ASTVผู้จัดการรายวัน-เครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บุกยื่นหนังสือกระทรวงวัฒนธรรม ร้องทุกข์ถึง "ประยุทธ์" ขอให้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ เปิดเผยมติ มส. เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งกรณีวัดพระธรรมกาย "สงกานต์"ให้เวลา 15 วัน ก่อนกลับมาทวงความคืบหน้า "สหกรณ์เครดิตคลองจั่น" บุกตรวจสอบที่ดิน "ศุภชัย" ซื้อถวายวัดพระธรรมกาย ลั่นต้องการขาย เพื่อเอาเงินใช้คืนสมาชิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (25 มี.ค.) ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มีพุทธศาสนิกชนเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประมาณ 30 คน นำโดยนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือ ที่พิเศษ/2558 พร้อมแนบเอกสารที่ระบุลายมือชื่อพุทธศาสนิกชนจำนวน 129 คน ถึงนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อร้องทุกข์ไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เป็นผู้แทนมารับหนังสือ
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือดังกล่าว ได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรี มีการสั่งการหรือประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีวัดพระธรรมกายตามมติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ 101/2542 ว่า ในการประชุมของ มส. ในครั้งนั้น มีมติเช่นไร นอกจากนี้ ในการประชุมมส.ครั้งที่ 10/2542 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2542และตามมติที่ประชุมมส. ที่ 101/1/2542 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2542 ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธาน ก็มีมติเรื่องวัดพระธรรมกาย ซึ่งทั้งหมดโดยพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นอยู่ในความครอบครองของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กรมการศาสนา (ขณะนั้น) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
นายสงกานต์ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า ได้นำหนังสือดังกล่าวเข้ายื่นต่อสำนักงานเลขานุการสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว และผู้ที่มีรายชื่อทั้งหมดนี้ ก็ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีบัญชาหรือสั่งการให้บุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ แถลงหรือเปิดเผยมติ มส. ดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและเคลือบแคลงสงสัยต่อการกล่าวหาของบรรพชิตกับบรรพชิตหรือบรรพชิตกับคฤหัสถ์ ดังเช่นกรณีที่นำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวดังที่ตกเป็นข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายต่อพระเถระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นตลอดจนเป็นที่เสียหายต่อสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง
"ผมอยากให้เกิดความปรองดองในหมู่พุทธศาสนิกชนตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้เกิดความแตกแยกมากกว่านี้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำความจริงให้ปรากฎต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนโดยเร็วและอีก 15 วันจากนี้ ผมจะมาติดตามความคืบหน้ากับท่านปลัดกระทรวงวัฒนธรรม”นายสงกานต์ กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายสมาน ครองเมือง กรรมการผู้ทำแผนสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด พร้อมทีมงานตรวจสอบที่ดินริมแม่น้ำแควน้อย จำนวน 142 ไร่ในพื้นที่หมู่ 9 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ซื้อถวายให้กับวัดธรรมกาย
นายสมาน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทราบข่าวว่าอดีตประธานสหกรณ์ซื้อที่ดินถวายให้กับวัดธรรมกาย วันนี้จึงเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าเป็นเรื่องจริง สำหรับพื้นที่ทั้งหมด 142 ไร่ มีการสร้างอาคารขนาดใหญ่เพื่อทำเป็นศูนย์อบรมเยาวชนกาญจนบุรี รวมทั้งบ้านพักเจ้าหน้าที่ โดยมีสาธารณูปโภคพร้อม ทราบว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางวัดธรรมกายได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ทัตตมหาเจดีย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
"ที่ดินแปลงนี้ ที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีประเมินราคาไว้ประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งเราไม่ต้องการที่ดิน แต่ต้องการที่จะขาย หากมีใครต้องการจะซื้อเราก็พร้อม เพื่อนำเงินที่ขายที่ดินได้ไปจ่ายให้กับสมาชิกของสหกรณ์ต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (25 มี.ค.) ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มีพุทธศาสนิกชนเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประมาณ 30 คน นำโดยนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือ ที่พิเศษ/2558 พร้อมแนบเอกสารที่ระบุลายมือชื่อพุทธศาสนิกชนจำนวน 129 คน ถึงนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อร้องทุกข์ไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เป็นผู้แทนมารับหนังสือ
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือดังกล่าว ได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรี มีการสั่งการหรือประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีวัดพระธรรมกายตามมติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ 101/2542 ว่า ในการประชุมของ มส. ในครั้งนั้น มีมติเช่นไร นอกจากนี้ ในการประชุมมส.ครั้งที่ 10/2542 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2542และตามมติที่ประชุมมส. ที่ 101/1/2542 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2542 ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธาน ก็มีมติเรื่องวัดพระธรรมกาย ซึ่งทั้งหมดโดยพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นอยู่ในความครอบครองของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กรมการศาสนา (ขณะนั้น) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
นายสงกานต์ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า ได้นำหนังสือดังกล่าวเข้ายื่นต่อสำนักงานเลขานุการสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว และผู้ที่มีรายชื่อทั้งหมดนี้ ก็ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีบัญชาหรือสั่งการให้บุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ แถลงหรือเปิดเผยมติ มส. ดังกล่าวต่อสาธารณชน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและเคลือบแคลงสงสัยต่อการกล่าวหาของบรรพชิตกับบรรพชิตหรือบรรพชิตกับคฤหัสถ์ ดังเช่นกรณีที่นำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวดังที่ตกเป็นข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายต่อพระเถระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นตลอดจนเป็นที่เสียหายต่อสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง
"ผมอยากให้เกิดความปรองดองในหมู่พุทธศาสนิกชนตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้เกิดความแตกแยกมากกว่านี้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำความจริงให้ปรากฎต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนโดยเร็วและอีก 15 วันจากนี้ ผมจะมาติดตามความคืบหน้ากับท่านปลัดกระทรวงวัฒนธรรม”นายสงกานต์ กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายสมาน ครองเมือง กรรมการผู้ทำแผนสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด พร้อมทีมงานตรวจสอบที่ดินริมแม่น้ำแควน้อย จำนวน 142 ไร่ในพื้นที่หมู่ 9 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ซื้อถวายให้กับวัดธรรมกาย
นายสมาน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทราบข่าวว่าอดีตประธานสหกรณ์ซื้อที่ดินถวายให้กับวัดธรรมกาย วันนี้จึงเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าเป็นเรื่องจริง สำหรับพื้นที่ทั้งหมด 142 ไร่ มีการสร้างอาคารขนาดใหญ่เพื่อทำเป็นศูนย์อบรมเยาวชนกาญจนบุรี รวมทั้งบ้านพักเจ้าหน้าที่ โดยมีสาธารณูปโภคพร้อม ทราบว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางวัดธรรมกายได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ทัตตมหาเจดีย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
"ที่ดินแปลงนี้ ที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีประเมินราคาไว้ประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งเราไม่ต้องการที่ดิน แต่ต้องการที่จะขาย หากมีใครต้องการจะซื้อเราก็พร้อม เพื่อนำเงินที่ขายที่ดินได้ไปจ่ายให้กับสมาชิกของสหกรณ์ต่อไป"