xs
xsm
sm
md
lg

‘ไร้จิตสำนึกด้านดี’ คือปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์

เห็นนักแต่งรัฐธรรมนูญยังถกเถียงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วคงมีหลายคนรู้สึกตลกปนเศร้าพิลึก อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า “funny sad” นั่นแหละ

กะอีแค่จะมีประชามติมั้ย ประชามติบางมาตราหรือทั้งฉบับ ประชามติก่อนหรือหลังเลือกตั้ง ก็ยังเถียงกันหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะมีความหลากหลายมิติของปัญหา เช่นความหมั่นไส้ การไม่ยอมรับเนื้อหาประเด็นเรื่องนายกฯ คนนอก ส.ว.เลือกตั้ง ลากตั้ง

ประเทศไทยมีประสบการณ์การเมืองไม่น้อยหน้าใคร มีจำนวนรัฐธรรมนูญมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พอๆ กับความถี่ของการรัฐประหาร ทั้ง 2 กรณีน่าจะอยู่ในระดับ 3-4 เท่านั้น แม้กระนั้น ไม่เคยจดจำบทเรียน ทำให้ติดกับดักของวงจรอุบาทว์

มีรัฐธรรมนูญมากกว่า 10 ฉบับ ก็ยังหาฉบับที่เหมาะกับประเทศไทยไม่ได้ ถึงหาได้ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดรับประกันว่าจะไม่โดนฉีกทิ้งเพราะการรัฐประหาร และนักรัฐประหารไม่เคยรับประกันว่าทำแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นแบบยั่งยืน มีแต่พวกบ้าอำนาจ

บางยุคดันมีพวกขี้คุยเฟื่อง ให้สัญญาสารพัด เสร็จแล้วจัดในกลุ่ม “รัฐประหารแล้วรวย” แถมยังหลอกตัวเองแบบให้อภัยไม่ได้ว่าสิ่งที่ล้มรัฐบาลนั้นคือการ “ปฏิวัติ” และคำว่า “รัฐประหาร” เป็นคำแสลงหู เพราะเป็นการ “ประหารรัฐ” หรือกบฎนั่นเอง

ต่อให้มีรัฐธรรมนูญอีกหลายสิบฉบับ การรัฐประหารหรือปฏิวัติกำมะลออีกกี่ครั้ง การเมืองไทยก็ไม่ก้าวไปไหน เพราะคนในวงการที่เกี่ยวข้องมีปัญหาจิตสำนึกบกพร่องอย่างรุนแรงเรื้อรัง หน้าด้าน จ้องหาช่องทางโกงกิน มีแนวคิดชั่วร้ายของอาชญากร

มีนักการเมือง หรือผู้รับผิดชอบบ้านเมืองสักกี่รายที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบ ห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาหากินของประชาชน เห็นแต่พวกเก่งแต่คุยโม้โอ้อวด ไม่ต่างจากพวก 18 มงกุฎ นักต้มตุ๋น มือถือสากปากถือศีล เป็นผีบุญการเมืองร้ายกว่าผีปอบ

รัฐประหาร มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็แล้ว พฤติกรรมนักการเมืองไม่เคยเปลี่ยน สืบทอดมรดกแนวทายาทอสูร ที่เห็นแตกต่างคือยกระดับการโกงจาก 5-10 เปอร์เซ็นต์เป็น 35-40 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า นักการเมืองเสี่ยงโกงกินคำโตแล้วโอกาสติดคุกมีน้อย

เค้าว่าคุก ตะรางมีไว้สำหรับขังคนจนกับคนไม่มีเส้นสายเท่านั้น เห็นท่าจะจริง!

ยังไม่เห็นนักการเมืองตัวเป้งๆ ติดคุกสักราย มีแต่พวกหนีคุกไปเสวยสุขในต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายเห็นคำพิพากษา หมายจับของศาลไม่มีความหมาย ไม่ใส่ใจติดตามจับกุม ปล่อยให้อยู่สบายวางแผนบ่อนทำลายบ้านเกิด

รัฐธรรมนูญไม่ใช่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ แก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ ถ้าเป็นของสูงจะถูกฉีกซ้ำซากเรอะ! ตราบใดที่คนยังไม่เคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน บ้านเมืองก็วังเวง ทุกวันนี้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ภาวะแวดล้อมทำให้เราเป็น “คนป่วยเรื้อรัง”

โธ่! ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย แต่จมอยู่ในบรรยากาศไร้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิด การแสดงออก ขณะเดียวกันเร่งออกกฎหมายควบคุมการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกด้านสิทธิเสรีภาพ การชุมนุม การเดินขบวน สื่อถูกคุมเข้ม

ไหนๆ เราจะอยู่ในสังคมอาเซียนแล้ว ทำไมไม่เหลียวมองเพื่อนบ้านดูบ้างว่าประเทศไหนมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญบ้าง เอาแบบภูมิภาคนี้แหละ ไม่ต้องไม่เสาะหาเยอรมันโมเดล หรืออะไรจากประเทศตะวันตก เราไม่ควรเป็นเหมือนฝรั่งสวมชฎา

เราชอบหมิ่นแคลนเพื่อนบ้าน ทุกวันนี้ยังหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ และไม่รู้สึกอายในสิ่งที่เขาทำดีกว่าเรา เป็นเพียงเพราะเราไม่ทำเพราะมุ่งแต่โกงกินลืมอาย ใครไปประชุมที่มาเลเซีย ไม่รู้สึกอายบ้างเรอะที่สภาพถนนของเขาดีกว่าในบ้านเราเยอะ

อย่าไปสะเออะทาบกับถนนในสิงคโปร์เลย ยิ่งเรื่องการโกงกินยิ่งคนละโลก! เรามัวแต่ฝังจิตฝังใจเรื่องเกียรติยศ ศักดิศรี ทั้งๆ ที่มีแต่ความกลวง ลวงตัวเอง การเมืองไร้ทิศทางออกจนต้องอยู่ไต้อำนาจเผด็จการ ยังไม่รู้ว่าสภาวะไร้เสรีภาพจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

มากกว่า 4 เดือนที่เศรษฐกิจของบ้านเราอยู่ในสภาวะเงินฝืดเพราะอัตราเงินเฟ้อติดลบตั้งแต่ต้นปี แต่ยังปากแข็งปลอบใจตัวเอง เป่าหูปั่นหัวชาวบ้านว่ายังไม่ร้ายแรง

โครงสร้างการเมืองยังรอการปฏิรูป กำหนดกติกาใหม่เพื่อป้องกันปัญหาเดิมๆ ไม่ให้นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า สุมหัวกันโกงกินสบายๆ ผู้รักษากฎหมายนิ่งเฉย ชาวบ้านระดับรากหญ้า พ่อค้า แม่ค้ารายย่อยอยู่ไปวันๆ มองไม่เห็นอนาคต

ช่วงนี้มีบรรยากาศเริ่มเข้มข้น เกิดกระแสต่อต้าน รณรงค์ให้เลิกเข้าร้านสะดวกซื้อ สะดวกโกยช่วงวันที่ 7-11 เพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าอย่าหน้าเลือดเอาเปรียบประชาชน ผู้ค้ารายย่อยจนเห็นแต่ความโลภไร้ขอบเขต โดยใช้ระบบทุนสามานย์ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

เห็นอิทธิพลของเครือข่ายโซเชียลมีเดียแล้ว ลูกน้องเจ้าสัวรีบออกมาประกาศว่า พวกร้านเนียนสโตร์สะดวกโกยนั้นกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพวก “สมี” หรือ SMEs พวกพ่อค้ารายย่อยนะ เค้าจะลำบากถ้าไปคว่ำบาตร ในความเป็นจริงพวกนี้คือเหยื่ออีกประเภทหนึ่ง

พวก “สมี” เจ้าของร้านสะดวกซื้อสะดวกโกยนั้นคือพวกต้องลงทุนมาก กำไรน้อย เพื่อป้อนรายใด้ให้เจ้าสัวได้อ้วนอิ่ม มีพลังขยายเครือข่าย ผลิตสินค้าแข่งกับร้านลูกข่ายต่อไป จนมีเสียงประนามว่าพฤติกรรมน่ารังเกียจ ไร้จริยธรรม คุณธรรม เอาเปรียบสังคม

“เทสโก” ห้างฝรั่งจากอังกฤษกลัวโดนต่อต้านไปด้วย รีบออกมาอธิบายว่ายังไม่ได้ขายให้เจ้าสัวตามที่มีเสียงร่ำลือ แสดงว่าห้างฝรั่งกลัวชื่อเสียงเหม็นเน่าเป็นที่เกลียดชัง ทั้งๆ ที่ห้างนี้แหละแพร่พันธุ์ไปทั่วประเทศ ทำให้ร้านค้ารายย่อยล้มหายตายจากไปเยอะ

การต่อต้าน คว่ำบาตรร้านค้าในบ้านเราไม่เคยได้ผล เพราะคนยังอยากสะดวก พ่อค้า เจ้าสัวก็รู้ ไม่สนใจจริงจัง รู้ว่าเป็นเพียง “กระแส” ชั่วคราว ร้ายกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว

ปัดโธ่! ถ้ามัวกังวลเรื่องบาปบุญคุณโทษ จะเลี้ยงหมู ไก่ ปลา เอาไว้ฆ่าป้อนตลาดตอบสนองผู้บริโภคเรอะ! ชาวบ้านอยากกินไข่ไก่ราคาถูก ยังมีตัวช่วยห้ามนำเข้าแม่พันธุ์ไก่ไข่ป้องกันไม่ให้ไข่ล้นตลาด ชาวบ้านได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่นึกว่าจะมีรัฐบาลพรรค์นี้

ใครชักชวนให้มองโลกสวยอย่างไร ยังมองไม่เห็นว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ปัญหาเก่าทั้งภายใน ภายนอก ยังไม่ทันแก้ไขดันมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดซ้ำซาก

ใครอ่านแล้วโปรดอย่าย้อน “เอ็งดีแต่ว่าเค้า มีทางออกอะไรบอกมาซิว่ะ” ข้าพเจ้าขอตอบเพียงแต่ว่า “ข้าพเจ้าไม่มีหน้าที่แก้ปัญหาที่ข้าพเจ้าไม่ได้ก่อ ใครมีหน้าที่หรือคุยโม้โอ้อวดโปรดแสดงฝีมือสติปัญญาให้เต็มที่” ถ้าทำสุดฝีมือแล้วไม่ดีขึ้น ก็ออกไปซะ!

อย่าลอยหน้าลอยตา อยู่ให้เปลืองน้ำเปลืองลม กินเงินภาษีชาวบ้านไม่รู้สึกอาย



กำลังโหลดความคิดเห็น