xs
xsm
sm
md
lg

จัด31คกก.ตรวจทรัพย์สิน ตั้งรักษาการไม่เหมาะสม มข.ทำโปสการ์ด5หมื่นแผ่นแจก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาตั้ง คกก.ตรวจสอบทรัพย์สินหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่ 31 คน พร้อมสั่งตรวจสอบละเอียดทุกเม็ด รวมทั้งที่มาที่ไปและมีการโยกย้ายช่วงหลวงพ่อคูณมรณภาพหรือไม่ พร้อมให้นำ จนท.เชี่ยวชาญและตำรวจช่วยตรวจค้น คาด 2-3 วัน ทราบข้อมูลชัดเจนไขความกระจ่างต่อสาธารณชน ชี้แต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสบ้านไร่ไม่เหมาะสม มีลับลมคมใน เตรียมแผนการชิงไหวชิงพริบ งงเอาเวลาไหนไปปรึกษากันทั้งที่ "หลวงพ่อคูณ" ยังไม่ขาดใจ เท่ากับแช่งให้ตายไวๆ "ม.ขอนแก่น" ทำโปสการ์ด "หลวงพ่อคูณ" 5 หมื่นแผ่นแจกญาติโยมที่มากราบสรีระสังขารเพื่อร่วมไว้อาลัย เตือนอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพดักขายดอกไม้บูชาหลังพบแอบอ้างหารายได้เข้าคณะแพทยศาสตร์ ย้ำมีบริการฟรีรับแจกจากนักศึกษาแพทย์ได้ที่หน้างาน ด้านประชาชนหลั่งไหลต่อแถวเข้าคิวกราบสรีระสังขารแน่นห้องประชุมตั้งแต่เช้า

วานนี้ (19 พ.ค.) ที่วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดบ้านไร่หลังจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มรณภาพว่า ตนในฐานะเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามคำสั่งคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา ที่ จจ 10/2558 ลงวันที่ 18 พ.ค.2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของพระเทพวิทยาคม และวัดบ้านไร่ โดยมีคณะกรรมการรวมทั้งสิ้น 31 คน ทั้งจากฝ่ายสงฆ์และฆราวาส

โดยมีพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นที่ปรึกษา, พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการอีก 5 คน ประกอบด้วยพระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด, พระภาวนาประชานาถ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่, นายบัญชายุทธ นาคมจรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา, นายสมพงษ์ วิริยะจารุ วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา นายอำเภอด่านขุนทด

ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วยหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายราชการและคณะสงฆ์ ระดับอำเภอ ตำบล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมนุมทั้งระดับตำบล หมู่บ้าน รวมทั้งกรรมการวัดบ้านไร่ชุดเดิม ที่ทำหน้าที่รักษาการอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ และมี ดร.มหาสิงขร ปริยตติเมธี เลขานุการเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นกรรมการและเลขานุการ

**สั่งสอบทุกเม็ด-เหมือน ตร.ตรวจค้นยาบ้า

สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่ในการตรวจสอบทรัพย์สินของพระเทพวิทยาคมและทรัพย์สินของวัดบ้านไร่ ทั้งเงินสด บัญชีเงินรับบริจาคทุกรายการ บัญชีเงินเช่าบูชาวัตถุมงคล บัญชีเงินฝากธนาคาร บัญชีเงินมูลนิธิ สิ่งของมีค่า รายการวัตถุมงคลที่มีอยู่ บัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด หรือบัญชีหนี้สินค่าใช้จ่ายต่างๆ

โดยให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งนี้ประชุมหารือและดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินต่างๆ ทั้งรายรับ-รายจ่าย หรือบัญชีหนี้สินของวัดบ้านไร่ พร้อมรายละเอียดทั้งหมดทุกรายการ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและมิให้มีข้อสงสัยหรือมีข้อขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นแล้วประกาศให้สาธารณชนทราบต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันจึงจะทราบข้อเท็จจริง

พระราชวิมลโมลี กล่าวต่อว่า เมื่อหลวงพ่อคูณ ล่วงลับไปแล้วผลประโยชน์คงไม่เป็นเรื่องใหญ่โต และผู้ที่ต้องการจะได้ผลประโยชน์จากหลวงพ่อคูณ คงจะต้องยุติบทบาทเพราะท่านไม่อยู่แล้วจะเอาอะไรมาอ้างไม่ได้ หรือมีน้อยที่เหลือก็มี แต่ว่ามีอะไรที่เหลืออยู่ในวัดที่พอจะขายได้ ทำอะไรได้ ก็คงคิดได้แค่ตรงนั้น แต่จะมีกิจกรรมอะไรคับคั่งเหมือนตอนที่ท่านอยู่คงไม่มี แต่ที่จะมีอะไรคาราคาซังอยู่คือกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่กับชุดเก่าว่าจะเคลียร์กันได้แค่ไหน ต้องอาศัยกรรมการชุดนี้ที่แต่งตั้งไปช่วยดูให้ละเอียด

ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่โฉนดที่ดินใบตั้งวัด อยู่กับใคร การบริหารวัดในช่วงที่ผ่านมามีการบริหารงานแบ่งสัดส่วนอย่างไร ทั้งกุฏิวัด พิพิธภัณฑ์ วิหารกลางน้ำ ซึ่งมีหลายจุดมีระบบการแบ่งงานกันอย่างไร ตรวจสอบรายรับรายจ่ายอย่างไร ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตรวจค้น เข้าไปช่วยด้วยว่ามีการเก็บกุญแจตู้เซฟ ตู้บริจาคและประตูหน้าต่างไว้กับใครอย่างไร และได้ทำการซีนไว้หรือยังตั้งแต่หลวงพ่อคูณมรณภาพ หรือปล่อยให้ใครไปรื้อค้นเอาของมีค่าไป ทุกอย่างมีครบหรือไม่ รวมถึงเงินที่ผ่านมาทางมูลนิธิ เงินที่ผ่านมาทางหลวงพ่อคูณ และมีใครรู้เห็นว่าหลวงพ่อคูณมีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง และยังอยู่ครบหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน

"ฉะนั้นคณะกรรมการชุดนี้ ต้องละเอียดต้องเอาตำรวจมาช่วยตรวจค้นเหมือนการตรวจหายาบ้าเพื่อจะได้ตอบสังคมได้" พระราชวิมลโมลี กล่าว

**ชี้ชัดตั้งรักษาการเจ้าอาวาสไม่เหมาะสม

พระราชวิมลโมลี ยังเปิดเผยถึงการแต่งตั้งพระภาวนาประชานาถ (นุช รตนวิชโย) อายุ 66 ปี 22 พรรษา วิทยาฐานะนักธรรมโท (น.ธ.) มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ทันทีในวันที่หลวงพ่อคูณ มรณภาพวันที่ 16 พ.ค.ด้วยว่า การแต่งตั้งเจ้าอาวาสขึ้นมารักษาการนั้นยังมีข้อข้องใจอยู่หลายประเด็นเพราะมีความเห็นแย้งเห็นต่างกันอยู่ ซึ่งการแต่งตั้งเจ้าอาวาสต้องดูที่ความเหมาะสมดูที่คุณสมบัติ โดยเอาอนาคตของวัดเป็นตัวตั้ง เช่น มีพรรษาครบ 5 พรรษาคือบวชมาเกินกว่า 5 ปี และมีความรู้ความสามารถจบนักธรรมโท หรือเอก อย่างพระอาจารย์นุช นักธรรมโท เหมาะหรือไม่กับวัดระดับนี้

รวมทั้งวัดกันที่หน้าที่ของเจ้าอาวาสว่า มีหน้าที่ 4 ข้อหลักทำได้ครบหรือไม่ เช่น หน้าที่ในการบำรุงรักษาวัด จัดกิจการและสาธารณะสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี ปกครองสอดส่องพระภิกษุสามเณร ให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยตามกฎหมายบ้านเมือง กฎมหาเถรสมาคม ตลอดจนพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช เป็นธุระในการจัดการศึกษาเล่าเรียนอบรมพระภิกษุและผู้อยู่อาศัย และสุดท้ายคือเป็นธุระในการบำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน ฉะนั้น หน้าที่ 4 ข้อนี้จะเอามาเป็นตัวชี้วัดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก หากมีความสามารถพอเราก็เบาใจว่าทำงานได้

สำหรับการจัดกิจการและสาธารณสมบัติของวัดนั้น จะมีคำจำกัดตอนท้ายไว้ว่า ต้องให้เป็นไปด้วยดี ไม่ให้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่พอมาเป็นปับยุ่งทันทีแสดงว่า ไม่เหมาะสมจะแก้ปัญหายากตามมาอีกยาว และอีกข้อคือเป็นธุระในการจัดการศึกษานั้น สามารถจะเปิดเรียนได้หรือไม่ และสามารถจะเปิดสอนนักธรรมโท นักธรรมเอกได้หรือไม่ ในเมื่อผู้รักษาการเจ้าอาวาสมีวุฒิแค่นักธรรมโท และนักธรรมโทจบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลืมไปหมดหรือยังนานป่านนี้ หรือสอบได้ตั้งแต่ปีไหนทิ้งไปปี 2 ปีก็ลืมไปหมดแล้ว ฉะนั้น จะมาเปิดเรียนให้เป็นการศึกษาขึ้นมาจะต้องเอาพระที่มีฝีมือ และมีความรู้ความสามารถทางการศึกษาไปอยู่ หากว่าไม่ได้พระที่มีความรู้ความสามารถทางการศึกษาเราก็ไม่สามารถจะผลักดันวัดบ้านไร่ให้เป็นวัดสถานศึกษาได้

**"หลวงพ่อคูณ" ยังไม่ขาดใจเท่ากับแช่งท่าน

โดยการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสนั้นเป็นอำนาจของเจ้าคณะตำบล ฉะนั้น ตอนนี้ก็คล้ายๆ ทดลองฟังกระแสของสังคมไปก่อน แต่ความจริงมีอำนาจหน้าที่เหมือนเจ้าอาวาส แต่โดยมารยาทเขาจะรู้อยู่แล้วว่าควรจะทำอะไรอย่างไร ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมานี้เจ้าคณะตำบล จะต้องไปตรวจสอบว่าครบสมบูรณ์หรือไม่ แต่ต้องปรึกษากันกับคณะสงฆ์ในตำบล และอำเภอด้วย ซึ่งการประชุมระดับอำเภอน่าจะมีการหารือในเรื่องนี้ สุดท้ายต้องให้เจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งถึงจะสมบูรณ์ ซึ่งการแต่งตั้งเจ้าอาวาสนั้นมีเงื่อนไขหลายอย่าง ที่สำคัญคือผู้ที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสต้องผ่านการอบรม และการทดสอบจากทางจังหวัดก่อนจึงจะไปดำรงตำแหน่งได้

ส่วนการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วในวันที่พระเทพวิทยาคมมรณภาพนั้น พระราชวิมลโมลี กล่าวว่า ประเด็นนี้มีการสอบถามกันมาก และมีคนติดใจเรื่องนี้มาก ความจริงตนก็มีความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ตกใจว่าทำไมทำกันแบบนี้ มีลับลมคมใน หรือมีการเตรียมแผนอะไรกันมาอย่างไร ซึ่งตนได้พยายามสอบถามว่าแต่งตั้งกันและลงนามกันวันไหนเวลาใด เพราะเป็นเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อคูณ ยังไม่ขาดใจ มันกระชั้นชิดและเร็วเกินไป

"อยากถามว่าหลวงพ่อคูณยังไม่ขาดใจ เอาเวลาไหนไปปรึกษาหารือ เพราะในเอกสารแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส มีคำหนึ่งบอกว่าได้ปรึกษาหารือกัน ไปปรึกษาอย่างไร หลวงพ่อคูณยังไม่ขาดใจ ก็แช่งให้หลวงพ่อตายไวๆ อย่างนั้นหรือ เขาไม่เคยทำกันหรอก นี่ก็เท่ากับแช่งหลวงพ่อคูณให้ตายไวๆ หลวงพ่อคูณยังไม่ขาดใจเลยก็ตั้งรักษาการแล้ว นี่แสดงว่าชิงไหวชิงพริบหรือมีอะไรอยู่ลึกๆ ว่าถ้าไม่รีบเอาช่วงนี้ก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำเสียทีอะไรอย่างไร มันบ่งบอกอยู่ ให้สื่อมวลชนไปสืบหาเอาเองก็แล้วกัน" พระราชวิมลโมลี กล่าว

**พระรักษาการยอมรับเคยมีปัญหากับ"พ่อคูณ"

ด้านพระภาวนาประชานาถ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เปิดเผยขณะเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนเจ้าอาวาสที่วัดบ้านไร่ว่า การเดินทางมารับตำแหน่งของตนเพราะชาวบ้านอยากให้ตนมาอยู่ที่นี่ ความจริงจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ส่วนจะเอาเรื่องราวในอดีตมาเป็นประเด็นปัญหาการโต้แย้งนั้นมันเป็นเรื่องของอดีตที่เคยมีปัญหากันจริง จะรื้อฟื้นกันไปทำไม ยังไงมันก็แก้ไขอดีตไม่ได้ แต่อนาคตเราสามารถทำให้ดีได้

เมื่อให้ตนมาทำหน้าที่ก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังบารมีจะทำได้และต้องร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่าย ถ้าขัดแย้งกันก็ทำอะไรไม่ได้จะให้ตนมาอยู่หรือไม่ให้อยู่แล้วแต่เสียงส่วนใหญ่ งานในกิจนิมนต์เก่าของตนยังเหลืออีกมาก จึงมาดูแลวัดบ้านไร่ได้วันละไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องถามว่าตนจะอยู่ที่ไหนถ้ามีเวลาว่างจะมาปฏิบัติกิจของสงฆ์ที่วัดบ้านไร่ให้ดีที่สุด

ด้านพระครูพีรเดชธำรง เจ้าคณะตำบลกุดพิมาน ซึ่งเป็นผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งพระภาวนาประชานาถ มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมสร้างกุฏิหลังใหม่ในวัดบ้านไร่ ไว้สำหรับรักษาการแทนเจ้าอาวาส หรือเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่แล้ว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้

**ผวจ.โคราชยันทำตามพินัยกรรมลพ.คูณ

ที่ห้องประชุมอาเซียนชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยประชาสัมพันธ์จังหวัด, วัฒนธรรมจังหวัด, อัยการจังหวัด และ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฯได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมอบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยชี้แจงว่าต้องทำตามพินัยกรรมที่หลวงพ่อคูณ ได้เขียนไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งพินัยกรรมถือว่าเป็นกฎหมาย ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปได้

นายธงชัย เปิดเผยว่า หลังจากที่หลวงพ่อคูณ มรณภาพแล้ว วันนั้นก็ได้มีการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งศิษยานุศิษย์ และคณะกรรมการวัด ซึ่งมีตนเป็นประธาน แต่ท้ายที่สุดตนก็ได้ตัดสินใจ ให้ส่งมอบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณให้กับ มข.เนื่องจากในพินัยกรรมเขียนไว้เช่นนั้น ต่อมาก็มีหลายคนโทรศัพท์มาถามเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก บางคนอ้างว่าเป็นทนายความ และแนะนำให้ส่งเรื่องไปให้ศาลเป็นผู้พิจารณา เพื่อเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม ให้สามารถนำสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ มาบำเพ็ญกุศลที่ จ.นครราชสีมาได้ ซึ่งตนขอยืนยันว่า เรื่องนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่นได้ เนื่องจากพินัยกรรมเขียนไว้เช่นนั้น ข้อความในพินัยกรรมถือว่าเป็นกฎหมายที่ต้องยึดถือเป็นสำคัญ

นายธงชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ส่วนตนเป็นเพียงที่ปรึกษา แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของระเบียบคณะสงฆ์ ที่เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพแล้ว ก็ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด เพื่อทำบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด ส่งมอบให้กับเจ้าอาวาสรูปต่อไป

ส่วนเรื่องทรัพย์สินของหลวงพ่อคูณนั้น หากถือตามกฎหมาย ซึ่งวัดถือว่าเป็นนิติบุคคล ก็จะต้องตกเป็นของวัดบ้านไร่ทั้งหมด ขณะที่เรื่องการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่นั้น ก็เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายกิจการคณะสงฆ์ได้

**มข.ทำโปสการ์ด"ลพ.คูณ"5 หมื่นแผ่นแจก

ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก มข.ยังคงมีประชาชนที่เคารพและเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อคูณ เดินทางมากราบสรีระสังขารเพื่อร่วมไว้อาลัยกันอย่างเนืองแน่นตั้งแต่เช้า โดยเดินทางมาเข้าแถวรอตั้งแต่ก่อนเวลา 06.00 น.โดยประชาชนที่เดินทางมาถึงบริเวณงานตั้งแต่เช้ามืดส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัดรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการจะมาร่วมประกอบพิธีทางศาสนาในช่วงเช้าต่อเนื่องไปจนถึงการร่วมถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์

นายชุมพร พารา ผู้อำนวยการกองสื่อสารองค์กร มข.กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีมติจัดทำโปสการ์ดหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ขนาด 14.8x10.5 ซม.หรือประมาณ1/4 ของกระดาษ A4 สี่สีสองหน้า ด้านหน้าจะเป็นภาพของหลวงพ่อคูณในกรอบฉลุลายไม้ที่สวยงาม ขณะที่ด้านหลังจะเป็นบทกลอนกราบอาลัยพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ในพระเมตตาอุทิศสรีระกายา เป็นวิทยาทานแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งประพันธ์โดย ผศ.อนงค์ ร่งแจ้ง อาจารย์คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข.

โดยจัดทำขึ้นเพียง 50,000 ใบเท่านั้นเพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมากราบสรีระสังขารได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ร่วมไว้อาลัยต่อการละสังขารของหลวงพ่อคูณ คาดว่าโปสการ์ดดังกล่าวจะเริ่มแจกจ่ายได้ในวันนี้ (20 พ.ค.)

ด้าน รศ.นพ.ชาญชัย พานทอง วิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข.ระบุว่า ขณะนี้ได้เริ่มมีคนบางกลุ่มนำเอาดอกไม้เข้ามาจำหน่ายภายในบริเวณสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศล โดยอ้างว่าจะนำเงินรายได้บริจาคให้กับทางคณะแพทย์ โดยได้กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น

**เพิ่มดอกบัวกราบสรีระ 1.5 หมื่นดอก/วัน

เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร.เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ พร้อมทั้งถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ 4 รูปจากวัดศรีนวล จ.ขอนแก่น ที่สวดมาติกาบังสุกุลท่ามกลางบรรดาพุทธศาสนิกชนจากทั่วทั้งประเทศ ที่ทยอยเดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

สำหรับบรรยากาศโดยรวมประชาชนที่เดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณในวันนี้มีมากกว่า 2 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อาศัยรับประทานอาหารและน้ำจากโรงทานที่มีผู้มีจิตศรัทธานำมาให้บริการบริเวณชั้น 1 ของศูนย์ประชุมฯที่มีมากกว่า 100 ราย ขณะที่การให้บริการดอกไม้ ดอกบัวและพวงมาลัยสำหรับนำไปกราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณนั้นมหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะแพทยศาสตร์ ได้เร่งจัดหาดอกบัวเพิ่มเติมจากเดิม 2 วันที่ผ่านมาจะอยู่ที่วันละ 10,000 ดอก แต่ตั้งแต่วันนี้ไปจะเพิ่มเป็น 15,000 ดอก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ทั้งนี้ จะใช้ในการหมุนเวียนแจกประมาณ 7 รอบ โดยมีนักศึกษาแพทย์ทุกชั้นปีรวมทั้งนักศึกษาจากคณะต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องดอกบัว ดอกไม้และพวงมาลัยทั้งหมด โดยเฉพาะกับการรองรับญาติธรรมจากจ.นครราชสีมา ที่จะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมในช่วงค่ำวันนี้ โดยเดินทางด้วยรถบัสโดยสารรวมกว่า 80 คัน

**เผยตัวเลขยอดเงินบริจาคเฉียด 4 ล้านบาท

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข.กล่าวว่า ได้เสริมเก้าอี้บริเวณด้านข้างเพื่อรองรับประชาชน ที่ทยอยเดินทางมาร่วมในงานบำเพ็ญกุศลตลอดทั้งวัน พร้อมทั้งการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับจอดรถเพิ่มอีก 3 จุด ประกอบด้วยฝั่งตะวันออกของศูนย์ประชุม ที่คณะศึกษาศาสตร์ และอุทยานเกษตร พร้อมทั้งการตั้งหน่วยแพทย์ 3 จุดเพื่อให้บริการประชาชน จุดแรกที่บริเวณทางเข้าบริเวณงานฯและที่บริเวณด้านข้างปะรำพิธีฯหรือทางออกด้านซ้ายและด้านขวา โดยขณะนี้ได้ให้บริการผู้ป่วยไปแล้ว 160 รายในจำนวนนี้ 2 รายต้องนำตัวส่งต่อการรักษาไปยัง โรงพยาบสาลศรีนครินทร์

นอกจากนี้ ยังได้มีการประกาศแจ้งเตือนในเรื่องของการแต่งกายที่สุภาพโดยเฉพาะการห้ามใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้นเข้ามาภายในบริเวณงานเด็ดขาด เพื่อเป็นการเคารพต่อสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ รวมไปถึงการเฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจจะแฝงตัวเข้ามาก้อเหตุในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงของการยืนรอต่อแถวกราบสรีระสังขาร อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยอดเงินบริจาคจากการหยอดตู้บริจาคและการตั้งโต๊ะบริจาคตามคำสั่งเสียในพินัยกรรมนั้น ยอด ณ วันที่ 18 พ.ค.2558 มียอดรวม 3,746,490 บาท

**"แอ๊ด คาราบาว"โผล่กราบสังขารลพ.คูณ

เวลา 14.00 น. พระสงฆ์จากจังหวัดนครราชสีมา พร้อมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 300 รูป และประชาชนประมาณ 2,000 คนร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมรอบพิเศษ โดยมีพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายมหานิกาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระภิกษุจากจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประชาชนจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางมากราบสักการะไม่ขาดสาย

ก่อนเริ่มสวดพระอภิธรรมศพรอบพิเศษช่วงเวลา 13.30 น.นายยืนยง โอภากุล หรือ "แอ๊ด คาราบาว" ได้เดินทางมาสักการะสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ภายในหอประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า หลังทราบว่าหลวงพ่อคูณ ละสังขารแล้วรู้สึกเสียใจ ตั้งใจเดินทางมากราบ เมื่อว่างเว้นจากงานแล้วจึงรีบเดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ก่อนที่จะเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ต ที่ จ.มหาสารคาม

"เราได้เห็นคุณงามความดีที่หลวงพ่อคูณท่านทำต่อสังคม ไม่ใช่เฉพาะทางพุทธศาสนาเท่านั้น แม้แต่เรื่องของการรักษาพยาบาล ก่อนที่ท่านจะละสังขารไป ท่านได้เขียนพินัยกรรม ที่ถือเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ ที่ท่านทำเพื่อความเมตตาธรรม มุ่งหมายให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมากราบลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนจะแต่งเพลงให้หลวงพ่อหรือไม่นั้น คงไม่ทำแล้ว ที่แต่งไปถือว่าสุดยอดแล้ว"
กำลังโหลดความคิดเห็น