ASTVผู้จัดการรายวัน--ป่าไม้โร่แจ้งความตำรวจ สภ.ปากช่องดำเนินคดี "โบนันซ่า" ฮุบป่าสงวนแห่งชาติกว่า 100 ไร่ สร้างสนามแข่งรถ พร้อมปิดป้ายประกาศห้ามบุกรุก อบต.ยันไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารในสนามแข่งรถ เร่งตรวจสอบก่อนสั่งให้รื้อถอน ด้าน "บิ๊กต๊อก"ไล่เช็กบิลเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชน ประชาชน เอี่ยวโบนันซ่า เผยพื้นที่อีสานยังมีการบุกรุกอีกเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับกรมป่าไม้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองทัพภาคที่ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) และคณะ บุกเข้าตรวจสอบพื้นที่สนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ของนายไพรวงษ์ เตชะณรงค์ นักการเมืองและนักธุรกิจรายใหญ่ ตั้งอยู่หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา และพบมีการก่อสร้างสนามแข่งรถและก่อสร้างอาคารที่พักบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหินกว่า 100 ไร่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
***แจ้งความดำเนินคดีฮุบ"โบนันซ่า"
นายสุนทร กันหาจันทร์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) เปิดเผยว่า ภายหลังการตรวจสอบรังวัดอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ พบว่า พื้นที่สนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน จริงจำนวน 103 ไร่ ตนจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง เพื่อให้ดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก คือ นายนิธิศเชษฐ์ สิทธิเจริญกุล ผู้ดูแลสนามแข่งรถ ซึ่งมีความผิดในข้อหาบุกรุกแผ้วถางก่นสร้างครอบครองป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มีโทษจำคุก 20 ปี ปรับ 150,000 บาทต่อไร่ พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนด้วย
"เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนาบุกรุก และไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนต่อไป จากนี้คงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ในส่วนของป่าไม้จะเข้าไปติดป้ายประกาศบริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้า เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกอีก ส่วนการก่อสร้างอาคารที่พักนั้นจะต้องรอคำสั่งศาลก่อนจึงจะทำการรื้อถอนต่อไป
***ลั่นพบทำผิดกฎหมายรื้อถอนทันที
นายคเชน ใยสุ่น ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนงพระ กล่าวว่า ในส่วนของการก่อสร้างอาคารที่พักโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างไม่มีเอกสารสิทธิ ส่วนสนามแข่งรถและอาคารต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากมีพื้นที่บางส่วนที่มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิ แต่หากไม่มีการดำเนินการที่ถูกต้องก็จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องสั่งให้รื้อถอน แต่ยอมรับว่าบริเวณดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบค่อนข้างยากจริงๆ แต่ไม่ได้หนักใจแต่อย่างใดเพราะทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
***สั่งสอบหมดคนรัฐ-เอกชน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ที่เจ้าหน้าที่ออกมาระบุว่าทราบเรื่อง แต่ไม่มีการดำเนินการนั้น ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) โดยคณะทำงานได้ดำเนินการจากข้อมูลของการร้องเรียนกับข้อมูลจากการสืบสวนแล้วพบกรณีนี้จึงเข้าไปดำเนินการ ดังนั้น เมื่อผลออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ได้มารายงานตน จึงได้สั่งการให้พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะดูแลเรื่องดังกล่าว และประสานหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบ
"ยืนยันว่าผู้ที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีการสอบสวนว่าทำไมถึงไม่มีการดำเนินการ ติดขัดเรื่องอะไร ถึงปล่อยให้มีปัญหา เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีการก่อสร้างอย่างสมบูรณ์แบบหลายจุด แสดงว่าต้องมีการเข้าไปนานพอสมควร ทั้งนี้ ต้องให้เวลาในการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่ดูแลไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่ารู้เห็นด้วยหรือไม่ เพราะมีหลักฐานการบุกรุกนั้นค่อนข้างชัดเจน"
***เผยพื้นที่อีสานยังพบมีการบุกรุกเพียบ
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคอีสานยังมีการบุกรุกที่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีข้อมูล หรือเป็นคนในพื้นที่ มีข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุกและมีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นด้วย สามารถส่งข้อมูลมาที่ ศอตช.เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายได้ แต่ต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ตนเข้าใจ เนื่องจากเรื่องนี้ต้องมีผู้มีอิทธิพลหรือมีขีดความสามารถพอสมควรจึงดำเนินการทำผิด และอยู่เหนือเจ้าหน้าที่ท้องที่ได้เหมือนกรณีเช่นนี้
เมื่อถามว่า พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เป็นพื้นที่ของกลุ่มผู้มีอิทธิพลเก่า พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ให้เวลาเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง และให้ผลงานเป็นเครื่องตัดสินว่าการกระทำนั้นส่อไปในทางดำเนินการเฉพาะกลุ่มหรือไม่
"ผิดว่าไปตามผิด ผมไม่ยอมอยู่แล้ว และไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ความผิดชัดแจ้งอยู่แล้วและผู้ใหญ่ที่ไหนจะมาเคลีย"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว