ASTVผู้จัดการรายวัน-"สนธิญาณ"แจ้งความเอาผิดเนชั่น "สุทธิชัย หยุ่น" และพวก ผิดคดีอาญาฐานกีดกันไม่ให้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และให้ข้อมูลเป็นเท็จ ใส่ความในคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จนทำให้เสียหาย เผยไม่คิดจะใช้กฎหมาย เหตุเคยเชื่อในจริยธรรม แต่ความจริงกลับไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ ( 28 พ.ค.) นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ได้เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญากับนิติบุคคลและบุคคล ดังต่อไปนี้ คือ 1.บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG 2.นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา 3.นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น4.นายพนา จันทรวิโรจน์ 5.นายเชวง จริยะพิสุทธิ์ 6.นายปกรณ์ บริมาสพร7.น.ส.ดวงกมล โชตะนา8.นายเสริมสิน สมะลาภา9.นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ10.น.ส.เขมกร วชิรวราการ ในข้อหาหรือฐานความผิด ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ในการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญา นายสนธิญาณระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา บริษัท เนชั่นฯ ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ ห้องแลนด์มาร์คบอลรูม ชั้น 7 โรงแรมเดอะ แลนด์มาร์ค เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ โดยในวันดังกล่าว ตนเองติดภารกิจสำคัญ ไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้ จึงได้มอบฉันทะให้นายฉัตรชัย ภูโคกหวาย เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมแทน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของเนชั่นฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารแล้วยืนยันว่าถูกต้อง แต่ไม่ยินยอมรับการลงทะเบียน โดยอ้างว่าคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหารบริษัท มีคำสั่งห้ามไม่ให้นายฉัตรชัย ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจเข้าร่วมประชุม โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลใดๆ เพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2558 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอให้เนชั่นฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ประธานในที่ประชุมไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งทางเนชั่นฯ ได้ชี้แจงว่า การไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุม เป็นเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่มีเจตนาที่จะร่วมกันใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าครอบงำกิจการของบริษัท โดยมิได้ปฏิบัติให้เป็นตามหลักเกณฑ์และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการครอบงำกิจการ ซึ่งได้แก่ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
จากกรณีดังกล่าว นายสนธิญาณเห็นว่าเป็นการเสนอข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ถือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการกระทำฐานใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ซึ่งน่าจะทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ด้วยโฆษณา เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยมีการกระทำการเพื่อเข้าครอบงำกิจการของบริษัท โดยที่มิได้ปฏิบัติให้เป็นตามหลักเกณฑ์และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการครอบงำกิจการ การกระทำของเนชั่นฯ จึงถือเป็นการลงข้อความเท็จหรือใส่ความเท็จ ทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่นที่อ่านข้อมูลและทราบข่าว โดยเข้าใจว่าตนเองเข้าไปมีส่วนร่วมกระทำผิดอาญาดังกล่าว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้มีการดำเนินคดีอาญากับคณะผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จานนั้น นายสนธิญาณได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมา ตนถูกกล่าวหาจากสื่อของกลุ่มเนชั่นฯ และผู้บริหารกลุ่มเนชั่นฯ บางรายผ่านเครือข่ายสื่อออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและองค์กรที่สังกัด แต่ก็ไม่คิดจะใช้มาตรการทางกฏหมายเป็นที่พึ่ง เพียงแต่ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อหวังให้ผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะเชื่อว่าคำประกาศจริยธรรมและอุดมการณ์ที่ผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ พร่ำบอกกับสาธารณะชนตลอดมานั้น จะได้ไปกระตุ้นเตือนสำนึกแห่งความรับผิดชอบให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย แต่ก็ไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด
"กระทั่งถึงวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ผู้บริหารกลุ่มเนชั่นฯ ก็ได้แสดงพฤติกรรมให้เห็น โดยการกีดกันไม่ให้ผู้รับมอบอำนาจของผมเข้าประชุมด้วยข้อกล่าวหาว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งเท่ากับเป็นการตอกย้ำข่าวสารที่โจมตีตนเองมาก่อนหน้านั้น ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง คำชี้แจงก็ยังตอกย้ำถึงให้เห็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทำให้ผมได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและความถูกต้องจึงต้องอาศัยอำนาจทางกฏหมายเป็นที่พึ่ง จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ให้มีมีการดำเนินคดีอาญากับผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินีในครั้งนี้"นายสนธิญาณกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ ( 28 พ.ค.) นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ได้เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญากับนิติบุคคลและบุคคล ดังต่อไปนี้ คือ 1.บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG 2.นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา 3.นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น4.นายพนา จันทรวิโรจน์ 5.นายเชวง จริยะพิสุทธิ์ 6.นายปกรณ์ บริมาสพร7.น.ส.ดวงกมล โชตะนา8.นายเสริมสิน สมะลาภา9.นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ10.น.ส.เขมกร วชิรวราการ ในข้อหาหรือฐานความผิด ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
ในการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญา นายสนธิญาณระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา บริษัท เนชั่นฯ ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้น ณ ห้องแลนด์มาร์คบอลรูม ชั้น 7 โรงแรมเดอะ แลนด์มาร์ค เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ โดยในวันดังกล่าว ตนเองติดภารกิจสำคัญ ไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้ จึงได้มอบฉันทะให้นายฉัตรชัย ภูโคกหวาย เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมแทน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของเนชั่นฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารแล้วยืนยันว่าถูกต้อง แต่ไม่ยินยอมรับการลงทะเบียน โดยอ้างว่าคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหารบริษัท มีคำสั่งห้ามไม่ให้นายฉัตรชัย ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจเข้าร่วมประชุม โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลใดๆ เพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2558 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอให้เนชั่นฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ประธานในที่ประชุมไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งทางเนชั่นฯ ได้ชี้แจงว่า การไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุม เป็นเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่มีเจตนาที่จะร่วมกันใช้สิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าครอบงำกิจการของบริษัท โดยมิได้ปฏิบัติให้เป็นตามหลักเกณฑ์และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการครอบงำกิจการ ซึ่งได้แก่ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
จากกรณีดังกล่าว นายสนธิญาณเห็นว่าเป็นการเสนอข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ถือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการกระทำฐานใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ซึ่งน่าจะทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ด้วยโฆษณา เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยมีการกระทำการเพื่อเข้าครอบงำกิจการของบริษัท โดยที่มิได้ปฏิบัติให้เป็นตามหลักเกณฑ์และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการครอบงำกิจการ การกระทำของเนชั่นฯ จึงถือเป็นการลงข้อความเท็จหรือใส่ความเท็จ ทำให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่นที่อ่านข้อมูลและทราบข่าว โดยเข้าใจว่าตนเองเข้าไปมีส่วนร่วมกระทำผิดอาญาดังกล่าว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้มีการดำเนินคดีอาญากับคณะผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จานนั้น นายสนธิญาณได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมา ตนถูกกล่าวหาจากสื่อของกลุ่มเนชั่นฯ และผู้บริหารกลุ่มเนชั่นฯ บางรายผ่านเครือข่ายสื่อออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและองค์กรที่สังกัด แต่ก็ไม่คิดจะใช้มาตรการทางกฏหมายเป็นที่พึ่ง เพียงแต่ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อหวังให้ผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะเชื่อว่าคำประกาศจริยธรรมและอุดมการณ์ที่ผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ พร่ำบอกกับสาธารณะชนตลอดมานั้น จะได้ไปกระตุ้นเตือนสำนึกแห่งความรับผิดชอบให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย แต่ก็ไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด
"กระทั่งถึงวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ผู้บริหารกลุ่มเนชั่นฯ ก็ได้แสดงพฤติกรรมให้เห็น โดยการกีดกันไม่ให้ผู้รับมอบอำนาจของผมเข้าประชุมด้วยข้อกล่าวหาว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งเท่ากับเป็นการตอกย้ำข่าวสารที่โจมตีตนเองมาก่อนหน้านั้น ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง คำชี้แจงก็ยังตอกย้ำถึงให้เห็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทำให้ผมได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและความถูกต้องจึงต้องอาศัยอำนาจทางกฏหมายเป็นที่พึ่ง จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ให้มีมีการดำเนินคดีอาญากับผู้บริหาร บริษัท เนชั่นฯ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินีในครั้งนี้"นายสนธิญาณกล่าว
