ASTVผู้จัดการรายวัน – สัมมากรเดินหน้ารุกอสังหาฯ เต็มสูบหลัง RPC เข้าถือหุ้นใหญ่ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี รายได้ทะลุ 4,000 ล้านบาท ปี 58 เตรียมลงทุน 2 โครงการมูลค่า 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 ล้านบาท
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร (SAMCO) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ โดยบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 จากเดิมที่ถือ 25.25% เพิ่มเป็น 48.25% โดย RPC ได้ส่งผู้บริหารเข้ามาบริหารใน SAMCO 3-4 คนเพื่อช่วยให้บริษัทฯมีความคล่องตัวมากขึ้น ประกอบกับ RPC มีความเชียวชาญด้านระบบวิศวกรรม โดยเข้ามาสนับสนุนและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีและระบบการก่อสร้าง เพื่อเสริมศักยภาพการบริหารงานของบริษัทและสามารถรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงการลงทุนกว่า 10 ล้านบาทพัฒนาและปรับปรุงด้านเทคโนโลยีการทำงานภายในองค์กร
ทั้งนี้ภายหลังปรับโครงการผู้ถือหุ้นใหม่ทำให้บริษัทหันมารุกตลาดอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้ามีรายได้ 4,000 ล้านบาทหรือเติบโต 400% ภายใน 5 ปีหรือในปี 2562 ซึ่งหลังจากนี้ตั้งเป้าลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มปีละไม่น้อยกว่า 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมต่อปีจะอยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี หรือโครงการละ 1,000 ล้านบาท เน้นโครงการแนวราบเป็นหลัง โดยพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ราคา 6 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์โฮม ราคา 2-4 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมจะมีทั้งระดับบน และระดับกลางล่าง
โดยแผนการดำเนินงานในปี 2558 นี้จะเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ มูลค่าประมาณ1,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังเตรียมปิดการขายสัมมากร 5 โครงการ ได้แก่ รามคำแหง, มีนบุรี นิมิตใหม่ รังสิต คลอง 2 และอควา ดิวิน่า
ในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งงบซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 3 แปลง มูลค่าประมาณ 750-900 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต ซึ่งบริษัทยังเน้นโครการแนวราบเป็นหลัก ส่วนโครงการในต่างจังหวัดขณะนี้บริษัทฯมีที่ดินอยู่แล้วจำนวน 25 ไร่ ในพัทยา จ.ชลบุรี ใกล้กับสวนน้ำ Cartoon Network โดยจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2560 ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถโอนได้ไนปี 2562
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาศูนย์การค้าคอมมูนิตี้ มอลล์ เพียวเพลส ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี มูลค่าลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในขอนแก่น คือ พิมานกรุ๊ป ถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาที่ดินและการขออนุญาตก่อสร้างกับมหาวิทยาลัยข่อนแก่น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาได้ในช่วงกลางปี 2558 และเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2558 กำหนดแล้วเสร็จในช่วงปี 2560
"ข่อนแก่นเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะการที่เราเข้าไปลงทุนทำโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีนักศึกษาและบุคลากรราว 30,000-40,000 คน มีโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนคนแสนกว่าคน โดยคอมมูนิตี้มอลล์ของเราตั้งอยู่ตรงกลาง ถือเป็นทำเลในมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพ"
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 2,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 1,700 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 1,800 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2557 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,150 ล้านบาท ซึ่งรายได้ในปีนี้จะมาจากการโอนโครงการแนวราบ 1,050 ล้านบาท การโอนโครงการคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในปัจจุบันเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในปีนี้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันบริษัทฯคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นเป็นกว่า 10% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.69% ซึ่งเป็นการเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการโอนโครงการคอนโดมิเนียม S9 เข้ามาในปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิสูงอยู่ที่ 12-14% มากกว่าโครงการแนวราบที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% ส่งผลช่วยผลักดันอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้เติบโตขึ้น
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร (SAMCO) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ โดยบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 จากเดิมที่ถือ 25.25% เพิ่มเป็น 48.25% โดย RPC ได้ส่งผู้บริหารเข้ามาบริหารใน SAMCO 3-4 คนเพื่อช่วยให้บริษัทฯมีความคล่องตัวมากขึ้น ประกอบกับ RPC มีความเชียวชาญด้านระบบวิศวกรรม โดยเข้ามาสนับสนุนและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีและระบบการก่อสร้าง เพื่อเสริมศักยภาพการบริหารงานของบริษัทและสามารถรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงการลงทุนกว่า 10 ล้านบาทพัฒนาและปรับปรุงด้านเทคโนโลยีการทำงานภายในองค์กร
ทั้งนี้ภายหลังปรับโครงการผู้ถือหุ้นใหม่ทำให้บริษัทหันมารุกตลาดอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้ามีรายได้ 4,000 ล้านบาทหรือเติบโต 400% ภายใน 5 ปีหรือในปี 2562 ซึ่งหลังจากนี้ตั้งเป้าลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มปีละไม่น้อยกว่า 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมต่อปีจะอยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี หรือโครงการละ 1,000 ล้านบาท เน้นโครงการแนวราบเป็นหลัง โดยพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ราคา 6 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์โฮม ราคา 2-4 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมจะมีทั้งระดับบน และระดับกลางล่าง
โดยแผนการดำเนินงานในปี 2558 นี้จะเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ มูลค่าประมาณ1,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังเตรียมปิดการขายสัมมากร 5 โครงการ ได้แก่ รามคำแหง, มีนบุรี นิมิตใหม่ รังสิต คลอง 2 และอควา ดิวิน่า
ในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งงบซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 3 แปลง มูลค่าประมาณ 750-900 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต ซึ่งบริษัทยังเน้นโครการแนวราบเป็นหลัก ส่วนโครงการในต่างจังหวัดขณะนี้บริษัทฯมีที่ดินอยู่แล้วจำนวน 25 ไร่ ในพัทยา จ.ชลบุรี ใกล้กับสวนน้ำ Cartoon Network โดยจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2560 ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถโอนได้ไนปี 2562
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาศูนย์การค้าคอมมูนิตี้ มอลล์ เพียวเพลส ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี มูลค่าลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการในขอนแก่น คือ พิมานกรุ๊ป ถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาที่ดินและการขออนุญาตก่อสร้างกับมหาวิทยาลัยข่อนแก่น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาได้ในช่วงกลางปี 2558 และเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2558 กำหนดแล้วเสร็จในช่วงปี 2560
"ข่อนแก่นเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะการที่เราเข้าไปลงทุนทำโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีนักศึกษาและบุคลากรราว 30,000-40,000 คน มีโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนคนแสนกว่าคน โดยคอมมูนิตี้มอลล์ของเราตั้งอยู่ตรงกลาง ถือเป็นทำเลในมหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพ"
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 2,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 1,700 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 1,800 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2557 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,150 ล้านบาท ซึ่งรายได้ในปีนี้จะมาจากการโอนโครงการแนวราบ 1,050 ล้านบาท การโอนโครงการคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในปัจจุบันเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในปีนี้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันบริษัทฯคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นเป็นกว่า 10% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.69% ซึ่งเป็นการเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการโอนโครงการคอนโดมิเนียม S9 เข้ามาในปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิสูงอยู่ที่ 12-14% มากกว่าโครงการแนวราบที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% ส่งผลช่วยผลักดันอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้เติบโตขึ้น