ศูนย์ข่าวศรีราชา - ญาตินำศพ “นเรศ” กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดต้นมะม่วง ต.หนองขาม ถึงวันที่ 22 มี.ค. พี่ชายพอใจในระดับหนึ่ง แต่ผลทางคดี และผู้ต้องหายังต้องเฝ้าติดตามตลอด
จากกรณีที่ นายนเรศ โรจน์บุนส่งศรี อายุ 40 ปี ผู้เสียชีวิตปริศนาเป็นที่กังขาของญาติพี่น้องและชาวสังคมโซเซียลว่า เกิดเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์นินจาฝ่าด่านจุดตรวจสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และถูก ด.ต.สุพรรณ ชำนิจ หรือดาบยักษ์ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองขาม ที่อ้างให้การต่อตำรวจสอบสวนว่า ใช้อาวุธปืนประจำกายขนาด 9 มม.ยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้หยุด จนกระทั่งรถของ นายนเรศ เสียหลักเกิดอุบัติเหตุล้มทำให้เกิดบาดแผลปริศนาที่ศีรษะ หรือเกิดจากการถูกยิงจนเสียชีวิตกันแน่
โดยช่วงเช้านี้ (19 มี.ค.) นายบัณฑูร และนพพร โรจน์บุนส่งศรี พี่ชายของนายนเรศ ได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจาก พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้นำศพไปได้ ผลจากการผ่าพิสูจน์แพทย์ยืนยันเป็นกระสุนปืนที่เข้าด้านหลัง และทะลุด้านหน้าแน่นอน แต่ขนาดกระสุนไม่สามารถระบุได้ ไม่พบคราบเขม่าจึงระบุได้ว่าถูกยิงระยะไกล
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. นายบัณฑูร และนพพร พร้อมญาติได้นำศพนายนเรศมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเนินบุญญาราม หรือวัดต้นมะม่วง ต.หนองขาม อ.ศรีราชา เพื่อให้ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงได้เข้ารดน้ำศพ โดยมี นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง มาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มเพื่อนฝูงจากบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มารวมรดน้ำศพด้วย
นายบัณฑูร กล่าวว่า จากผลการผ่าพิสูจน์ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งว่าผลที่ออกมาคือ ถูกอาวุธปืนยิงอย่างแน่นอน ส่วนขั้นตอนในการสอบสวนนั้นขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ โดยจะต้องดูผลการสอบสวน และความชัดเจนต่างๆ เพิ่มอีก เช่น คนยิงให้การอย่างไรบ้าง ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นใครบ้าง และเหตุการณ์เป็นอย่างไร เพราะขณะนี้คนยิงยังไม่รับสารภาพ
ขณะนี้ตนขอให้การสอบสวนมีความรัดกุม ถูกต้อง และเป็นธรรมมากที่สุดที่ทุกฝ่ายจะทำได้ และเมื่อผลออกมาเป็นที่แน่ชัดก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อความยุติธรรมต่อไป
นายบัณฑูร กล่าวว่า สำหรับศพจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งนี้ และสวดอภิธรรมทุกคืน วันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค.จะมีพิธีฌาปณกิจศพ แต่ขณะนี้ทราบว่า ในวันอาทิตย์จะมีพิธีเผาศพอีก 1 ราย ซึ่งต้องปรึกษาเจ้าอาวาสอีกครั้ง แต่เบื้องต้นกำหนดเป็นวันอาทิตย์ไปก่อน มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และหลังจากเสร็จพิธีศพแล้ว เจ้าหน้าที่จะเรียกตนไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
นางธัญชนก แจ่มสำเภาทอง ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังทำอะไรไม่ถูกเลย ยังมึนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือว่าเป็นการเสียชีวิตที่เร็ว และสามีเป็นเสาหลักที่ทำงานหาเลี้ยงตน ลูก และแม่ด้วย เมื่อขาดเสาหลักไปก็ต้องมาวางแนวทางเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งตนจะต้องกลับมาเป็นเสาหลักในครั้งนี้
สำหรับนายนเรศ เป็นคนนิสัยดีรักครอบครัว และลูกมาก นอกจากนั้น ยังขยันทำงาน และเป็นที่รักของเพื่อนฝูงในที่ทำงานด้วย โดยตั้งเป้าจะให้ลูกเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน และมาเลี้ยงพ่อและแม่ในภายหลัง แต่เมื่อมาเป็นเช่นนี้อนาคตต่างๆ ที่วางไว้มีการเปลี่ยนแปลงไปหมดอย่างแน่นอน