ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" ฉุนน้ำท่วมกรุง สั่ง "ประวิตร" ไปช่วยดูกทม.ทำงาน พร้อมมอบ คสช. ทหาร เตรียมการช่วยเหลือ ว้ากเคยเตือนแล้วจะมีพายุฤดูร้อน แต่ยังทำงานเชิงรับตลอด "บิ๊กป้อม"บี้ต้องพร้อมมากกว่านี้ และต้องสร้างความเข้าใจประชาชน ด้าน "ชายหมู" แถลงยอมรับผิด หลังฝนตกหนักเกินคาด ทำน้ำท่วม โวยังรับมือไหว พร้อมตัดพ้อ ไม่มีใครสั่งให้ฝนตกมาก ตกน้อยได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวด้วยอารมณ์ไม่พอใจ ถึงกรณีที่มีฝนตกหนัก เมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค. จนทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ได้สั่งการไปที่ กทม. และ คสช. แล้ว ให้ไปช่วยกันดูแล เตือนไปแล้วว่ามันจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามา เตือนตั้งแต่สัปดาห์สองสัปดาห์ที่แล้วด้วยซ้ำไป แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบรับผิดชอบกันแค่ไหน จะไล่ตรวจสอบ
"วันนี้กำลังให้ตรวจสอบไปที่ กทม. ด้วย ทำไมปัญหาการระบายน้ำมันอยู่ที่ตรงไหน แล้วมาตามแก้กัน นี่ไง คือ ปัญหาของประเทศไทย ทำงานแบบเชิงรับกันตลอด มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น วันนี้ คสช. มองไปในวันข้างหน้าว่าจะทำอย่างไรให้น้ำไม่ท่วม ไปบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ไม่ใช่ทำแก้ปัญหาแบบนี้ไม่เอา วันนี้ก็ได้สั่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูด้วย เพราะมีหน้าที่ดูแลเรื่องทุกข์สุข ก็ให้ทั้งกระทรวงมหาดไทย ช่วยดูตามต่างจังหวัด รวมทั้ง คสช.และทหาร ก็เตรียมการช่วยเหลือไว้ แต่ทำไมน้ำมันขังได้ก็ไม่รู้"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสักครู่เห็นมีรายงานว่า หม้อแปลงมันระเบิด อะไรต่างๆ ทำให้ปั๊มไม่ได้ อย่างงี้มันไม่ได้ มันต้องแก้ปัญหาให้ได้ ทหารทำอะไรออกมาต้องคิด มีมาตรการที่สอง ที่จะแก้ไข เรื่องน้ำ ก็กำลังแก้อยู่ แต่โชคดีนะ ที่มันเป็นพายุฤดูร้อน ก็คงจะ 3-4 วัน ก็จะผ่านพ้นไปแล้ว พายุก็จะขึ้นทางไปภาาคเหนือ ขอเตือนประชาชนทางด้านภาคเหนือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ให้เตรียมตัวไว้ด้วย
"อยากให้ฝนตกตรงที่ไฟมันไหม้อยู่ จะได้ดับซักที ทั้งหมดมันเกิดจากคนทั้งนั้นแหละ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ไม่เข้มแข็ง วันนี้ต้องพยายามทำ ก็แก้ไม่ได้ภายใน 7-8 เดือนนี้หรอก ก็ค่อยๆ ทำไป แต่วิธีการต่อไปก็ต้องเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ ข้าราชการทุกคนว่า มันทำงานกันยังไง"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว เนื่องจากตอนฝนตก ทางกทม. ไม่ได้พร่องน้ำไว้ก่อน โดยผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่า ท่อระบายน้ำไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตรงคลองแสนแสบ เพราะเมื่อฝนตกเร็ว และไม่ได้พร่องน้ำไว้ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กทม.ชั้นใน เรื่องดังกล่าวกำลังดำเนินการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชน ผู้ว่าฯ กทม.ได้แถลงข่าวไปเรียบร้อยแล้วว่าจะรับผิดชอบ ซึ่งผู้ว่าฯ ระบุว่า การแก้ไขปัญหาต้องเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ และผู้ว่าฯ กทม.ได้รับไปดำเนินการแก้ไขแล้ว
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ กทม. ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์ฝนตก มีประมาณอยู่ที่ 50-70 มิลลิเมตร และขอขอบคุณประชาชน ที่ให้ข้อคิดเห็น และสะท้อนความกังวล ซึ่งมีทั้งเรื่องบวกและเรื่องลบมาให้ กทม. แต่เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ไม่ให้เกิดความสับสนมากเกินไป ตนจึงตัดสินใจแถลงข่าวในครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 24 มี.ค. ทราบว่าจะมีฝนตก แต่ไม่ทราบว่าจะหนักขนาดนี้ และตกหนักเกินความคาดหมาย ซึ่งไม่ได้ตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเดียว เมืองพัทยา และ จ.