ASTVผู้จัดการรายวัน-รวบอีก 1 เครือข่ายยูฟันคาด่านไทย-ลาว อ้างไม่หลบหนีแค่จะไปเที่ยว ตำรวจเผย “ณมนพรรณ์” มีอำนาจลงนามในบริษัทเพียงผู้เดียว โอนเงินหลักร้อยล้านช่วง 6 เดือนหลัง จ่อขายทรัพย์สินเยียวยาผู้เสียหาย ด้าน “บิ๊กยูฟัน” โพสต์ยูทูป โอดคนใส่ร้ายแจ้งเจ้าหน้าที่ไทยจนเป็นเรื่อง ยันไม่มีเจตนาหลอกลวงสมาชิก ไม่คิดปิดกิจการหนีเรื่องฉาว
วานนี้ (16 เม.ย.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.จว.หนองคาย นำกำลังจับกุม น.ส.ณมนพรรณ์ ธาราบัณฑิต อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3173 ซอยพหลโยธิน 69/1 เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 740/2558 ฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังได้รับรายงานว่า น.ส.ณมนพรรณ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในพื้นที่ จ.หนองคาย และกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงได้วางกำลังเฝ้าติดตาม กระทั่งพบ น.ส.ณมนพรรณ์ ขับรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 3 กผ 1520 กรุงเทพมหานคร มาพร้อมกับเพื่อนชายและเพื่อนหญิง รวม 3 คน ผ่านมายังด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 และได้เข้ายื่นหนังสือเดินทางขออนุญาตข้ามไปยังประเทศลาว เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุม และควบคุมตัวเพื่อนไว้เป็นพยาน
จากการตรวจค้นบนรถตู้คันดังกล่าว พบกระเป๋าสัมภาระหลายใบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ณมนพรรณ์ รับสารภาพอ้างว่า มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท ยูฟันฯ จริง โดยได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจไปประมาณ 1 ล้านบาท และได้ทุนคืนหมดแล้ว ระหว่างนั้นก็ได้หาลูกข่ายไปเรื่อยๆ จนเมื่อเดือน ต.ค.2557 เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบความผิดปกติของบริษัท จึงพยายามจะถอนตัวออกมา และได้บอกให้ลูกข่ายหยุดร่วมธุรกิจด้วย ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าถูกหมายจับ และการเดินทางมาครั้งนี้ตนได้ชวนเพื่อเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ประเทศลาวเท่านั้น ไม่ได้จะหลบหนีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำตัว น.ส.ณมนพรรณ์ ไปลงบันทึกการจับกุมที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ก่อนส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่กรุงเทพมหานครต่อไป
พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า น.ส.ณมนพรรณ์ มีอำนาจลงนามในบริษัทเพียงผู้เดียวและพบพฤติการณ์โอนเงินจากบริษัทยูฟันฯ ไปยังบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยหลายบริษัท จำนวน 80 ครั้ง มูลค่า 116 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันจากการสืบสวนพบว่า นายอาทิตย์ ปานแก้ว 1 ในผู้บริหารบริษัทยูฟันฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีเบื้องต้นหนีไปที่ประเทศเวียดนาม โดยพบว่าเป็นบุคคลสองสัญชาติ คือ เป็นคนสัญชาติมาเลเซีย และมาปลอมบัตรเป็นคนไทย เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทยูฟันฯ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายอาทิตย์ เคยถูกดำเนินคดีปลอมสินค้า และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ และอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี
สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหาย รวม 110,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท และศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีทั้งสิ้น 12 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 5 คน รวม น.ส.ณมนพรรณ์เป็นรายล่าสุด
“ได้กำชับให้กองการต่างประเทศเร่งส่งหมายจับผู้ต้องหาไปยังประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีเพื่อประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดนและให้ ปปง. เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทยูฟันฯที่ถูกโอนไปยังหลายประเทศ” พล.ต.ท.สุวิระ กล่าว
พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ได้นำผู้เชี่ยวชาญมาทำการตรวจสอบทรัพย์สินที่บริษัทยูฟันฯ อีกครั้ง หลังจากนี้จะประเมินราคาทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึด และเตรียมที่จะขายทอดตลาด เพื่อที่จะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้กับประชาชนที่เดือดร้อน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 159/83 ซอยวิภาวดี 62 แยก 2 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ท.อธิวัฒน์ และนางจิราภิมณช์ สุ่นปาน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นได้ทำการยึดรถตู้สีขาว ทะเบียน ฮร 6545 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์ สีขาว ทะเบียน ฆฌ 1125 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์ สีดำ ทะเบียน ฆต 1125 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายดาโต๊ะ เดเนียล เต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทยูฟันฯ ได้โพสต์คลิปวีดีโอผ่านเว็บไซต์ยูทูป แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยระบุว่า มีผู้ไม่หวังดีได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า บริษัทยูฟันฯ เป็นบริษัทหลอกลวง จนกระทั่งมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมยืนยันให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และย้ำถึงสมาชิกขอให้มีความเชื่อมั่นและอย่าได้กังวล เพราะยูฟันฯ จะยังคงอยู่และดำเนินธุรกิจต่อไป และจะทำทุกวิถีทางเพื่อจ่ายเงินให้แก่สมาชิก และยังย้ำต่อว่า จะไม่ปิดกิจการหนี แต่จำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว เพราะอยู่ในกระบวนการสอบสวนของทางการไทย
วานนี้ (16 เม.ย.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.จว.หนองคาย นำกำลังจับกุม น.ส.ณมนพรรณ์ ธาราบัณฑิต อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3173 ซอยพหลโยธิน 69/1 เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 740/2558 ฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังได้รับรายงานว่า น.ส.ณมนพรรณ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในพื้นที่ จ.หนองคาย และกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงได้วางกำลังเฝ้าติดตาม กระทั่งพบ น.ส.ณมนพรรณ์ ขับรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 3 กผ 1520 กรุงเทพมหานคร มาพร้อมกับเพื่อนชายและเพื่อนหญิง รวม 3 คน ผ่านมายังด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 และได้เข้ายื่นหนังสือเดินทางขออนุญาตข้ามไปยังประเทศลาว เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุม และควบคุมตัวเพื่อนไว้เป็นพยาน
จากการตรวจค้นบนรถตู้คันดังกล่าว พบกระเป๋าสัมภาระหลายใบ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ณมนพรรณ์ รับสารภาพอ้างว่า มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท ยูฟันฯ จริง โดยได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจไปประมาณ 1 ล้านบาท และได้ทุนคืนหมดแล้ว ระหว่างนั้นก็ได้หาลูกข่ายไปเรื่อยๆ จนเมื่อเดือน ต.ค.2557 เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบความผิดปกติของบริษัท จึงพยายามจะถอนตัวออกมา และได้บอกให้ลูกข่ายหยุดร่วมธุรกิจด้วย ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าถูกหมายจับ และการเดินทางมาครั้งนี้ตนได้ชวนเพื่อเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ประเทศลาวเท่านั้น ไม่ได้จะหลบหนีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำตัว น.ส.ณมนพรรณ์ ไปลงบันทึกการจับกุมที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ก่อนส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่กรุงเทพมหานครต่อไป
พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า น.ส.ณมนพรรณ์ มีอำนาจลงนามในบริษัทเพียงผู้เดียวและพบพฤติการณ์โอนเงินจากบริษัทยูฟันฯ ไปยังบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยหลายบริษัท จำนวน 80 ครั้ง มูลค่า 116 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันจากการสืบสวนพบว่า นายอาทิตย์ ปานแก้ว 1 ในผู้บริหารบริษัทยูฟันฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีเบื้องต้นหนีไปที่ประเทศเวียดนาม โดยพบว่าเป็นบุคคลสองสัญชาติ คือ เป็นคนสัญชาติมาเลเซีย และมาปลอมบัตรเป็นคนไทย เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทยูฟันฯ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายอาทิตย์ เคยถูกดำเนินคดีปลอมสินค้า และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ และอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี
สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหาย รวม 110,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท และศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีทั้งสิ้น 12 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 5 คน รวม น.ส.ณมนพรรณ์เป็นรายล่าสุด
“ได้กำชับให้กองการต่างประเทศเร่งส่งหมายจับผู้ต้องหาไปยังประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีเพื่อประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดนและให้ ปปง. เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทยูฟันฯที่ถูกโอนไปยังหลายประเทศ” พล.ต.ท.สุวิระ กล่าว
พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ได้นำผู้เชี่ยวชาญมาทำการตรวจสอบทรัพย์สินที่บริษัทยูฟันฯ อีกครั้ง หลังจากนี้จะประเมินราคาทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึด และเตรียมที่จะขายทอดตลาด เพื่อที่จะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้กับประชาชนที่เดือดร้อน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 159/83 ซอยวิภาวดี 62 แยก 2 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ท.อธิวัฒน์ และนางจิราภิมณช์ สุ่นปาน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นได้ทำการยึดรถตู้สีขาว ทะเบียน ฮร 6545 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์ สีขาว ทะเบียน ฆฌ 1125 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์ สีดำ ทะเบียน ฆต 1125 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายดาโต๊ะ เดเนียล เต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทยูฟันฯ ได้โพสต์คลิปวีดีโอผ่านเว็บไซต์ยูทูป แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยระบุว่า มีผู้ไม่หวังดีได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า บริษัทยูฟันฯ เป็นบริษัทหลอกลวง จนกระทั่งมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมยืนยันให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และย้ำถึงสมาชิกขอให้มีความเชื่อมั่นและอย่าได้กังวล เพราะยูฟันฯ จะยังคงอยู่และดำเนินธุรกิจต่อไป และจะทำทุกวิถีทางเพื่อจ่ายเงินให้แก่สมาชิก และยังย้ำต่อว่า จะไม่ปิดกิจการหนี แต่จำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว เพราะอยู่ในกระบวนการสอบสวนของทางการไทย
