ตร.อายัดอาคารพร้อมทรัพย์สิน “บ.ยูฟัน” ย่านบางนา-ตราด ส่ง ปปง.สอบ แจงผู้เสียหายไม่ต้องกังวลถูกฟ้องกลับ เพราะบริษัทถูกดำเนินคดีและออกหมายจับแล้ว ขอให้เข้าแจ้งความโดยด่วนเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ร่วมขบวนการก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ
วานนี้ (13 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในอาคารทำการของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวน 2 อาคาร บริเวณทางคู่ขนาน ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงและเขตบางนา กทม. เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีร่วมกันกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเพิ่มเติม
โดยบริเวณอาคารยูฟัน สโตร์ จำกัด ทั้งสองอาคารเป็นอาคารพาณิชย์สูง 8 ชั้น ประกอบด้วยชั้นที่ 1 เป็นชั้นประชาสัมพันธ์หรือการติดต่อประสานงานต่างๆ รอบบริเวณมีภาพแกะสลักด้วยทองคำจำนวน 6 ภาพ และโมเดลจำลองตัวอาคาร ส่วนชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมบรรยายข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ โดยห้องดังกล่าวสามารถจุผู้ฟังบรรยายได้ประมาณ 200 คน ส่วนชั้นที่ 3 เป็นห้องย่อยคล้ายกับสำนักงานของบุคลาก มีทั้งหมด 7 ห้อง โดยห้องหนึ่งสามารถจุคนได้ประมาณ 7-10 คน ส่วนชั้นที่ 4 จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องประชุม จุคนได้ประมาณ 70-100 คน และห้องที่ 2 เป็นห้องสำหรับนวดสปา และมีห้องละหมาดส่วนตัวด้วย ส่วนชั้นที่ 5 เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สุดในอาคาร สามารถจุคนได้ถึง 840 คน ชั้นที่ 6 เป็นสำนักงานที่ใช้ประกอบการ หรือรวบรวมเอกสารสำคัญต่างๆ ชั้นที่ 7 จะเป็นห้องระดับผู้บริหาร หรือตัวแทนระดับสูง ภายในชั้นนี้จะมีห้องของผู้บริหารขนาดใหญ่จำนวน 2 ห้อง มีโต๊ะรับแขกหนังแท้ มีชุดโซฟากำมะหยี่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของมีค่าอีกหลายรายการ และชั้นที่ 8 เป็นพื้นที่โล่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้มีชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงจุคนได้ประมาณ 200 คน ด้านหลังห้องจะมีห้องเก็บสินค้าต่างๆ ของยูฟัน และประตูทางออกไปลานจอดรถชั้นใต้ดินอีกด้วย
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัท ยูฟัน มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียกับกลุ่มของผู้ร่วมหุ้นต่างๆ โดยมีใจความว่า “อย่าไปหลงเชื่อกับสื่อที่จะให้กลุ่มผู้ร่วมหุ้นเข้าแจ้งความ และให้ร่วมมือกับทางบริษัท กรณีมีผู้ใส่ความว่าเสียผลประโยชน์ ตำรวจจะส่งเรื่องมายังบริษัทเพื่อขอตรวจสอบ บริษัทจะขอตรวจสอบดูจากพอร์ต หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้เสียหาย และในพอร์ตมีกำไรเกิดขึ้น จะถูกดำเนินคดีกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ดังนั้นรบกวนสมาชิกทุกท่านชี้แจงทำความเข้าใจกับองค์กรของท่าน”
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวไม่ต้องกังวงต่อการถูกฟ้องกลับ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีต่อทางบริษัท ยูฟัน และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว โดยสิ่งที่บริษัท ยูฟัน ระบุว่าเป็นบริษัทขายตรงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าไม่เป็นจริง และไม่ได้มีธุรกรรมกับทางสินค้าที่อ้างแต่อย่างใด ขณะนี้มีพี่น้องประชาชนเข้ามาแจ้งความรวมแล้วหลายจังหวัด เช่น จ.สมุทรปราการ จ.นนทบุรี จ. ปทุมธานี จ.ระยอง จ.นครราชสีมา จ.พิจิต จ.สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
สำหรับกรณีนี้มีผู้เสียหายมากที่สุด ลงทุนไปถึง 1,200,000 บาท ส่วนที่น้อยที่สุดคือ 10,000 บาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นหลักแสนบาท ทั้งนี้ ในส่วนของผู้เสียหายขอให้เข้าแจ้งความโดยด่วน เพื่อเราจะได้รวบรวมพยานหลังฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศ และก่อนที่มีการถ่ายเททรัพย์สินไปเสียก่อน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของตัวผู้ร่วมหุ้นเองอีกด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดทรัพย์ภายในอาคารทั้งหมดไปที่ ปปง. ส่วนคอมพิวเตอร์จะนำไปดำเนินการตรวจสอบที่ ปอท. สำหรับสินค้าที่พบนั้นทาง สคบ. จะนำเข้ามาตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย.
