสุนทั้งหมดอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่ไม่ให้สื่อมวลชนหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบดังกล่าวมีพนักงานทำความสะอาดมาพบระหว่างที่จะทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว คาดว่าอาจจะเป็นระเบิดและกระสุนอาวุธปืนสงครามช่วงที่มีการชุมนุมของม็อบเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา บรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกสภาพค่อนข้างเก่า โดยที่ต้องทำการตรวจสอบเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่จอดรถของสำนักงาน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการประสงค์ร้ายต่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ หรือไม่ พล.ต.ตสมบัติกล่าวว่า คาดว่าไม่น่าจะเป็นการทำร้าย เพราะ พล.ต.ท.ศรีวราห์ไม่ได้จอดรถบริเวณดังกล่าว แต่อาจจะเป็นช่วงหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ายที่พักแล้วอาจจะมีนำขยะมาวางไว้แล้วยังไม่ได้มีการเก็บกวาดให้เรียบร้อย อาจจะมีการนำระเบิดและอาวุธดังกล่าวมาวางไว้ในช่วงเวลานั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่อีโอดีลงพื้นที่ตรวจสอบอยู่
ต่อมาเมื่อเวลา13.00น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่าคนงานพบระเบิดหลายชนิด บริเวณลานจอดรถบช.น.ว่า จะต้องสืบสวนรายละเอียดให้แน่ชัด เพราะระเบิดที่พบมีทั้งหมด 3 ลูก มีเพียง 1 ลูกที่ไม่มีตราราชการไทย ส่วนจุดที่พบระเบิดนั้น คาดว่าคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากระเบิดดังกล่าวถูกซุกซ่อนภายในซอกของอาคาร ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนร้ายต้องการที่จะป่วนสถานที่ราชการ เนื่องจากว่าพึ่งจะพบระเบิด ยังไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจน
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พบระเบิดและลูกกระสุนอาวุธสงครามมีการข่าวหรือความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า อย่างที่นำเสนอไปทางเจ้าหน้าที่จะเน้นความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งเป็นนโยบายของคสช. แต่ไม่ทราบว่ากรณีดังกล่าวหลุดมาได้ยังไง ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสถานที่ๆผู้ที่มาติดต่อราชการก็สามารถเข้าออกได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สำหรับกรณีบ่อนการพนันออนไลน์ ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นนโยบายของคสช. ที่กำชับให้เร่งกวดขันจับกุมมานานแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมเมื่อวันที่1มิ.ย.58 กรณีบ่อนการพนันออนไลน์ ขณะนี้ได้ออกคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตร.ในท้องที่และให้มาช่วยราชการแล้ว หากเกิดกรณีเช่นนี้อีกก็จะต้องมีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องแน่นอน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขอเวลาสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนว่าระเบิดอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้อย่างไร และยังไม่ยืนยันว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ แต่ไม่น่าหวังผลต่อชีวิต เพราะจุดที่พบไม่ใช่จุดที่มีคนพลุกพล่าน
****ค้นเรือนายพลเกษียณฯ ซุกระเบิด-ยาเสพติด ลำน้ำเจ้าพระยา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 ป. เจ้าหน้าที่ บก.น.8 เจ้าหน้าที่ สน.บางคอแหลม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ( พฐ. ) เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญารัชดา เลขที่144/58 เข้าตรวจสอบ เรือลากจูง 2 ชั้น “ ดิแอดมิราล ” เลขที่ 4600 00925 จอดอยู่บริเวณ พระราม3ซอย 46 วัดคลองภูมิ เขตยานนาวา
แขวงช่องนนทรี กทม. เมื่อเข้าตรวจสอบพบนายไพฑูรย์ อ้อนชมภู อายุ 36 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ รับเป็นผู้ดูแลเรือ พร้อมของกลางประกอบไปด้วย ยาไอซ์ 4 กรัม ,ระเบิดชนิดเคโม จำนวน 1 ก้อน , ระเบิดซีโฟร์หนัก 2 ปอนด์ครึ่ง ,ระเบิดชนิดเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก ,ระเบิดควัน 1 ลูก ,กระสุนปืนขนาด เอ็ม 16 จำนวน 224 นัด ,ปืนยาวชนิดไรเฟิล 1 กระบอก ,กระสุนปืนเอ็ม 60 จำนวน 207 นัด และบัตรกอ.รมน. ระบุชื่อจนท.ไพฑูรย์ อ้อนชมภู ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิเศษปฏิบัติการเส้นเขตแดนสากล
