ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
เพิ่งรู้ว่า ได้รับเกียรติจาก “ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป(ศปป.)” เชิญให้เป็น 1 ใน 83 คน เข้าร่วมประชุม เพื่อแสดงความคิดเห็นแนวทางการสร้างความปรองดอง ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรกองทัพบก เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา
หนังสือของ ศปป.ที่ส่งมาถึงก่อนหน้าเพียงวันเดียว ให้ความสำคัญกับผู้ได้รับเชิญอย่างมาก โดยระบุว่า ท่านเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มคนในสังคม จึงเชิญเข้าร่วมประชุม
นายจตุพร พรหมพันธ์และแกนนำคนเสื้อแดงอื่นๆ นายจาตุรนต์ ฉายแสงและแกนนำพรรคเพื่อไทยคนอื่นๆ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์คนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 38 คนที่ตอบรับคำเชิญ ก็ได้รับหนังสือที่มีเนื้อหาเดียวกัน
83รายชื่อที่ถูกคัดสรรให้เข้าไปนั่งเผชิญหน้า ถกแนวคิดการสร้างความปรองดองกัน ในสายตาของ ศปป.จึงมีฐานะเสมอกัน โดยเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเหมือนกัน และเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มคนในสังคมเหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มแต่ละคนคือ ความคิดและพฤติกรรม และความแตกต่างตรงจุดนี้ ทำให้ผมกลายเป็น 1 ใน 45 คนที่ไม่ได้ตอบรับคำเชิญ โดยไม่ได้ติดธุระปะปังที่ไหน
ในบรรดาคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ในเครือเอเอสทีวี ในบรรดาผู้ดำเนินรายการในสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ผมเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกจิ้มให้ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นหาแนวทางปรองดอง ซึ่งต้องขอขอบคุณ ศปป.มา ณ โอกาสนี้
ส่วนสาเหตุที่ไม่เดินทางไปตามคำเชิญ ไม่ได้เป็นเพราะมีทัศนะแอนตี้ ต่อต้านนโยบายการสร้างความปรองดองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แต่เป็นเพราะนโยบายของคสช. สวนทางกับหลักยึดและจุดยืนส่วนตัวที่รักษาไว้ และได้แสดงเจตนารมณ์สู่สาธารณะมานานแล้วว่า จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับคนเลวและคนชั่ว ไม่ว่ากรณีใดๆ
และยืนยันเสมอว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งทางแนวคิดทางการเมือง แต่เกิดจากปัญหาระหว่างความดีกับความชั่ว และเกิดจากคนเลวเพียงบางกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
แกนนำคนเสื้อแดง แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นคนชั่วคนเลวหรือเปล่า ไม่อาจระบุได้ แต่ไม่น่าจะเป็นคนดี เพราะคนที่ก้มหัวยอมเป็นขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยมีคนดี หรือถ้าจะมีใครเถียงแทน ช่วยยกตัวอย่างมาให้เห็นสักคนได้ไหม
นายอภิสิทธิ์ซึ่งถูกกลุ่มคนเสื้อแดงไล่ฆ่าในปี 2552 ถูกแกนนำคนเสื้อแดงปลุกระดมให้ตามรังควาน ตามคุกคามข่มขู่ ถึงขนาดนำระเบิดไปถล่มบ้าน และนำแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมวง พูดจาภาษาดอกไม้ในแนวทางปรองดองกับนายจตุพรและแกนนำคนเสื้อแดงอื่นๆ ก็เชิญตามสบาย
เพราะสังคมรู้อยู่แล้ว นายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองเต็มตัว เรื่องบางเรื่อง พฤติกรรมบางอย่าง คนหลายคนทำไม่ได้ แต่นายอภิสิทธิ์กลับทำได้ เช่นการร่วมวงสนทนากับสมุน พ.ต.ท.ทักษิณที่รับคำบงการให้มาทำลายล้างตัวเอง
อีกประเด็นที่ไม่ตอบรับคำเชิญของ ศปป. เพราะไม่เชื่อว่า ความปรองดองสมานฉันท์จะเกิดขึ้นได้จริง โดยรู้กันอยู่แก่ใจว่า แกนนำคนเสื้อแดง แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงกลุ่มคนที่รับคำบัญชาจาก พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
ฐานะการเป็นผู้นำมวลชน ก็เป็นตำแหน่งที่สถาปนากันขึ้นมาเอง ส่วนฐานะการเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย ถูกกำหนดโดย พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่หรือ และจะคุยอะไรกับพวกขี้ข้า
ถึงแม้แกนนำคนเสื้อแดง แกนนำพรรคเพื่อไทยจะตกปากรับคำ ร่วมสร้างความปรองดอง แต่ถ้า คสช.หมดอำนาจ ถ้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นอายุไขเมื่อไหร่ ก็มีคำถามว่า คนพวกนี้ยังคิดจะปรองดองอยู่หรือไม่
และการตอบรับคำเชิญ ร่วมยกโขยงมาถกแนวทางปรองดองนั้น มากันด้วยใจจริง หรือมากันเพื่อสร้างภาพ ลวงให้ คสช.ตายใจ ทำเป็นแกล้งตายหรือไม่
ต้องขอยืนยันหลักคิดอีกครั้ง ไม่ได้ต่อต้านนโยบายสร้างความปรองดอง และแม้จะไม่เชื่อว่า คสช.จะสามารถสร้างความปรองดองกับเหล่าลูกสมุนขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณได้ แต่ก็เอาใจช่วยศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปอยู่เอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ให้สามารถปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมบรรดาสมุนขี้ข้า “ทักษิณ” สำเร็จ
เพราะถ้าความคิดและพฤติกรรมไม่เปลี่ยน ความพยายามสร้างความสมานฉันท์จะเป็นการสูญเปล่า การเชิญร่วมวงปรองดอง จะกลายเป็นเวทีปาหี่ การชวนแกนนำคนเสื้อแดงและแกนนำพรรคเพื่อไทยมาสร้างสันติ จะกลายเป็นเรื่องตลกที่ชาวบ้านไม่ยินดีจะขำด้วย
ยังไงก็ตาม ขอให้พล.อ.ประยุทธ์อย่าท้อ และเดินหน้าต่อไป
เพียงแต่ขอเตือนว่า การนำแกนนำคนเสื้อแดง แกนนำพรรคเพื่อไทยมาทำสัญญาปรองดองอย่างจริงจังนั้น ยากพอๆ กับการขอร้องให้มวลมหาประชาชนร่วมเวทีปรองดองกับสมุนขี้ข้า “ทักษิณ”
คนดีๆ จะทำใจร่วมสังฆกรรมกับคนเผาบ้านเผาเมืองได้หรือ คำถามมีเท่านี้แหละ