วานนี้( 16 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายกันตภณ สุขุมาลินทร์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองชลบุรี และแกนนำกลุ่ม กปปส. จ.ชลบุรี เดินทางมายื่นหนังสือ พร้อมนำหลักฐานเป็นแผ่นซีดีคลิปเสียงการปราศรัยของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ฐานใช้และจ้างวานให้กลุ่มนปช. ก่อเหตุขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเดือน เม.ย. ปี 52 โดยมี พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. เป็นผู้รับเรื่อง
นายกันตภณ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ศาลจังหวัดพัทยาได้พิพากษาลงโทษจำเลยซึ่งเป็นแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. 15 คนไปแล้ว โดยมีโทษจำคุก 4 ปี แต่นายณัฐวุฒิ ยังไม่ถูกลงโทษ ทั้งที่มีเสียงบันทึกไว้ชัดเจนว่า นายณัฐวุฒิ เป็นผู้สั่งการ หรือผู้สนับสนุน ใช้และจ้างวานกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ให้ไปก่อเหตุ ดังนั้นจึงควรได้รับการลงโทษด้วยเช่นกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศรวมถึง จ.ชลบุรี ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนทำให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ในเมืองพัทยา และทำให้การประชุมในวันนั้นต้องล้ม เลิกไป และเลื่อนการประชุมออกไป
"เมื่อ 15 แกนนำได้รับการลงโทษแล้ว ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้สั่งการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระทำการดังกล่าว ควรถูกลงโทษเช่นกัน โดยมีเทปเสียงยืนยันการปราศรัยของ นายอริสมันต์ ที่พูดว่า นายณัฐวุฒิ ได้ให้เงินสนับสนุนจำนวน 180,000 บาท ในการก่อเหตุล้มการประชุมอาเซียนในครั้งนั้น จึงเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการใช้จ้างวานจริง ผมจึงได้นำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพล.ต.อ.สมยศ ให้ดำเนินการต่อผู้สั่งการคือ นายณัฐวุฒิ นอกจากนั้นเสียงในซีดี ยังเป็นหลักฐานยืนยันว่า นายอริสมันต์ ได้พูดต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่เวทีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ให้เงินเพื่อไปล้มการประชุมดังกล่าว พร้อมให้ไล่ล่านายอถิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขณะนั้น และมีประโยคหนึ่งถามด้วยว่า พี่กี้พอไหม" นายกันตภณ กล่าว และว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ตนจะนำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุ หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ต่อไป
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ พร้อมเตรียมเสนอให้ ผบ.ตร. พิจารณา เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
นายกันตภณ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ศาลจังหวัดพัทยาได้พิพากษาลงโทษจำเลยซึ่งเป็นแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. 15 คนไปแล้ว โดยมีโทษจำคุก 4 ปี แต่นายณัฐวุฒิ ยังไม่ถูกลงโทษ ทั้งที่มีเสียงบันทึกไว้ชัดเจนว่า นายณัฐวุฒิ เป็นผู้สั่งการ หรือผู้สนับสนุน ใช้และจ้างวานกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ให้ไปก่อเหตุ ดังนั้นจึงควรได้รับการลงโทษด้วยเช่นกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศรวมถึง จ.ชลบุรี ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนทำให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ในเมืองพัทยา และทำให้การประชุมในวันนั้นต้องล้ม เลิกไป และเลื่อนการประชุมออกไป
"เมื่อ 15 แกนนำได้รับการลงโทษแล้ว ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้สั่งการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระทำการดังกล่าว ควรถูกลงโทษเช่นกัน โดยมีเทปเสียงยืนยันการปราศรัยของ นายอริสมันต์ ที่พูดว่า นายณัฐวุฒิ ได้ให้เงินสนับสนุนจำนวน 180,000 บาท ในการก่อเหตุล้มการประชุมอาเซียนในครั้งนั้น จึงเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นการใช้จ้างวานจริง ผมจึงได้นำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพล.ต.อ.สมยศ ให้ดำเนินการต่อผู้สั่งการคือ นายณัฐวุฒิ นอกจากนั้นเสียงในซีดี ยังเป็นหลักฐานยืนยันว่า นายอริสมันต์ ได้พูดต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่เวทีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ให้เงินเพื่อไปล้มการประชุมดังกล่าว พร้อมให้ไล่ล่านายอถิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขณะนั้น และมีประโยคหนึ่งถามด้วยว่า พี่กี้พอไหม" นายกันตภณ กล่าว และว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ตนจะนำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุ หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ต่อไป
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ พร้อมเตรียมเสนอให้ ผบ.ตร. พิจารณา เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป