ASTVผู้จัดการรายวัน-แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ฟันธง "หนุ่มบิ๊กไบค์" ถูกยิงหัวจากด้านหลังทะลุด้านหน้า สมองซีกซ้ายฉีกขาด กระโหลกหาย 9 มม. แต่ยังไม่ทราบขนาดกระสุน แม่-พี่ชาย รับศพกลับบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญาราม ผบก.สั่งตั้งข้อหา "ดาบยักษ์" ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมให้ออกจากราชการ กลุ่มเพื่อนบิ๊กไบค์พอใจตำรวจทำงานตรงไปตรงมา
จากกรณีนายนเรศ โรจน์บุญสงศรี อายุ 40 ปี ถูกปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ขณะขับรถจักรยานยนต์คาวาซากิ นินจา สีส้มดำ ทะเบียน 1 กณ 5906 ชลบุรี ผ่านด่านบริเวณสะพานห้วยเล็ก หมู่ 11 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีตำรวจ สภ.หนองขาม 4 นาย ตั้งด่านอยู่ เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 14 มี.ค.2558 จนบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 16 มี.ค.2558 โดย นพ.เฉลิมพล ชคัตตรยาพงศ์ แพทย์ศัลยกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ได้ออกใบรับรองแพทย์ว่า นายนเรศ เสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะ สมองช้ำบวมรุนแรง ขณะที่ ด.ต.สุพรรณ ชำนิจ ผบ.หมู่ป.สภ.หนองขาม ให้การว่า ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้หยุด และนายนเรศ เสียหลักล้มลงเอง
เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้ (19 มี.ค.) ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายบัณฑูรย์ และนายนพพร โรจน์บุญส่งศรี พี่ชายนายนเรศ รับศพนายนเรศส่งผ่าพิสูจน์ซ้ำ หลังจากพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้ส่งศพมาผ่าพิสูจน์ได้ โดยศพถูกนำไปกับรถกู้ภัยตราด ไปส่งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รังสิต จ.ปทุมธานี
***ฟันธงถูกยิงด้านหลังทะลุด้านหน้า
เวลา 09.30 น. ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีการพิสูจน์ศพนายนเรศ หลังใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง นพ.สุรณรงค์ ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ 2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมากว่า บาดแผลที่พบ เกิดจากกระสุนปืน โดยกระสุนปืนเข้าทางด้านหลังและออกทางด้านหน้าเป็นแนวขนาน เป็นผลให้สมองซีกซ้ายฉีกขาด มีเลือดออก ทำให้สมองบวมถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นการยิงระยะไกล และไม่พบหัวกระสุน เพราะกระสุนปืนเข้า และออก ส่วนกะโหลกที่หายไปประมาณ 9 มิลลิเมตร ยังไม่ทราบขนาดของลูกกระสุนปืน แต่วิถีกระสุนไม่ใช่การยิงจากด้านบนแน่นอน
***แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย "ดต.สุพรรณ"
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ บก.ภ.จว.ชลบุรี ที่มาสังเกตการณ์การผ่าพิสูจน์ศพในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ให้ความเป็นธรรมญาติผู้เสียชีวิตเต็มที่ การตรวจพิสูจน์ศพครั้งแรกยังไม่มีความชัดเจน แต่วันนี้เห็นบาดแผลเข้าและออกแล้วยืนยันได้ชัดเจนว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินกว่าเหตุ ซึ่งขณะนี้ ด.ต.สุพรรณถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตายแล้ว ถึงแม้จะให้การปฏิเสธ แต่จากผลชันสูตรต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และคงจะต้องให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะทำสำนวนคดีให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อส่งให้อัยการจังหวัดพัทยาส่งคำร้องต่อศาลต่อไป
"ส่วนข้อร้องเรียนว่าด.ต.สุพรรณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีการตรวจสอบพยานแวดล้อมอีกครั้ง ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ญาติผู้เสียชีวิตต้องได้รับการเยียวยาจากผู้ก่อเหตุ"
***พี่ชายยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นายบัณฑูร โรจนบุญส่งศรี อายุ 46 ปี พี่ชายคนตาย กล่าวว่า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าน้องชายเมาสุรา และพยายามขับรถแหกด่านนั้น ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เมื่อผลการผ่าพิสูจน์ศพออกมาว่าถูกกระสุนปืน ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เบื้องต้นจะขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญาราม (วัดต้นมะม่วง) ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีนางวีนัส โรจนบุญส่งศรี แม่มารับศพด้วย
ขณะที่นางวีนัสกล่าวทั้งน้ำตาว่า นายนเรศเป็นลูกคนที่ 3 มีภรรยาและมีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นคนดี รักพี่น้อง รักแม่มาก ขยันทำงาน ไม่เคยมีประวัติไม่ดี เลิกงานก็กลับมาบ้านมาหาลูก วันเกิดเหตุยังโทรศัพท์มาถามว่าจะกินอะไรไหม จะซื้อไปฝาก ซึ่งในที่เกิดเหตุปกติไม่เคยมีการตั้งด่าน แต่วันเกิดเหตุทำไมจึงมาตั้ง ตำรวจคนที่ก่อเหตุชาวบ้านในละแวกนั้นก็บอกว่าชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ
ทั้งนี้ ครอบครัวผู้ตายไม่พอใจที่หลังจากนพ.เฉลิมพลลงความเห็นว่า นายนเรศเสียชีวิตจากการถูกยิงแล้ว พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ให้สัมภาษณ์ว่าจากการสอบปากคำนายแพทย์เฉลิมพล ระบุว่าวินิจฉัยเช่นนั้น เพราะญาติระบุขณะนำส่งว่าถูกยิง ประกอบกับสมองบวมช้ำตรงกับที่ญาติแจ้ง ขณะเดียวกันด.ต.สุพรรณให้การว่า นายนเรศขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วจะพุ่ง จึงใช้อาวุธปืน 9 มม.ยิงขึ้นฟ้าในระยะ 10 เมตร ทางด้านหลังของนายนเรศเพื่อให้หยุด แต่นายนเรศเสียหลักล้มลง จึงได้สั่งย้ายด.ต.สุพรรณมาช่วยราชการที่บก.ภ.จว. โดยขาดจากต้นสังกัดแล้ว ญาติจึงตัดสินใจขอนำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
***ตั้งข้อหาขับรถประมาทดาบตำรวจเพิ่ม
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุดได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับด.ต.สุพรรณไปแล้ว ส่วนทางวินัยได้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาโดยผู้บังคับบัญชากำลังพิจารณาอยู่ ทั้งนี้ หลังจากวันเกิดเหตุเพียง 1 วัน ด.ต.สุพรรณขับรถไปชนท้ายรถยนต์ ซึ่งคาดว่าอาจจะอยู่ในอาการเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ตั้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ส่วนจะอยู่ในอาการเมาสุราด้วยหรือไม่อยู่ระหว่างการสอบสวน หากสารภาพว่าเมา จะแจ้งข้อหาขับรถในขณะมึนเมาอีกหนึ่งข้อหา ส่วนที่ไม่ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องตรวจเสีย จึงต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนแทน
"เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์มีน้อย ด่านละ 1-2 เครื่อง บางสถานีมีเครื่องเดียว ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่เบื้องต้นทราบว่าตำรวจมีหลักฐานส่งซ่อมจริง โดยอยากให้แยกแยะเรื่องยิงนายนเรศกับขับรถชนรถ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เมื่อเกิดปัญหาก็ถูกมองว่าไม่ดีไปทุกเรื่อง รวมทั้งตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถูกมองว่าช่วยเหลือกัน จึงเร่งตรวจสอบเพื่อเสนอความจริงแก่ประชาชนโดยเร็ว"
***ยันตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มบิ๊กไบค์นัดรวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรมในคดี พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตนพยายามชี้แจงว่าตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมาแล้ว แต่อาจจะไม่ทันใจ เนื่องจากเบื้องต้นสภาพบาดแผลไม่ชัดเจนว่าถูกยิง ดูด้วยตาเปล่าจะไม่แน่ใจ เพราะไม่เป็นรูกลมเหมือนถูกกระสุนปืน ซึ่งเมื่อส่งผ่าชันสูตรจะระบุได้ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร ซึ่งต้องขอความเห็นใจตำรวจ เพราะเป็นการกระทำในขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่อาจจะกินกว่าเหตุไปบ้าง
***ไม่ให้สภ.หนองขามเข้ามาเอี่ยวทำคดี
พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการทำคดีนี้โดยตรง ไม่ให้พนักงานสอบสวนสภ.หนองขาม เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากด.ต.สุพรรณเป็นตำรวจในพื้นที่มานาน เบื้องต้นตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทางวินัยสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งด.ต.สุพรรณยังให้การปฏิเสธ โดยยืนยันว่ายิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ แต่ไม่ทราบว่าปืนลั่นตอนไหนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
***กลุ่มบิ๊กไบค์นัดรวมตัวขอโทษตำรวจ
นายกิตติ์ฤทธิธรรม แสวงหาทรัพย์ อายุ 34 ปี เพื่อนผู้ตาย พยานที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นผู้ที่แชร์ข้อความเชิญชวนเพื่อนชาวบิ๊กไบค์ มาไว้อาลัยและทวงถามความเป็นธรรมให้กับนายนเรศ กล่าวว่า ถ้าตำรวจยอมรับตั้งแต่ต้น ตนและเพื่อนคงไม่มองการทำงานของตำรวจในด้านลบ จึงรวมกลุ่มมากระตุ้นตำรวจ แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสการทำงานของ พล.ต.ต.นิติพงศ์ พบว่าคดีคืบหน้า และทำอย่างตรงไปตรงมา จึงมีความสบายใจ และจะไปบอกเพื่อนชาวบิ๊กไบค์ว่าตำรวจทำงานจริงจังและตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 มี.ค.นี้ กลุ่มเพื่อนบิ๊กไบค์ยังจะมีการรวมตัวกันที่บก.ภ.จว.ชลบุรี สถานที่เกิดเหตุ และที่เกาะลอย ศรีราชา เพื่อขอบคุณและขอโทษพล.ต.ต.นิติพงศ์ที่มีการตอบโต้กัน และเข้าใจผิดว่าตำรวจเข้าข้างกันเอง โดยมีกฎ 3 ข้อ คือ ห้ามเบิ้ลเครื่องเสียงดัง ต้องเคารพสถานที่ และชุมนุมอย่างสันติ
***ภรรยามึนไม่รู้จะทำอะไรต่อ
เวลา 15.30 น. นายบัณฑูรและญาตินำศพนายนเรศมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญารามหรือวัดต้นมะม่วง โดยมีนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ โดยมีเพื่อนจากบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มาร่วมพิธีด้วย
นายบัณฑูร กล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ซึ่งต้องดูความชัดเจนอีก เช่น คนยิงให้การอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นใครบ้าง และเหตุการณ์เป็นอย่างไร เพราะขณะนี้คนยิงยังไม่รับสารภาพ ซึ่งตนขอให้การสอบสวนมีความรัดกุม ถูกต้อง และเป็นธรรมที่สุดที่ทุกฝ่ายจะทำได้ เมื่อผลออกมาเป็นที่แน่ชัด ก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับศพจะสวดอภิธรรมทุกคืน วันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค.จะมีพิธีฌาปณกิจศพ แต่ทราบว่าจะมีพิธีอีก 1 ราย จึงต้องปรึกษาเจ้าอาวาสอีกครั้ง โดยหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และหลังจากเสร็จพิธีศพแล้ว เจ้าหน้าที่จะเรียกตนไปสอบปากคำอีกครั้ง
นางธัญชนก แจ่มสำเภาทอง ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ยังทำอะไรไม่ถูก มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามีเป็นเสาหลักทำงานหาเลี้ยงตน ลูก และแม่ เมื่อขาดเสาหลักไปก็ต้องมาวางแนวทางหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งตนจะต้องกลับมาเป็นเสาหลักแทน สำหรับสามีเป็นคนนิสัยดี รักครอบครัวและลูกมาก ขยันทำงาน เป็นที่รักของเพื่อนฝูง ตั้งเป้าหมายจะให้ลูกเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน เลี้ยงพ่อแม่ในภายหลัง แต่เมื่อมาเป็นเช่นนี้ อนาคตที่วางไว้ต้องเปลี่ยนแปลงไปหมดแน่นอน
จากกรณีนายนเรศ โรจน์บุญสงศรี อายุ 40 ปี ถูกปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ขณะขับรถจักรยานยนต์คาวาซากิ นินจา สีส้มดำ ทะเบียน 1 กณ 5906 ชลบุรี ผ่านด่านบริเวณสะพานห้วยเล็ก หมู่ 11 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีตำรวจ สภ.หนองขาม 4 นาย ตั้งด่านอยู่ เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 14 มี.ค.2558 จนบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 16 มี.ค.2558 โดย นพ.เฉลิมพล ชคัตตรยาพงศ์ แพทย์ศัลยกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ได้ออกใบรับรองแพทย์ว่า นายนเรศ เสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะ สมองช้ำบวมรุนแรง ขณะที่ ด.ต.สุพรรณ ชำนิจ ผบ.หมู่ป.สภ.หนองขาม ให้การว่า ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้หยุด และนายนเรศ เสียหลักล้มลงเอง
เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้ (19 มี.ค.) ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายบัณฑูรย์ และนายนพพร โรจน์บุญส่งศรี พี่ชายนายนเรศ รับศพนายนเรศส่งผ่าพิสูจน์ซ้ำ หลังจากพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้ส่งศพมาผ่าพิสูจน์ได้ โดยศพถูกนำไปกับรถกู้ภัยตราด ไปส่งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รังสิต จ.ปทุมธานี
***ฟันธงถูกยิงด้านหลังทะลุด้านหน้า
เวลา 09.30 น. ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีการพิสูจน์ศพนายนเรศ หลังใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง นพ.สุรณรงค์ ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ 2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมากว่า บาดแผลที่พบ เกิดจากกระสุนปืน โดยกระสุนปืนเข้าทางด้านหลังและออกทางด้านหน้าเป็นแนวขนาน เป็นผลให้สมองซีกซ้ายฉีกขาด มีเลือดออก ทำให้สมองบวมถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นการยิงระยะไกล และไม่พบหัวกระสุน เพราะกระสุนปืนเข้า และออก ส่วนกะโหลกที่หายไปประมาณ 9 มิลลิเมตร ยังไม่ทราบขนาดของลูกกระสุนปืน แต่วิถีกระสุนไม่ใช่การยิงจากด้านบนแน่นอน
***แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย "ดต.สุพรรณ"
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ บก.ภ.จว.ชลบุรี ที่มาสังเกตการณ์การผ่าพิสูจน์ศพในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ให้ความเป็นธรรมญาติผู้เสียชีวิตเต็มที่ การตรวจพิสูจน์ศพครั้งแรกยังไม่มีความชัดเจน แต่วันนี้เห็นบาดแผลเข้าและออกแล้วยืนยันได้ชัดเจนว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินกว่าเหตุ ซึ่งขณะนี้ ด.ต.สุพรรณถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตายแล้ว ถึงแม้จะให้การปฏิเสธ แต่จากผลชันสูตรต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และคงจะต้องให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะทำสำนวนคดีให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อส่งให้อัยการจังหวัดพัทยาส่งคำร้องต่อศาลต่อไป
"ส่วนข้อร้องเรียนว่าด.ต.สุพรรณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีการตรวจสอบพยานแวดล้อมอีกครั้ง ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ญาติผู้เสียชีวิตต้องได้รับการเยียวยาจากผู้ก่อเหตุ"
***พี่ชายยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นายบัณฑูร โรจนบุญส่งศรี อายุ 46 ปี พี่ชายคนตาย กล่าวว่า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าน้องชายเมาสุรา และพยายามขับรถแหกด่านนั้น ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เมื่อผลการผ่าพิสูจน์ศพออกมาว่าถูกกระสุนปืน ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เบื้องต้นจะขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญาราม (วัดต้นมะม่วง) ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีนางวีนัส โรจนบุญส่งศรี แม่มารับศพด้วย
ขณะที่นางวีนัสกล่าวทั้งน้ำตาว่า นายนเรศเป็นลูกคนที่ 3 มีภรรยาและมีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นคนดี รักพี่น้อง รักแม่มาก ขยันทำงาน ไม่เคยมีประวัติไม่ดี เลิกงานก็กลับมาบ้านมาหาลูก วันเกิดเหตุยังโทรศัพท์มาถามว่าจะกินอะไรไหม จะซื้อไปฝาก ซึ่งในที่เกิดเหตุปกติไม่เคยมีการตั้งด่าน แต่วันเกิดเหตุทำไมจึงมาตั้ง ตำรวจคนที่ก่อเหตุชาวบ้านในละแวกนั้นก็บอกว่าชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ
ทั้งนี้ ครอบครัวผู้ตายไม่พอใจที่หลังจากนพ.เฉลิมพลลงความเห็นว่า นายนเรศเสียชีวิตจากการถูกยิงแล้ว พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ให้สัมภาษณ์ว่าจากการสอบปากคำนายแพทย์เฉลิมพล ระบุว่าวินิจฉัยเช่นนั้น เพราะญาติระบุขณะนำส่งว่าถูกยิง ประกอบกับสมองบวมช้ำตรงกับที่ญาติแจ้ง ขณะเดียวกันด.ต.สุพรรณให้การว่า นายนเรศขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วจะพุ่ง จึงใช้อาวุธปืน 9 มม.ยิงขึ้นฟ้าในระยะ 10 เมตร ทางด้านหลังของนายนเรศเพื่อให้หยุด แต่นายนเรศเสียหลักล้มลง จึงได้สั่งย้ายด.ต.สุพรรณมาช่วยราชการที่บก.ภ.จว. โดยขาดจากต้นสังกัดแล้ว ญาติจึงตัดสินใจขอนำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
***ตั้งข้อหาขับรถประมาทดาบตำรวจเพิ่ม
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุดได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับด.ต.สุพรรณไปแล้ว ส่วนทางวินัยได้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาโดยผู้บังคับบัญชากำลังพิจารณาอยู่ ทั้งนี้ หลังจากวันเกิดเหตุเพียง 1 วัน ด.ต.สุพรรณขับรถไปชนท้ายรถยนต์ ซึ่งคาดว่าอาจจะอยู่ในอาการเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ตั้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ส่วนจะอยู่ในอาการเมาสุราด้วยหรือไม่อยู่ระหว่างการสอบสวน หากสารภาพว่าเมา จะแจ้งข้อหาขับรถในขณะมึนเมาอีกหนึ่งข้อหา ส่วนที่ไม่ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องตรวจเสีย จึงต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนแทน
"เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์มีน้อย ด่านละ 1-2 เครื่อง บางสถานีมีเครื่องเดียว ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่เบื้องต้นทราบว่าตำรวจมีหลักฐานส่งซ่อมจริง โดยอยากให้แยกแยะเรื่องยิงนายนเรศกับขับรถชนรถ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เมื่อเกิดปัญหาก็ถูกมองว่าไม่ดีไปทุกเรื่อง รวมทั้งตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถูกมองว่าช่วยเหลือกัน จึงเร่งตรวจสอบเพื่อเสนอความจริงแก่ประชาชนโดยเร็ว"
***ยันตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มบิ๊กไบค์นัดรวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรมในคดี พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตนพยายามชี้แจงว่าตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมาแล้ว แต่อาจจะไม่ทันใจ เนื่องจากเบื้องต้นสภาพบาดแผลไม่ชัดเจนว่าถูกยิง ดูด้วยตาเปล่าจะไม่แน่ใจ เพราะไม่เป็นรูกลมเหมือนถูกกระสุนปืน ซึ่งเมื่อส่งผ่าชันสูตรจะระบุได้ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร ซึ่งต้องขอความเห็นใจตำรวจ เพราะเป็นการกระทำในขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่อาจจะกินกว่าเหตุไปบ้าง
***ไม่ให้สภ.หนองขามเข้ามาเอี่ยวทำคดี
พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการทำคดีนี้โดยตรง ไม่ให้พนักงานสอบสวนสภ.หนองขาม เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากด.ต.สุพรรณเป็นตำรวจในพื้นที่มานาน เบื้องต้นตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทางวินัยสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งด.ต.สุพรรณยังให้การปฏิเสธ โดยยืนยันว่ายิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ แต่ไม่ทราบว่าปืนลั่นตอนไหนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
***กลุ่มบิ๊กไบค์นัดรวมตัวขอโทษตำรวจ
นายกิตติ์ฤทธิธรรม แสวงหาทรัพย์ อายุ 34 ปี เพื่อนผู้ตาย พยานที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นผู้ที่แชร์ข้อความเชิญชวนเพื่อนชาวบิ๊กไบค์ มาไว้อาลัยและทวงถามความเป็นธรรมให้กับนายนเรศ กล่าวว่า ถ้าตำรวจยอมรับตั้งแต่ต้น ตนและเพื่อนคงไม่มองการทำงานของตำรวจในด้านลบ จึงรวมกลุ่มมากระตุ้นตำรวจ แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสการทำงานของ พล.ต.ต.นิติพงศ์ พบว่าคดีคืบหน้า และทำอย่างตรงไปตรงมา จึงมีความสบายใจ และจะไปบอกเพื่อนชาวบิ๊กไบค์ว่าตำรวจทำงานจริงจังและตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 มี.ค.นี้ กลุ่มเพื่อนบิ๊กไบค์ยังจะมีการรวมตัวกันที่บก.ภ.จว.ชลบุรี สถานที่เกิดเหตุ และที่เกาะลอย ศรีราชา เพื่อขอบคุณและขอโทษพล.ต.ต.นิติพงศ์ที่มีการตอบโต้กัน และเข้าใจผิดว่าตำรวจเข้าข้างกันเอง โดยมีกฎ 3 ข้อ คือ ห้ามเบิ้ลเครื่องเสียงดัง ต้องเคารพสถานที่ และชุมนุมอย่างสันติ
***ภรรยามึนไม่รู้จะทำอะไรต่อ
เวลา 15.30 น. นายบัณฑูรและญาตินำศพนายนเรศมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญารามหรือวัดต้นมะม่วง โดยมีนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ โดยมีเพื่อนจากบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มาร่วมพิธีด้วย
นายบัณฑูร กล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ซึ่งต้องดูความชัดเจนอีก เช่น คนยิงให้การอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นใครบ้าง และเหตุการณ์เป็นอย่างไร เพราะขณะนี้คนยิงยังไม่รับสารภาพ ซึ่งตนขอให้การสอบสวนมีความรัดกุม ถูกต้อง และเป็นธรรมที่สุดที่ทุกฝ่ายจะทำได้ เมื่อผลออกมาเป็นที่แน่ชัด ก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับศพจะสวดอภิธรรมทุกคืน วันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค.จะมีพิธีฌาปณกิจศพ แต่ทราบว่าจะมีพิธีอีก 1 ราย จึงต้องปรึกษาเจ้าอาวาสอีกครั้ง โดยหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และหลังจากเสร็จพิธีศพแล้ว เจ้าหน้าที่จะเรียกตนไปสอบปากคำอีกครั้ง
นางธัญชนก แจ่มสำเภาทอง ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ยังทำอะไรไม่ถูก มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามีเป็นเสาหลักทำงานหาเลี้ยงตน ลูก และแม่ เมื่อขาดเสาหลักไปก็ต้องมาวางแนวทางหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งตนจะต้องกลับมาเป็นเสาหลักแทน สำหรับสามีเป็นคนนิสัยดี รักครอบครัวและลูกมาก ขยันทำงาน เป็นที่รักของเพื่อนฝูง ตั้งเป้าหมายจะให้ลูกเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน เลี้ยงพ่อแม่ในภายหลัง แต่เมื่อมาเป็นเช่นนี้ อนาคตที่วางไว้ต้องเปลี่ยนแปลงไปหมดแน่นอน
