นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและ บุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการตรวจสอบบัญชีและการเงิน ของคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีการใช้จ่ายเงินของสำนักงาน สกสค. เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทางคณะอนุกรรมการฯ จะทำรายงานเสนอให้ คตร.ชุดใหญ่ทราบ และพิจารณา จากนั้นทาง คตร. จึงแจ้งรายละเอียดต่างๆ มาให้สำนักงาน สกสค. ทราบและดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ขอขยายเวลาชี้แจงนั้น ขณะนี้ตนได้ทำรายงานเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. ทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น ว่า เรื่องที่นายสมศักดิ์ ขอขยายเวลาชี้แจง กับการขอเอกสารสัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งในเรื่องของการขอขยายเวลาชี้แจง น่าจะพอฟังขึ้นว่าควรให้มีการขยายเวลาออกไปได้ แต่จะให้ขยายเวลาแค่ไหนนั้นก็เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม และในส่วนการขอคัดสำเนาเอกสารเพื่อประกอบการชี้แจงนั้น ทางสำนักงานสกสค.ได้ ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด มาพิจารณาให้เป็นไปตามข้อมูลข่าวสารว่าเอกสารชุดไหนที่นายสมศักดิ์ขอสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารที่จะให้ได้บ้าง ถ้าเอกสารชุดไหนที่ให้ได้ก็จะแจ้งให้นายสมศักดิ์ เข้ามารับเอกสารโดยเร็ว แต่ถ้าชุดไหนที่ยังไม่สมควรให้ก็คงให้ไม่ได้ เพราะตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร จะระบุไว้อยู่แล้วว่าเอกสารที่จะให้ได้ หรือเอกสารประเภทไหนที่ยังให้ไม่ได้
“ตอนนี้ผมกำลังเร่งศึกษาระเบียบและความซ้ำซ้อนของคณะกรรมการชุดต่างๆ ของสำนักงาน สกสค. ว่าแต่ละคณะทำงานเป็นอย่างไร คณะกรรมการชุดไหนที่รวมกันได้ก็รวมกันได้เลย อย่างน้อยก็จะลดค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งตอนนี้มีคณะกรรมการสำนักงานสกสค. ชุดใหญ่ในอดีตมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานโดยตำแหน่ง แต่ปัจจุบัน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน มีเพียง 1 ชุดเท่านั้น ส่วนกรรมการที่สำนักงาน สกสค. ที่แต่งขึ้นมาดูแลในเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีเลขาธิการสำนักงาน สกสค. หรือผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก เป็นประธาน ซึ่งมีอยู่พอสมควร คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องเงินของ สกสค. ก็มีหลายชุด และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกเป็นประธานด้วย ซึ่งหากผลการตรวจสอบของ คตร.ชุดใหญ่ ชี้มูลออกมาว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดใดมีความผิด ก็ต้องมีโทษตามกฎหมาย และถ้าเป็นข้าราชก็ต้องดำเนินการทางวินัย” นายพินิจศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ขอขยายเวลาชี้แจงนั้น ขณะนี้ตนได้ทำรายงานเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. ทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น ว่า เรื่องที่นายสมศักดิ์ ขอขยายเวลาชี้แจง กับการขอเอกสารสัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งในเรื่องของการขอขยายเวลาชี้แจง น่าจะพอฟังขึ้นว่าควรให้มีการขยายเวลาออกไปได้ แต่จะให้ขยายเวลาแค่ไหนนั้นก็เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม และในส่วนการขอคัดสำเนาเอกสารเพื่อประกอบการชี้แจงนั้น ทางสำนักงานสกสค.ได้ ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด มาพิจารณาให้เป็นไปตามข้อมูลข่าวสารว่าเอกสารชุดไหนที่นายสมศักดิ์ขอสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารที่จะให้ได้บ้าง ถ้าเอกสารชุดไหนที่ให้ได้ก็จะแจ้งให้นายสมศักดิ์ เข้ามารับเอกสารโดยเร็ว แต่ถ้าชุดไหนที่ยังไม่สมควรให้ก็คงให้ไม่ได้ เพราะตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร จะระบุไว้อยู่แล้วว่าเอกสารที่จะให้ได้ หรือเอกสารประเภทไหนที่ยังให้ไม่ได้
“ตอนนี้ผมกำลังเร่งศึกษาระเบียบและความซ้ำซ้อนของคณะกรรมการชุดต่างๆ ของสำนักงาน สกสค. ว่าแต่ละคณะทำงานเป็นอย่างไร คณะกรรมการชุดไหนที่รวมกันได้ก็รวมกันได้เลย อย่างน้อยก็จะลดค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งตอนนี้มีคณะกรรมการสำนักงานสกสค. ชุดใหญ่ในอดีตมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานโดยตำแหน่ง แต่ปัจจุบัน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน มีเพียง 1 ชุดเท่านั้น ส่วนกรรมการที่สำนักงาน สกสค. ที่แต่งขึ้นมาดูแลในเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีเลขาธิการสำนักงาน สกสค. หรือผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก เป็นประธาน ซึ่งมีอยู่พอสมควร คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องเงินของ สกสค. ก็มีหลายชุด และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกเป็นประธานด้วย ซึ่งหากผลการตรวจสอบของ คตร.ชุดใหญ่ ชี้มูลออกมาว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดใดมีความผิด ก็ต้องมีโทษตามกฎหมาย และถ้าเป็นข้าราชก็ต้องดำเนินการทางวินัย” นายพินิจศักดิ์ กล่าว