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเรือดังกล่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธสงคราม จึงได้สั่งการให้พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก. 1 บก.ป. นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ จนกระทั่งเมื่อช่วงสายวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้น เข้าตรวจเรือดังกล่าว ก็พบนายไพฑูรย์อยู่บนเรือพร้อมของกลาง จึงได้ทำการจับกุม อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเป็นผู้ดูแลและเป็นช่างประจำเรือ ส่วนอาวุธสงครามที่พบนั้นมีคนรู้จักนำมาฝากไว้ โดยในบางครั้งผู้ต้องหาก็จะนำของกลางไปขายเพื่อเป็นแลกเป็นยาเสพติด ทั้งนี้จะประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานเก็บกู้ระเบิดมาทำการตรวจสอบของกลางดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ดีการตรวจค้นครั้งนี้เบื้องต้นการข่าวไม่พบความเชื่อมโยงกับเรื่องประเด็นการเมือง
นายไพฑูรย์ ให้การว่า ตนเป็นผู้ดูแลเรือตั้งแต่ปี 2545 จนกระทั่งปี 2549 ได้นำเรือมาจอดที่จุดดังกล่าว ส่วนของกลางทั้งหมดก็มีเป็นของนายโอ๊ต ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยนายโอ๊ตอ้างตัวเป็นลูกของนายทหารยศนายพลที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ได้นำของมาฝากไว้หลายปีแล้ว ซึ่งก็เก็บไว้ใต้ท้องเรือ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบครอง และมีอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่ได้ออกให้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายงานฝ่ายสืบสวนระบุ เรือดังกล่าวนั้นมี นายพล น. ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว เป็นเจ้าของเรือดังกล่าว โดยจากการข่าวพบว่าอาวุธสงครามดังกล่าวถูกนำมาจากจังหวัดตราด โดยมีนายไพฑูรย์เป็นผู้นำมา ก่อนจะจำหน่ายให้ผู้ที่ต้องการซื้อ หรือบางครั้งก็แลกกับยาเสพติด
วานนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ร.ต.ท.กิ่งเพชร เต้ปิยะ พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้รับแจ้งจากพนักงานทำความสะอาดว่า พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณลานจอดรถชั้นที่ 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ถนนศรีอยุธยา แขวงและเขตดุสิต กทม. เป็นที่จอดรถของสำนักงาน ผบช.น. จึงรุดประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบวัตถุดังกล่าว พบเป็น ระเบิดชนิดเอ็มเคทู 2 จำนวน 1 ลูก เอ็นอาร์ 423 จำนวน 1 ลูก เอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนคาร์บิน 61 นัด, เอ็ม 16 จำนวน 161 นัด, กระสุนลูกซอง 2 นัด และ .357 อีกจำนวน 1 นัด โดยระเบิดและเครื่องกระสุนทั้งหมดอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่ไม่ให้สื่อมวลชนหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบดังกล่าวมีพนักงานทำความสะอาดมาพบระหว่างที่จะทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว คาดว่าอาจจะเป็นระเบิดและกระสุนอาวุธปืนสงครามช่วงที่มีการชุมนุมของม็อบเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา บรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกสภาพค่อนข้างเก่า โดยที่ต้องทำการตรวจสอบเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่จอดรถของสำนักงาน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการประสงค์ร้ายต่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ หรือไม่ พล.ต.ตสมบัติกล่าวว่า คาดว่าไม่น่าจะเป็นการทำร้าย เพราะ พล.ต.ท.ศรีวราห์ไม่ได้จอดรถบริเวณดังกล่าว แต่อาจจะเป็นช่วงหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ายที่พักแล้วอาจจะมีนำขยะมาวางไว้แล้วยังไม่ได้มีการเก็บกวาดให้เรียบร้อย อาจจะมีการนำระเบิดและอาวุธดังกล่าวมาวางไว้ในช่วงเวลานั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่อีโอดีลงพื้นที่ตรวจสอบอยู่
ต่อมาเมื่อเวลา13.00น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่าคนงานพบระเบิดหลายชนิด บริเวณลานจอดรถบช.น.ว่า จะต้องสืบสวนรายละเอียดให้แน่ชัด เพราะระเบิดที่พบมีทั้งหมด 3 ลูก มีเพียง 1 ลูกที่ไม่มีตราราชการไทย ส่วนจุดที่พบระเบิดนั้น คาดว่าคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากระเบิดดังกล่าวถูกซุกซ่อนภายในซอกของอาคาร ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนร้ายต้องการที่จะป่วนสถานที่ราชการ เนื่องจากว่าพึ่งจะพบระเบิด ยังไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจน
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พบระเบิดและลูกกระสุนอาวุธสงครามมีการข่าวหรือความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า อย่างที่นำเสนอไปทางเจ้าหน้าที่จะเน้นความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งเป็นนโยบายของคสช. แต่ไม่ทราบว่ากรณีดังกล่าวหลุดมาได้ยังไง ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสถานที่ๆผู้ที่มาติดต่อราชการก็สามารถเข้าออกได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สำหรับกรณีบ่อนการพนันออนไลน์ ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นนโยบายของคสช. ที่กำชับให้เร่งกวดขันจับกุมมานานแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมเมื่อวันที่1มิ.ย.58 กรณีบ่อนการพนันออนไลน์ ขณะนี้ได้ออกคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตร.ในท้องที่และให้มาช่วยราชการแล้ว หากเกิดกรณีเช่นนี้อีกก็จะต้องมีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องแน่นอน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขอเวลาสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนว่าระเบิดอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้อย่างไร และยังไม่ยืนยันว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ แต่ไม่น่าหวังผลต่อชีวิต เพราะจุดที่พบไม่ใช่จุดที่มีคนพลุกพล่าน
****ค้นเรือนายพลเกษียณฯ ซุกระเบิด-ยาเสพติด ลำน้ำเจ้าพระยา
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 ป. เจ้าหน้าที่ บก.น.8 เจ้าหน้าที่ สน.บางคอแหลม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ( พฐ. ) เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญารัชดา เลขที่144/58 เข้าตรวจสอบ เรือลากจูง 2 ชั้น “ ดิแอดมิราล ” เลขที่ 4600 00925 จอดอยู่บริเวณ พระราม3ซอย 46 วัดคลองภูมิ เขตยานนาวา
แขวงช่องนนทรี กทม. เมื่อเข้าตรวจสอบพบนายไพฑูรย์ อ้อนชมภู อายุ 36 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ รับเป็นผู้ดูแลเรือ พร้อมของกลางประกอบไปด้วย ยาไอซ์ 4 กรัม ,ระเบิดชนิดเคโม จำนวน 1 ก้อน , ระเบิดซีโฟร์หนัก 2 ปอนด์ครึ่ง ,ระเบิดชนิดเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก ,ระเบิดควัน 1 ลูก ,กระสุนปืนขนาด เอ็ม 16 จำนวน 224 นัด ,ปืนยาวชนิดไรเฟิล 1 กระบอก ,กระสุนปืนเอ็ม 60 จำนวน 207 นัด และบัตรกอ.รมน. ระบุชื่อจนท.ไพฑูรย์ อ้อนชมภู ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิเศษปฏิบัติการเส้นเขตแดนสากล
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเรือดังกล่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธสงคราม จึงได้สั่งการให้พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก. 1 บก.ป. นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ จนกระทั่งเมื่อช่วงสายวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้น เข้าตรวจเรือดังกล่าว ก็พบนายไพฑูรย์อยู่บนเรือพร้อมของกลาง จึงได้ทำการจับกุม อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเป็นผู้ดูแลและเป็นช่างประจำเรือ ส่วนอาวุธสงครามที่พบนั้นมีคนรู้จักนำมาฝากไว้ โดยในบางครั้งผู้ต้องหาก็จะนำของกลางไปขายเพื่อเป็นแลกเป็นยาเสพติด ทั้งนี้จะประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานเก็บกู้ระเบิดมาทำการตรวจสอบของกลางดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ดีการตรวจค้นครั้งนี้เบื้องต้นการข่าวไม่พบความเชื่อมโยงกับเรื่องประเด็นการเมือง
นายไพฑูรย์ ให้การว่า ตนเป็นผู้ดูแลเรือตั้งแต่ปี 2545 จนกระทั่งปี 2549 ได้นำเรือมาจอดที่จุดดังกล่าว ส่วนของกลางทั้งหมดก็มีเป็นของนายโอ๊ต ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยนายโอ๊ตอ้างตัวเป็นลูกของนายทหารยศนายพลที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ได้นำของมาฝากไว้หลายปีแล้ว ซึ่งก็เก็บไว้ใต้ท้องเรือ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบครอง และมีอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่ได้ออกให้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายงานฝ่ายสืบสวนระบุ เรือดังกล่าวนั้นมี นายพล น. ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว เป็นเจ้าของเรือดังกล่าว โดยจากการข่าวพบว่าอาวุธสงครามดังกล่าวถูกนำมาจากจังหวัดตราด โดยมีนายไพฑูรย์เป็นผู้นำมา ก่อนจะจำหน่ายให้ผู้ที่ต้องการซื้อ หรือบางครั้งก็แลกกับยาเสพติด