เชียงใหม่ ก็มีฝนตกหนักด้วยเช่นกัน เมื่อฝนตก ทำให้ถนนเส้นทางหลักในกรุงเทพฯ ต้องใช้เวลาระบายน้ำ 1-2 ชั่วโมง ยกเว้นที่แยกอโศกมนตรี ต้องใช้เวลาระบายน้ำถึง 3 ชั่วโมง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ฤดูฝนเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ปัญหาที่อยู่ในใจประชาชน และในใจของ กทม. คือ ปัญหาภัยแล้ง กทม. ได้ตั้งรับกับปัญหาภัยแล้ง เพราะไม่อยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรต้องขาดแคลนน้ำ หากจะมีการระบายน้ำออกจากคลอง จะต้องมีน้ำเหนือไหลลงมาก่อน แต่ขณะนี้ คลองต่างๆ ไม่ได้มีการพร่องน้ำ โดยเฉพาะคลองแสนแสบ เพื่อเตรียมรับมือฝนตกหนัก แต่ กทม. ก็สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนกรณีน้ำท่วมที่ห้างสรรพสินค้า ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ชั้นใต้ดิน สาขาโรบินสัน สุขุมวิท 19 ตรงนี้ต้องการให้ผู้บริหารของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ออกมาชี้แจงด้วยว่า สาเหตุที่น้ำท่วม เป็นเพราะปัญหาของอาคาร เป็นปัญหาในระบบระบายน้ำที่มีมานาน ไม่ใช่ปัญหาของ กทม. ที่เข้าไประบายน้ำไม่ได้ ส่วนกรณีน้ำท่วมถนนพระราม 9 ซอย 7 ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน กทม. ก็ไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหา เพราะยังมีหลายฝ่ายที่อยู่ในซอยเข้าไปดำเนินการ แต่ กทม. ก็จะพยายามเข้าไปแก้ไขปัญหาต่อไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน ตนไม่ได้คาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด หากมีข้อเสนอให้กทม. พร่องน้ำ ตนก็จะไม่ยอม เพราะเป็นฝนนอกฤดู หากจะพร่องน้ำ แต่มีปัญหาภัยแล้ง ตนก็จะไม่ทำเช่นกัน การพร่องน้ำจะเกิดขึ้นต่อเมื่อใกล้ฤดูฝนมาแล้วเท่านั้น แต่อากาศในช่วงนี้ มีความแปรปรวน จึงสั่งให้ กทม.เตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่คงจะละเลยปัญหาภัยแล้งไม่ได้ เพราะฝนตกครั้งนี้ เป็นเรื่องดีสำหรับกรุงเทพฝั่งตะวันออกที่มีความแห้งแล้งมานาน จึงอยากให้ทุกคนมองทุกสิ่งอย่างมีเหตุผล
"ถ้าถามว่า กทม. ผิดพลาดหรือไม่ ก็ยอมรับว่าผิดพลาด เพราะไม่มีใครคิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ จากนี้ กทม.จะรับมือฝนนอกฤดูด้วยวิธีอื่น แต่จะไม่ใช้วิธีการพร่องน้ำ พร้อมขอความร่วมมือไปยังเอกชน ถ้าพบว่าในซอย หรืออาคาร มีสภาพไม่พร้อม ขอให้แจ้งกับกทม. เพื่อที่จะเข้าไปให้ กทม.ได้ดู ไม่เช่นนั้นภาพจะออกมาในโซเชียลมีเดียว่า กทม. ละเลย"
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ใช่ว่ามาพูดเรื่องเมื่อวันที่ 24 มี.ค. เป็นเรื่องหลัก เพราะสิ่งที่ประชาชนกังวลว่า กทม. จะรับมือฤดูฝนได้หรือไม่ แต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ชี้ว่า กทม. ยังรับมือได้ เพราะขนาด กทม. ไม่ได้ตั้งทัพรับมือกับฝน ก็สามาถแก้ปัญหาได้ จึงไม่อยากให้ประชาชนกังวลมากเกินไป ที่ผ่านมา กทม. ร่วมมือกับรัฐบาล ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ยืนยันว่าฤดูฝนที่จะมาถึง กทม.ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลต่อไป
"บางครั้งนึกว่าศัตรูจะมาข้างหน้า แต่เมื่อมาถึง เราก็รับมือได้ ยืนยันฝนนอกฤดู เรามีความพร้อมตั้งแต่ผมมารับตำแหน่งในครั้งแรก กทม. ได้ทำอะไรไว้มาก การระบายน้ำดีกว่าเมื่อก่อนที่ใช้เวลานาน แต่การระบายน้ำ 1-2 ชั่วโมงในขณะนี้ ถือว่าไม่นานเกินไป หากฝนตกในปริมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ก็จะสามารถระบายได้ทันที แต่ถ้าเกิน 60 มิลลิเมตรขึ้นไป อาจจะต้องใช้เวลา เราเป็นเมืองน้ำ เป็นเมืองฝน ไม่มีจุดเสี่ยงเลยคงไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำท่วม ต้องไปอยู่บนดอย ใครจะว่าผม ผมไม่ได้ว่าอะไร ใครจะว่าผมก็ว่าได้ ที่ไม่เตือน กทม. เป็นความผิดของผมที่ไม่สามารถช่วยห้างท็อปส์ และพระราม 9 ซอย 7 ได้ เพราะเอกชนไม่ได้ให้ความร่วมมือ เพราะมาอยู่ตรงนี้ เป็นหน้าที่ที่ถูกว่าอยู่แล้ว แต่อย่ามาว่าคนของ กทม. ถึงเราจะคาดการณ์ผิด แต่ก็แก้ปัญหาได้ทันที สิ่งเหล่านี้ถ้าเป็นข้อบกพร่อง ผมยอมรับ เพราะไม่มีใครสามารถสั่งฝนให้ตกมาก ตกน้อยได้ และไม่มีใครรับประกันได้ว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. จะไม่เกิดขึ้น เพราะมีฝนตกลงมาเกินความคาดหมาย"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ กล่าวว่า น้ำท่วม กทม. จะทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มมากขึ้น โดย กทม. รับมือน้ำฝนได้ 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง หากมากกว่านี้จะไม่สามารถรับมือได้ โดยเฉพาะพื้นที่ อโศก อสมท. กระทรวงกลาโหม เขตห้วยขวาง บางกะปิ บางรัก สาธร เป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีความน่ากังวล ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาแนวทางรับมือ