ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลสั่งจำคุก "พงศ์พัฒน์" อดีตผบช.ก. 5 ปี ฐานเก็บ ซ่อน หรือฝัง วัตถุโบราณ หรือศิลปวัตถุไม่ให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินรวม 51 รายการ แต่ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 6 สำนวน 33 ปี 3 เดือน
วานนี้ (1 เม.ย.) ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ. 1200/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 59 ปี อดีต ผบช.ก. เป็นจำเลยในความผิดฐาน เก็บได้ซึ่งโบราณวัตถุ ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้ง โดยพฤติการณ์ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่า เป็นเจ้าของได้ และเบียดบังโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่น ไม่แจ้งปริมาณ รูปพรรณ สถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้น ต่ออธิบดีกรมศิลปากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด
โดยฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2557 จำเลยได้เก็บวัตถุโบราณ หรือศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นประติมากรรมในศาสนา หรือชิ้นส่วนของโบราณสถานที่มีอายุสมัยอยุธยาขึ้นไป ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้งไว้ในราชอาณาจักร หรือในบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะ โดยพฤติการณ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ไม่ว่าที่ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้งจะอยู่ในกรรมสิทธิ์ หรือความครอบครองของบุคคลใด หรือไม่ ให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินรวม 51 รายการ โดยจำเลยได้เบียดบังเอาทรัพย์สินนั้น เป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยฝ่าฝืน ไม่แจ้งปริมาณ รูปพรรณ และสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้นต่ออธิบดีกรมศิลปากร เหตุเกิดที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 4 ,14ทวิ,24 ,31,34 พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 3,4,24,28 ,31 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33 โดยให้นับโทษต่อจากคดีแดง อ.293/2558 , แดง อ.436/2558 , แดง อ.565/2558 , แดง อ.566/2558 และแดง ฟย.2/2558 ริบของกลางทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วสอบถาม ปรากฏว่า จำเลยแถลงให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลย กระทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 4 ,14 ทวิ,24 ,31,34 พิพากษาจำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดีแดง อ.293/2558 , แดง อ.436/ 2558 , แดง อ.565/2558 , แดง อ.566/2558 และแดง ฟย.2/2558 ริบของกลางทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลย ถูกเบิกตัวจาก เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ชุดนักโทษสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉย
สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.นั้น ก่อนหน้านี้ ศาลอาญา มีคำพิพากษามาแล้ว 5 สำนวน คดีเรียกรับส่วย น้ำมันเถื่อน คดีรับส่วย แต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจใน บช.ก. คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนัน โคลอนเซ่ ย่านพระรามเก้า คดีร่วมกันฟอกเงิน คดีกระทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ รวมจำคุก 31 ปี 9 เดือน เมื่อรวมสำนวนคดีนี้ ที่ศาลพิพากษาเป็นสำนวนที่ 6 อีก 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทุกสำนวนทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน
วานนี้ (1 เม.ย.) ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ. 1200/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 59 ปี อดีต ผบช.ก. เป็นจำเลยในความผิดฐาน เก็บได้ซึ่งโบราณวัตถุ ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้ง โดยพฤติการณ์ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่า เป็นเจ้าของได้ และเบียดบังโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่น ไม่แจ้งปริมาณ รูปพรรณ สถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้น ต่ออธิบดีกรมศิลปากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด
โดยฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2557 จำเลยได้เก็บวัตถุโบราณ หรือศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นประติมากรรมในศาสนา หรือชิ้นส่วนของโบราณสถานที่มีอายุสมัยอยุธยาขึ้นไป ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้งไว้ในราชอาณาจักร หรือในบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะ โดยพฤติการณ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ ไม่ว่าที่ที่ซ่อน หรือฝัง หรือทอดทิ้งจะอยู่ในกรรมสิทธิ์ หรือความครอบครองของบุคคลใด หรือไม่ ให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินรวม 51 รายการ โดยจำเลยได้เบียดบังเอาทรัพย์สินนั้น เป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยฝ่าฝืน ไม่แจ้งปริมาณ รูปพรรณ และสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุนั้นต่ออธิบดีกรมศิลปากร เหตุเกิดที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 4 ,14ทวิ,24 ,31,34 พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 3,4,24,28 ,31 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33 โดยให้นับโทษต่อจากคดีแดง อ.293/2558 , แดง อ.436/2558 , แดง อ.565/2558 , แดง อ.566/2558 และแดง ฟย.2/2558 ริบของกลางทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วสอบถาม ปรากฏว่า จำเลยแถลงให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลย กระทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 4 ,14 ทวิ,24 ,31,34 พิพากษาจำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษต่อจากคดีแดง อ.293/2558 , แดง อ.436/ 2558 , แดง อ.565/2558 , แดง อ.566/2558 และแดง ฟย.2/2558 ริบของกลางทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลย ถูกเบิกตัวจาก เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ชุดนักโทษสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉย
สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก.นั้น ก่อนหน้านี้ ศาลอาญา มีคำพิพากษามาแล้ว 5 สำนวน คดีเรียกรับส่วย น้ำมันเถื่อน คดีรับส่วย แต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจใน บช.ก. คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนัน โคลอนเซ่ ย่านพระรามเก้า คดีร่วมกันฟอกเงิน คดีกระทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ รวมจำคุก 31 ปี 9 เดือน เมื่อรวมสำนวนคดีนี้ ที่ศาลพิพากษาเป็นสำนวนที่ 6 อีก 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทุกสำนวนทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน