xs
xsm
sm
md
lg

“ขี้” ของไพศาล พืชมงคล

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

สื่อมวลชนนั้นมีหน้าที่รายงานเหตุการณ์และข้อเท็จจริงเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ และแสดงความคิดเห็นในการสะท้อนภาพของสังคม ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และตั้งคำถามแทนประชาชนต่อผู้มีอำนาจ คำถามของสื่อมวลชนอาจจะทำให้ผู้มีอำนาจถูกใจหรือไม่ถูกใจบ้าง แต่ไม่ใช่หน้าที่สื่อที่จะต้องคำนึงหากนั่นเป็นการทำหน้าที่เพื่อเป็นปากเสียงของประชาชน

ในขณะเดียวกันนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจจะต้องเข้าใจและเคารพบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน และมีสิทธิที่จะตอบคำถามหรือไม่ก็ได้ไม่ว่าคำถามนั้นจะถูกใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าสิ่งไหนไม่เป็นดังที่นักข่าวถามก็ต้องอธิบายให้เข้าใจเพื่อที่นักข่าวจะได้นำเอาความเห็นนั้นไปถ่ายทอด ไม่ใช่เมื่อคำถามไม่ถูกใจก็ด่ากราดตอบโต้ชวนทะเลาะหรือชี้หน้าว่า “ไอ้ห่า” ซึ่งเป็นพฤติกรรมของ “กุ้ย” ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ

และต้องบอกว่า สื่อไม่มีหน้าที่เอาใจรัฐบาลหรือประจบสอพลอผู้มีอำนาจเหมือนกับบางคนที่หากินกับนักการเมืองมาทุกยุคทุกสมัย

บทความของ “สิริอัญญา” ซึ่งเป็นนามปากกาของนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เรื่อง “สื่อกับกระบอกเสียง” ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับวันอังคารที่ 31 มีนาคมนี้ ได้วิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชนไว้อย่างเกินเลย

นายไพศาลพูดถึงบทบาทของสื่อทุกวันนี้ว่า นำเสนอแต่เรื่องร้ายๆ ให้ปรากฏ มีแต่เรื่องร้ายใส่หู ใส่ตาประชาชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นการอบรมบ่มเพาะปลูกฝังให้ความคิดจิตใจคนมีแต่ความเลว ความชั่ว จนในที่สุดประชาชนก็คุ้นเคยกับความชั่ว และไม่เห็นว่าความชั่ว ความเลว เป็นสิ่งน่ารังเกียจเดียดฉันท์ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนเห็นว่าการทุจริตฉ้อโกงเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้แต่ต้องเอามาแบ่งปันกัน ปลูกฝังจากความชั่วช้าเลวทรามดังกล่าว จนกลายเป็นอันตรายร้ายแรงของบ้านเมือง

ส่วนใครจะนำเรื่องดีๆ มาเผยแพร่ในสื่อต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้นำความดีความงามนั้นไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ แต่ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องร้าย เป็นเรื่องเสียหายต่อคนอื่นหรือต่อบ้านเมือง สื่อก็จะพากันโหมประโคมกันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้นสื่อยังรับจ้างนักการเมืองที่ชั่วช้าเลวทรามเพื่อปลูกฝังความคิดผิดๆ ให้กับประชาชน พลิกดำเป็นขาว นักการเมืองจะทำความชั่วความเลว จะโกงจะกินอย่างไร ก็จะมีสื่อคอยช่วยกลบเกลื่อนปกปิดหรือบิดเบือน แม้กระทั่งเชียร์กันจนการฉ้อฉลคดโกงนั้นเป็นเรื่องถูกต้องดีงาม

ในขณะเดียวกัน สื่อยังรับจ้างในการทำลายล้างบุคคลอื่น โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม ลงว่าเป็นคู่ต่อสู้กันแล้วก็จะใช้สื่อทำลายล้างจนเสียผู้เสียคนไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม ลงว่าเป็นคู่ต่อสู้กันแล้วก็จะใช้สื่อทำลายล้างจนเสียผู้เสียคน ทำกันเช่นนี้จนเป็นล่ำเป็นสัน และทำให้บ้านเมืองของเราในทุกวันนี้ไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย เพราะทุกคนถูกทำร้าย ถูกทำลาย จนกระทั่งคนดีที่ไม่อยากรำคาญข้องแวะก็ต้องถอยตัวออกไป

นายไพศาลบอกว่า ถ้ารัฐบาลและ คสช.ไม่ทำการปฏิรูปสื่อ นานวันเข้าก็ไม่เป็นอันทำการสิ่งใด แต่ละวันก็ทะเลาะกับสื่อ สื่อจำพวกเส็งเคร็ง จะไปหวังพึ่งสื่อด้วยปฏิรูปกันเองเห็นจะลำบาก เพราะเขาก็ประกาศกันโต้งๆ อยู่แล้วว่าแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน เพราะแมลงวันนั้นตอมแต่ขี้และสิ่งปฏิกูล แม้แต่แมลงวันด้วยกันเองก็ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วจะไปเสวนากับแมลงวันเหล่านั้นได้อย่างไร? ขืนไปทะเลาะกับขี้ ขี้ก็จะกระเด็นเข้าปาก ถูกหน้า ถูกตา ให้เปรอะเปื้อนเน่าเหม็นเสียเปล่าๆ

เปรียบเทียบว่าสื่อเป็น “ขี้” เลยทีเดียว

“ขี้” ในความหมายของไพศาลก็คือ สื่อที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อปากต่อคำด้วย จนกลายเป็นการทะเลาะกับสื่อไม่เว้นแต่ละวัน

นายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายภัทระ คำพิทักษ์ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ต้องตอบคำถามว่าองค์กรในวิชาชีพของคุณนั้นเป็นดังที่นายไพศาลกล่าวหาจริงๆหรือ

ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับว่า สื่อมวลชนนั้นมีทั้งคนดีและคนเลว อาจจะมีสื่อมวลชนบางพวกที่หากินหาเศษหาเลยกับนักการเมือง ทำตัวเป็นสื่อรับจ้าง ถึงวันเกิดนักการเมืองแล้วจะต้องเข้าไปคารวะเพราะเขาหยิบยื่นเงินทองให้ แต่สิ่งที่นายไพศาลพูดนั้นเป็นการเหมารวมคนทั้งองค์กรวิชาชีพ กระทั่งกล่าวหาสื่อเป็นต้นเหตุของปัญหาในแผ่นดิน

ผมคิดว่านายไพศาลควรจะต้องสำรวจตัวเองเสียก่อน ที่จะมากล่าวหาสื่อมวลชน นายไพศาลเป็นคนที่วิ่งเข้าหานักการเมืองและผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย เคยเป็น ส.ว.เพราะใกล้ชิดนักการเมือง เป็นที่ปรึกษาคนสนิทของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถามว่า นายไพศาลเคยให้คำปรึกษาอะไรแก่พล.อ.ชวลิตในการทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ชวลิตเป็นนักการเมืองที่ดีหรือเลวในสายตาของนายไพศาล

เพราะวันนี้นายไพศาลเป็นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ใช่หรือไม่นายไพศาลจึงต้องออกมาทำหน้าที่โจมตีสื่อมวลชนเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ ทั้งที่สื่อมวลชนเขาต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลแทนประชาชนกลับไปเปรียบเทียบเขาเป็น “ขี้” เพื่อให้เข้าตาผู้มีอำนาจ

จริงแล้วคนที่นายไพศาลควรเปรียบเทียบว่าเป็น “ขี้” ก็คือคนที่มีสายสัมพันธ์ที่เกาะเกี่ยวกับนักการเมืองทุกพรรคทุกฝ่าย แล้วแต่ใครมีอำนาจวาสนา และกระโดดไปกระโดดมาเหมือนเห็บที่คอยหาที่สูบเลือดหมาตัวใหม่ บางคนต้องคอยเกาะเกี่ยวผู้มีอำนาจเพราะตัวเองมีบาดแผลหรือปิดบังอำพรางความผิดเอาไว้

ในฐานะที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ นายไพศาลควรเรียกร้องให้รัฐบาลหรือให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่กำลังจัดการกับคนบุกรุกป่าและประกาศชัดเจนว่าไม่ได้จัดการเฉพาะนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ ซึ่งเป็นนายทุนเสื้อแดงเท่านั้น แต่จะไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าฝ่ายไหน ลองไปตรวจสอบการบุกรุกป่าแถวจังหวัดชัยภูมิดูบ้าง เพราะมีชาวบ้านแจ้งว่ามีผู้บุกรุกที่ดินแถวจังหวัดชัยภูมิ แต่กรมป่าไม้ไม่กล้าตรวจสอบเพราะผู้บุกรุกรายนั้นมีผู้มีอำนาจหนุนหลัง

อย่างน้อยนายไพศาลในฐานะมีที่ดินจำนวนมากในนามของภูเทพพิมานรีสอร์ท ตั้งอยู่ที่ 111 ม.10 ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิตย์ จ.ชัยภูมิ จะได้ถือโอกาสนี้พิสูจน์ที่มาของที่ดินที่ถูกต้องในฐานะคนดีของแผ่นดินที่ขึ้นธรรมาสน์เทศนาต่อสังคมเสมอมา แล้วสื่อก็จะได้ช่วยกันนำเสนอข่าวดีๆ ที่นายไพศาลเรียกร้อง

การตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชนทำได้ครับ แต่อย่าเหมารวมกระทั่งเปรียบเปรยเป็น “ขี้” ซึ่งเป็นการหมิ่นแคลงคนในวิชาชีพเกินไป ส่วนข้อเสนอปฏิรูปสื่อมวลชนเป็นข้อเรียกร้องในวงการวิชาชีพอยู่แล้ว และอีกด้านสังคมก็คอยตรวจสอบสื่อที่ไม่มีจรรยาบรรณไม่นำเสนอสิ่งที่ถูกต้อง และไม่เป็นปากเสียงแทนประชาชนเพื่อไม่ให้มีที่ยืนในสังคม

นายไพศาลสำรวจมือของตัวเองและระวังลิ้นที่ตวัดเลียอยู่เถอะครับว่าเปื้อน “ขี้” อยู่หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น