เอเจนซีส์/เอเอฟฟี-เนปาลสรุปยอดผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหวรอบ 2 เสียชีวิต 68 ราย บาดเจ็บ 1,261 คน เผยเฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ หายไป 1 ลำระหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือ พบปาฎิหาริย์เกิดอีก แม่ชาวเนปาลคลอดทารกเพศหญิงช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวรอบ 2 เผยทั้งแม่และลูกปลอดภัย ด้านญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวด้วย รุนแรง 6.8 นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิ
ความคืบหน้าหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เนปาลเป็นครั้งที่ 2 ระดับ 7.3 แมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 15 กิโลเมตร (กม.) อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียง 76 กม. และจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อก ความรุนแรง 6.3 แมกนิจูด ในพื้นที่เดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความเสียหายเพิ่มเติมแก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า ขณะนี้พบจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 68 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 1,261 คน และทางการเนปาลกำลังค้นหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
โดยแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 นี้ แม้จะเบากว่าครั้งแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สร้างความเสียหาย เพราะยังพบผู้เสียชีวิตจากการถูกตึกถล่มทับ แต่จำนวนไม่มากเท่ากับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่ได้พังทลายมาก่อนหน้านี้แล้ว และยังพบว่า ชาวกรุงกาฐมาณฑุและพื้นที่อื่นๆ ตัดสินใจอาศัยอยู่ภายในเต็นท์กลางแจ้งต่อไป เพราะบ้านของตัวเองได้พังถล่มมาก่อนหน้านี้ และหลายคนเกรงกลัวว่าจะเกิดปัญหาการถล่มซ้ำ หากเกิดแผ่นดินไหวอีก
***เฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ หาย 1 ลำ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานคำพูดของนาวาเอก คริส ซิมส์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ออกมายืนยันว่า มีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมสนับสนุนในปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ในเนปาล หายไป 1 ลำ
ขณะที่พันเอก สตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวเป็นรุ่น UH-1 Huey หายไปพร้อมนาวิกโยธิน 6 นาย และเจ้าหน้าที่ของเนปาลอีก 2 คน โดยยังไม่ทราบชะตากรรมของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้
***แม่ชาวเนปาลคลอดลูกช่วงแผ่นดินไหว
เดลีเมล์ รายงานว่า ในระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา อาชา เชรสธา หญิงชาวเนปาลวัย 29ปี ได้ให้กำเนิดบุตรสาวในระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวเขย่าตัวโรงพยาบาลปราชูตี กรีฮา ที่เธอเข้ารับการรักษาตัว ซึ่งในขณะเกิดเหตุเธอได้แต่มองกำแพงที่เริ่มมีรอบแยกในแผนกสูตินรีในโรงพยาบาลกรุงกาฐมาณฑุ และในระหว่างนั้นผู้ป่วยคนอื่นๆ ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างหนีเอาตัวรอดอย่างโกลาหล แต่ทว่าญาติของเชรสธาได้อุ้มคุณแม่ชาวเนปาลวัย 29 อพยพออกไปด้านนอกที่มีเต็นท์รองรับ และในอีก 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น เชรสธาได้ให้กำเนิดลูกสาวภายในห้องฉุกเฉิน และนอนเคียงข้างบุตรสาวแรกคลอดพร้อมกับคุณแม่ชาวเนปาลรายอื่นๆ บริเวณโถงทางเดิน
ส่วนบาราต เชรสธา วัย 38 ปี ผู้เป็นสามีที่รออยู่บริเวณประตูใหญ่ของโรงพยาบาลในขณะเกิดเหตุ ได้กล่าวแสดงความรู้สึกว่า "ผมรู้สึกเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวบ้างภายในนั้น"
ทั้งนี้ สื่ออังกฤษรายงานว่า ทารกเพศหญิงแรกคลอดที่ถือกำเนิดในขณะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรอบใหม่ของเนปาลนี้ เป็นสมาชิกคนที่ 3 ของครอบครัว ซึ่งในระหว่างนี้ลูกสาว 2 คนโต พักอยู่ที่เพิงภายในบริเวณใกล้กับบ้านพักที่สร้างจากโคลนของพวกเขาในสวยัมภู ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเกิดแผ่นดินไหวในรอบแรก
มีรายงานว่า ทารกหญิงแรกคลอดของเชรสธาปลอดภัย และแข็งแรง รวมไปถึงเชรสธารู้สึกดีใจที่จะมีบุตรสาวเพิ่ม แต่ยังอดวิตกถึงอนาคตไม่ได้ เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะบ้านพังหลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก ขณะที่บาราตตั้งคำถามว่า จะตั้งชื่อลูกว่าอย่างไร หลังถือกำเนิดมาในช่วงแผ่นดินไหวใหญ่
***ญี่ปุ่นไหว 6.8 ไม่เกิดสึนามิ
วานนี้ (13 พ.ค.) ได้เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นรุนแรงระดับ 6.8 โดยเกิดขึ้นในเวลา 06.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 04.12 น.) ในมหาสมุทรแปซฟิก นอกชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ณ ความลึก 38.9 กิโลเมตร
สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางห่างจากโอฟูนาโตะ เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ราว 33 กิโลเมตร
เบื้องต้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแดนปลาดิบ ชี้แจงว่า ไม่มีภัยคุกคามของสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
ขณะที่ เอ็นเอชเค สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของญี่ป่น รายงานว่า แผ่นดินไหวไม่ได้ก่อความเสียหายแก่เตาปฏิกรณ์ไหนๆ ในพื้นที่ รวมถึงเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ขณะที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดของญี่ปุ่นถูกปิดใช้งานมาตั้งแต่เกิดหายนะที่ฟูกูชิมะ
เจ้าหน้าที่เผยว่า ขบวนรถไฟท้องถิ่นที่ในนั้นรวมถึงรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น ต้องระงับให้บริการชั่วคราวตามหลังแผ่นดินไหว
ความคืบหน้าหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เนปาลเป็นครั้งที่ 2 ระดับ 7.3 แมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 15 กิโลเมตร (กม.) อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียง 76 กม. และจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อก ความรุนแรง 6.3 แมกนิจูด ในพื้นที่เดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความเสียหายเพิ่มเติมแก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า ขณะนี้พบจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 68 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 1,261 คน และทางการเนปาลกำลังค้นหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
โดยแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 นี้ แม้จะเบากว่าครั้งแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สร้างความเสียหาย เพราะยังพบผู้เสียชีวิตจากการถูกตึกถล่มทับ แต่จำนวนไม่มากเท่ากับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่ได้พังทลายมาก่อนหน้านี้แล้ว และยังพบว่า ชาวกรุงกาฐมาณฑุและพื้นที่อื่นๆ ตัดสินใจอาศัยอยู่ภายในเต็นท์กลางแจ้งต่อไป เพราะบ้านของตัวเองได้พังถล่มมาก่อนหน้านี้ และหลายคนเกรงกลัวว่าจะเกิดปัญหาการถล่มซ้ำ หากเกิดแผ่นดินไหวอีก
***เฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ หาย 1 ลำ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานคำพูดของนาวาเอก คริส ซิมส์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ออกมายืนยันว่า มีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมสนับสนุนในปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ในเนปาล หายไป 1 ลำ
ขณะที่พันเอก สตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวเป็นรุ่น UH-1 Huey หายไปพร้อมนาวิกโยธิน 6 นาย และเจ้าหน้าที่ของเนปาลอีก 2 คน โดยยังไม่ทราบชะตากรรมของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้
***แม่ชาวเนปาลคลอดลูกช่วงแผ่นดินไหว
เดลีเมล์ รายงานว่า ในระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา อาชา เชรสธา หญิงชาวเนปาลวัย 29ปี ได้ให้กำเนิดบุตรสาวในระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวเขย่าตัวโรงพยาบาลปราชูตี กรีฮา ที่เธอเข้ารับการรักษาตัว ซึ่งในขณะเกิดเหตุเธอได้แต่มองกำแพงที่เริ่มมีรอบแยกในแผนกสูตินรีในโรงพยาบาลกรุงกาฐมาณฑุ และในระหว่างนั้นผู้ป่วยคนอื่นๆ ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างหนีเอาตัวรอดอย่างโกลาหล แต่ทว่าญาติของเชรสธาได้อุ้มคุณแม่ชาวเนปาลวัย 29 อพยพออกไปด้านนอกที่มีเต็นท์รองรับ และในอีก 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น เชรสธาได้ให้กำเนิดลูกสาวภายในห้องฉุกเฉิน และนอนเคียงข้างบุตรสาวแรกคลอดพร้อมกับคุณแม่ชาวเนปาลรายอื่นๆ บริเวณโถงทางเดิน
ส่วนบาราต เชรสธา วัย 38 ปี ผู้เป็นสามีที่รออยู่บริเวณประตูใหญ่ของโรงพยาบาลในขณะเกิดเหตุ ได้กล่าวแสดงความรู้สึกว่า "ผมรู้สึกเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวบ้างภายในนั้น"
ทั้งนี้ สื่ออังกฤษรายงานว่า ทารกเพศหญิงแรกคลอดที่ถือกำเนิดในขณะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรอบใหม่ของเนปาลนี้ เป็นสมาชิกคนที่ 3 ของครอบครัว ซึ่งในระหว่างนี้ลูกสาว 2 คนโต พักอยู่ที่เพิงภายในบริเวณใกล้กับบ้านพักที่สร้างจากโคลนของพวกเขาในสวยัมภู ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเกิดแผ่นดินไหวในรอบแรก
มีรายงานว่า ทารกหญิงแรกคลอดของเชรสธาปลอดภัย และแข็งแรง รวมไปถึงเชรสธารู้สึกดีใจที่จะมีบุตรสาวเพิ่ม แต่ยังอดวิตกถึงอนาคตไม่ได้ เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะบ้านพังหลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก ขณะที่บาราตตั้งคำถามว่า จะตั้งชื่อลูกว่าอย่างไร หลังถือกำเนิดมาในช่วงแผ่นดินไหวใหญ่
***ญี่ปุ่นไหว 6.8 ไม่เกิดสึนามิ
วานนี้ (13 พ.ค.) ได้เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นรุนแรงระดับ 6.8 โดยเกิดขึ้นในเวลา 06.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 04.12 น.) ในมหาสมุทรแปซฟิก นอกชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ณ ความลึก 38.9 กิโลเมตร
สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางห่างจากโอฟูนาโตะ เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ราว 33 กิโลเมตร
เบื้องต้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแดนปลาดิบ ชี้แจงว่า ไม่มีภัยคุกคามของสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
ขณะที่ เอ็นเอชเค สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของญี่ป่น รายงานว่า แผ่นดินไหวไม่ได้ก่อความเสียหายแก่เตาปฏิกรณ์ไหนๆ ในพื้นที่ รวมถึงเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ขณะที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดของญี่ปุ่นถูกปิดใช้งานมาตั้งแต่เกิดหายนะที่ฟูกูชิมะ
เจ้าหน้าที่เผยว่า ขบวนรถไฟท้องถิ่นที่ในนั้นรวมถึงรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น ต้องระงับให้บริการชั่วคราวตามหลังแผ่นดินไหว