วานนี้ (13 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในอาคารทำการของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวน 2 อาคาร บริเวณทางคู่ขนาน ซอยบางนา-ตราด 25 ถนนบางนา-ตราด แขวงและเขตบางนา กทม. เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีร่วมกันกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเพิ่มเติม
โดยบริเวณอาคารยูฟัน สโตร์ จำกัด ทั้งสองอาคารเป็นอาคารพาณิชย์สูง 8 ชั้น ประกอบด้วยชั้นที่ 1 เป็นชั้นประชาสัมพันธ์หรือการติดต่อประสานงานต่างๆ รอบบริเวณมีภาพแกะสลักด้วยทองคำจำนวน 6 ภาพ และโมเดลจำลองตัวอาคาร ส่วนชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมบรรยายข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ โดยห้องดังกล่าวสามารถจุผู้ฟังบรรยายได้ประมาณ 200 คน ส่วนชั้นที่ 3 เป็นห้องย่อยคล้ายกับสำนักงานของบุคลาก มีทั้งหมด 7 ห้อง โดยห้องหนึ่งสามารถจุคนได้ประมาณ 7-10 คน ส่วนชั้นที่ 4 จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องประชุม จุคนได้ประมาณ 70-100 คน และห้องที่ 2 เป็นห้องสำหรับนวดสปา และมีห้องละหมาดส่วนตัวด้วย ส่วนชั้นที่ 5 เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สุดในอาคาร สามารถจุคนได้ถึง 840 คน ชั้นที่ 6 เป็นสำนักงานที่ใช้ประกอบการ หรือรวบรวมเอกสารสำคัญต่างๆ ชั้นที่ 7 จะเป็นห้องระดับผู้บริหาร หรือตัวแทนระดับสูง ภายในชั้นนี้จะมีห้องของผู้บริหารขนาดใหญ่จำนวน 2 ห้อง มีโต๊ะรับแขกหนังแท้ มีชุดโซฟากำมะหยี่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของมีค่าอีกหลายรายการ และชั้นที่ 8 เป็นพื้นที่โล่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้มีชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงจุคนได้ประมาณ 200 คน ด้านหลังห้องจะมีห้องเก็บสินค้าต่างๆ ของยูฟัน และประตูทางออกไปลานจอดรถชั้นใต้ดินอีกด้วย
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัท ยูฟัน มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียกับกลุ่มของผู้ร่วมหุ้นต่างๆ โดยมีใจความว่า “อย่าไปหลงเชื่อกับสื่อที่จะให้กลุ่มผู้ร่วมหุ้นเข้าแจ้งความ และให้ร่วมมือกับทางบริษัท กรณีมีผู้ใส่ความว่าเสียผลประโยชน์ ตำรวจจะส่งเรื่องมายังบริษัทเพื่อขอตรวจสอบ บริษัทจะขอตรวจสอบดูจากพอร์ต หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้เสียหาย และในพอร์ตมีกำไรเกิดขึ้น จะถูกดำเนินคดีกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ดังนั้นรบกวนสมาชิกทุกท่านชี้แจงทำความเข้าใจกับองค์กรของท่าน”
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวไม่ต้องกังวงต่อการถูกฟ้องกลับ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีต่อทางบริษัท ยูฟัน และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว โดยสิ่งที่บริษัท ยูฟัน ระบุว่าเป็นบริษัทขายตรงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าไม่เป็นจริง และไม่ได้มีธุรกรรมกับทางสินค้าที่อ้างแต่อย่างใด ขณะนี้มีพี่น้องประชาชนเข้ามาแจ้งความรวมแล้วหลายจังหวัด เช่น จ.สมุทรปราการ จ.นนทบุรี จ. ปทุมธานี จ.ระยอง จ.นครราชสีมา จ.พิจิต จ.สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
สำหรับกรณีนี้มีผู้เสียหายมากที่สุด ลงทุนไปถึง 1,200,000 บาท ส่วนที่น้อยที่สุดคือ 10,000 บาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นหลักแสนบาท ทั้งนี้ ในส่วนของผู้เสียหายขอให้เข้าแจ้งความโดยด่วน เพื่อเราจะได้รวบรวมพยานหลังฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศ และก่อนที่มีการถ่ายเททรัพย์สินไปเสียก่อน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของตัวผู้ร่วมหุ้นเองอีกด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดทรัพย์ภายในอาคารทั้งหมดไปที่ ปปง. ส่วนคอมพิวเตอร์จะนำไปดำเนินการตรวจสอบที่ ปอท. สำหรับสินค้าที่พบนั้นทาง สคบ. จะนำเข้ามาตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย.