"หลวงปู่พุทธะอิสระ"บุกกระทรวงวัฒนธรรมยื่นหนังสือคัดค้านแต่งตั้งกรรมการ มส. 3 รูป เป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เหตุละเมิดพระธรรมวินัย และบางรูปยังมีส่วนลงมติอุ้ม "ธัมมชโย" ที่ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสังฆราช พร้อมโพสต์เฟซตั้งปริศนา แฉความฟอนเฟะของพระสงฆ์บางรูป ถาม "ประยุทธ์" ถึงเวลากำจัดอลัชชีแล้วหรือยัง ด้าน "พระมนตรี" ส่งทนายขอเลื่อนให้ปากคำกรณีรับเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ดีเอสไอนัด "สถาพร" อดีตพระวัดธรรมกาย 1 เม.ย.นี้ ให้ชี้แจงที่มาของหุ้นบริษัทเอี่ยวเงินโกงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วานนี้ (12 มี.ค.) ที่อาคารธนาลงกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ โดยมีนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้รับหนังสือ
พระพุทธะอิสระกล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้ง พระพรหมวชิรญาณ พระพรหมดิลก และพระพรหมบัณฑิต ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เพราะ 1 ใน 3 รูป ไม่ปฎิบัติตามพระธรรมวินัยและพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และยังมีส่วนลงมติในการไม่เอาผิดต่อพระธัมมชโยที่ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตด้วย
"ขณะนี้ สังคมกำลังแคลงใจต่อพฤติกรรมโอบอุ้มธัมมชโยของ มส. แต่กระทรวงวัฒนธรรมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กลับกระทำในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของสังคมด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่ปกป้องผู้ต้องอาบัติปาราชิกและละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ เข้ามาเป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ"
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนตัวของกรรมการ มส. ทั้ง 3 รูป เป็นที่น่าสงสัยคลางแคลงใจในเรื่องจริยธรรมดังหลักฐานการกระทำละเมิดพระธรรมวินัยและคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามที่แนบท้ายหนังสือที่ยื่นคัดค้านมาด้วย ซึ่งรูปหนึ่งได้ดีเพราะดูหมอ รูปหนึ่งสังคมไทยยังมีความคลางแคลงใจเรื่องความโปร่งใสในการบริหารสถาบันการศึกษา ที่มีการยื่นเรื่องไปให้ สตง. ตรวจสอบ และจะไปยื่นที่ ป.ป.ช. ด้วย อีกรูปหนึ่งก็มีปัญหาเรื่องการละเมิดพระธรรมวินัยตามเอกสารคำร้องเรียนแนบท้าย และทั้ง 3 รูป มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติด้วย จึงอยากร้องเรียนให้มีการทบทวนการแต่งตั้งนักบวชทั้ง 3 ให้มาทำหน้าที่คณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติว่าเหมาะสมหรือไม่
"ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมพระสงฆ์ในประเทศไทยมีจำนวน 3 แสนกว่ารูป หาคนดีไม่ได้แล้วหรืออย่างไร ทำไมเอาคนมีปัญหาน่ารังเกียจ สังคมสงสัยในมาตรฐานคุณธรรมมาทำหน้าที่การเผยแผ่คุณธรรม เป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ หรือระบบเล่นพรรคเล่นพวกเข้ามาครอบงำการบริหารประเทศของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จริยธรรมอันดีงามของชาติและหลักธรรมวินัยไม่สำคัญเท่ากับตัวบุคคลหรืออย่างไร จึงขอให้เปลี่ยนตัวบุคคล เอาใครก็ได้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย สังคมพุทธ พระตั้ง 3 แสนกว่ารูปไม่น่าจะมีแค่ 3 รูปเท่านั้น ต้องยกขึ้นมาเป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นต้นแบบสังคมต่อไป หาภิกษุรูปใหม่มาแทน แต่พุทธะอิสระไม่เอาอยู่แล้ว เพราะไม่ได้คิดอยากได้อะไร แต่สิ่งที่อยากเห็น คือ รัฐบาลชุดนี้ ต้องการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ต้องการความมีคุณธรรม แล้วทำไมถึงตั้งบุคคลที่มีข้อสงสัยของสังคมขึ้นมา จึงมาขอคัดค้าน”พระพุทธะอิสระกล่าว
ด้านนายอภินันท์กล่าวว่า นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ติดภารกิจต่างจังหวัด จึงได้มอบหมายให้ตนมารับหนังสือแทน ส่วนกรมการศาสนาที่ทำหน้าที่คัดเลือกคณะกรรมการชุดนี้ นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ติดภารกิจไปสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย เนปาล แต่ตนจะนำหนังสือดังกล่าวไปนำเสนอต่อรมว.วัฒนธรรมโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2558 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดย ครม. มีมติอนุมัติตามที่ วธ. เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน 10 รูป/คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระ ดังนี้ 1.พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) 2.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) 3.พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) 4.ศ.กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ 5.นายดำรง พุฒตาล 6.พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ 7.พล.อ.ศรุต นาควัชระ 8.นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว 9.นายอรุณ บุญชม 10.นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติทั้ง 10 คนนี้เป็นเข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ
โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เกี่ยวกับส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม มาวาระ 2 ปี ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ มีหน้าที่เสนอแนะและให้ความเห็นต่อ ครม. เกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เสนอแนะแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติ ครม.ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทย เสนอแผนแม่บทการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทยต่อ ครม. กำหนดมาตรการในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทย กำหนดกรอบและแนวทางในการประชุมสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ เป็นต้น
***โพสต์แฉความฟอนเฟะพระสงฆ์บางรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.2558 ที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ทิ้งปริศนาใครหว่า? และได้แฉความฟอนเฟะของพระสงฆ์บางรูปในคณะกรรมการมหาเถร โดยระบุว่า "วันนี้ ขอโยนเหยื่อก้อนใหญ่อีกสักครา เผื่อจะมีปลาตัวใดสนใจมาฮุบกิน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตนำเหยื่อออกมาโยนล่อปลากันเลยก็แล้วกัน"
ทั้งนี้ เนื้อหาในเฟซบุ๊กส่วนใหญ่เป็นการตั้งคำถามไว้ เช่น เป็นถึงเจ้าคณะภาค แต่อยากลดตนมาเป็นเจ้าคณะ มทก. , กว่าจะได้เป็นเจ้าคณะ มทก. ต้องลงทุนจัดงานวันเกิดครบรอบ 70 ปี ให้เจ้านาย ที่มียายชีช่วยแก้กรรม , การติดสินบนกว่า 10 ล้าน เพื่อให้ได้เป็นเจ้าคณะ มทก. , เอาเมียมาคุมผลประโยชน์ของวัดที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าสาม ตามด้วยคำว่า ... , มักมากในกามขนาดเมียคนขับรถก็ไม่เว้น , ชอบรีดนาทาเร้นผู้ใต้บังคับบัญชาในวัด หากอยากได้ยศต้องจ่าย , บังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องจัดงานฉลองพัดยศและต้องซื้อสังฆภัณฑ์ในร้านของเมียตนเอง , บังคับให้ทำแท้ง แล้วโยนเงินปลอบใจ 3 แสน ,วัดพุอัม เจ้าอาวาสพกปืนไปบังคับให้นักศึกษาที่ท้องกับเจ้าคณะ มทก. ทำแท้ง แล้วใช้เงินปิดปากเป็นแสน , ชอบใช้บริการของนักศึกษา โดยมีลูกศิษย์คนสนิทจัดหา , สั่งพระใต้บังคับบัญชาให้ระดมพระ ระดมคน ระดมทุน ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง , ชอบพูดให้ร้ายดูหมิ่นต่อสถาบัน , หลังจากเสร็จงานชุมนุมคนเสื้อแดง มีผลงานเข้าตานายใหญ่ เลยได้รับเงินจากนายทักษิณเป็น 10 ล้าน , ชอบรีดนาทาเร้นเอากับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อระดมทุนไปทำธุรกิจให้บรรดาเมียๆ ทั้งหลายของตน , รัฐบาลไหนอนุมัติเงินให้แก่เจ้าคระ มทก. ปีเดียว 2 ครั้ง โดยจ่ายผ่านสำนักพุทธเป็นผู้อนุมัติให้ 4 ธ.ค.2556 ได้ 5,000,000 บาท 13 ก.พ.2557 ได้ 500,000 บาท และ 19 ก.พ.2557 ได้ 7,000,000 บาท เงินทั้งหมดนี้เป็นค่าระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาชุมนุมต่อต้าน กปปส.หรือเปล่า , ใครหว่า ตอนเป็นรองเจ้าคณะภาค 1 วิ่งเข้าวิ่งออก ตีสนิท เข้าไปหาอยู่หากินกับธรรมกาย จนนำมาซึ่งการรับรองคำสอนของธรรมกายว่าถูกต้องตามธรรมตามวินัย และหากกรรมการมหาเถรสมาคมหลายคนเป็นดังว่ามานี้ แล้วใครจะกล้ายกมือไหว้ล่ะหว่า เป็นต้น
หลังจากนั้น หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้สรุปความว่า วันนี้เอาแค่นี้ล่ะจ๊ะ เพราะยิ่งเขียน ยิ่งบรรยาย ยิ่งพะอืดพะอม อยากจะอ้วก สงสารญาติโยมพุทธบริษัท ทำไมพวกเขาต้องมาซวย ที่มีนักบวชอลัชชีเช่นนี้ ได้เข้าไปนั่งในคณะกรรมการมหาเถร ที่เป็นองค์กรปกครองสูงสุดของสังฆมณฑล ถึงเวลาแล้วหรือยังคุณประยุทธ์ ที่จะแปลงร่างเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช ใช้อำนาจพิเศษที่คุณมี กำจัดอลัชชีพวกนี้ให้สิ้นซาก
"ทีนี้จะว่าอย่างไรล่ะคุณประยุทธ์ ฉันต้องขออภัยที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ แต่มันจำเป็นจริงๆ เอาไว้ตอนหน้าจะโยนเหยื่อก้อนใหญ่ มาล่อปลาตัวใหญ่อีก เพราะยังมีเหยื่อเหลืออีกเป็นเข่ง ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตะกละฮุบก็แล้วกันนะ พวกปลากระโห้ทั้งหลาย"หลวงปู่พุทธะอิสระระบุ
***"พระมนตรี"เลื่อนให้ปากคำรับเช็กโกง
พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ในฐานะหัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงกำหนดการเข้าให้ปากคำของพระมนตรี สุตาภาโส ภายหลังมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า เบื้องต้นได้รับการติดต่อจากทนายพระมนตรีขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำไปเป็นวันที่ 20 มี.ค.2558 ซึ่งทนายความของพระมนตรีอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารหลักฐานชี้แจงสาเหตุการเลื่อนนัดครั้งนี้
ส่วนกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องเป็นผู้รับเช็คจากนายศุภชัยที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นัดเข้าให้ปากคำกลุ่มแรกนั้น ได้ให้ทนายความดำเนินการขอเลื่อนเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ พร้อมขอนัดวันเข้าให้ปากคำใหม่ ประกอบด้วย พระครูปลัดวิจารย์เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 19 มี.ค.2558 พระธัมมชโย เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 26 มี.ค.2558 และพระมนตรี เลื่อนเป็นวันที่ 20 มี.ค.2558
นอกจากนี้ ดีเอสไอยังสอบปากคำกลุ่มนิติบุคคล 38 บริษัทอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 4 บริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเช็คด้วย
***ดีเอสไอเรียก"สถาพร"แจงหุ้นบริษัท
วันเดียวกันนี้ นายอเนก สมประเสริฐ ทนายความส่วนตัวของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ที่มีชื่อรับเช็คและหุ้นจากนายศุภชัย กล่าวถึงกำหนดการที่นายสถาพรจะเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ ว่า หลังจากที่ดีเอสไอนัดเข้าให้ปากคำประเด็นเรื่องหุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนและนายสถาพร ได้มาตามนัด แต่ทางดีเอสไอต้องการให้ชี้แจงเรื่องการซื้อขายอัญมณีเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมเอกสารรายละเอียดต่างๆ มาชี้แจง ทำให้ทางดีเอสไอเลื่อนการสอบปากคำและนัดอีกครั้งในวันที่ 1 เม.ย. เวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งตนและนายสถาพร จะเดินทางเข้าให้ปากคำตามนัดอย่างแน่นอนและพร้อมให้ความมือ
สำหรับประเด็นที่ต้องชี้แจงต่อดีเอสไอ ได้แก่ ที่มาของการถือหุ้นในบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่ากว่า1,100ล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และการทำธุรกิจซื้อ-ขาย อัญมณี หรือบริษัททำธุรกิจเหมืองแร่ใน ต.หนองบัว จ.นครสวรรค์
ทั้งนี้ ดีเอสไอยังต้องการให้นายสถาพร เตรียมเอกสาร ข้อมูลตั้งแต่มีการจัดตั้งบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน
"ในการจัดเตรียมข้อมูลค่อนข้างลำบาก และทางปปง. ก็ได้ประสานมาด้วยวาจาว่าขอให้ทางบริษัท เอส.ดับบลิวฯ ยุติการดำเนินทำธุรกิจชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าบริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบในขณะนี้ จึงขอความร่วมมือจนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จสิ้น แต่ยืนยันว่าธุรกิจของนายสถาพร มี บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่มีนายศุภชัย เข้ามาเกี่ยวข้อง"นายอเนกกล่าว
ด้านพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้นัดสอบปากคำนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 1เม.ย.นี้ เพื่อให้ชี้แจงที่มาของหุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ว่ามีการชำระเงินค่าหุ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการโอนหุ้นลมเท่านั้น และสอบปากคำเรื่องการลงทุนทำธุรกิจเหมืองแร่ ที่จ.นครสวรรค์ โดยนัดสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วานนี้ (12 มี.ค.) ที่อาคารธนาลงกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ โดยมีนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้รับหนังสือ
พระพุทธะอิสระกล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้ง พระพรหมวชิรญาณ พระพรหมดิลก และพระพรหมบัณฑิต ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เพราะ 1 ใน 3 รูป ไม่ปฎิบัติตามพระธรรมวินัยและพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และยังมีส่วนลงมติในการไม่เอาผิดต่อพระธัมมชโยที่ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตด้วย
"ขณะนี้ สังคมกำลังแคลงใจต่อพฤติกรรมโอบอุ้มธัมมชโยของ มส. แต่กระทรวงวัฒนธรรมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กลับกระทำในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของสังคมด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่ปกป้องผู้ต้องอาบัติปาราชิกและละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ เข้ามาเป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ"
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนตัวของกรรมการ มส. ทั้ง 3 รูป เป็นที่น่าสงสัยคลางแคลงใจในเรื่องจริยธรรมดังหลักฐานการกระทำละเมิดพระธรรมวินัยและคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามที่แนบท้ายหนังสือที่ยื่นคัดค้านมาด้วย ซึ่งรูปหนึ่งได้ดีเพราะดูหมอ รูปหนึ่งสังคมไทยยังมีความคลางแคลงใจเรื่องความโปร่งใสในการบริหารสถาบันการศึกษา ที่มีการยื่นเรื่องไปให้ สตง. ตรวจสอบ และจะไปยื่นที่ ป.ป.ช. ด้วย อีกรูปหนึ่งก็มีปัญหาเรื่องการละเมิดพระธรรมวินัยตามเอกสารคำร้องเรียนแนบท้าย และทั้ง 3 รูป มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติด้วย จึงอยากร้องเรียนให้มีการทบทวนการแต่งตั้งนักบวชทั้ง 3 ให้มาทำหน้าที่คณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติว่าเหมาะสมหรือไม่
"ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมพระสงฆ์ในประเทศไทยมีจำนวน 3 แสนกว่ารูป หาคนดีไม่ได้แล้วหรืออย่างไร ทำไมเอาคนมีปัญหาน่ารังเกียจ สังคมสงสัยในมาตรฐานคุณธรรมมาทำหน้าที่การเผยแผ่คุณธรรม เป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ หรือระบบเล่นพรรคเล่นพวกเข้ามาครอบงำการบริหารประเทศของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จริยธรรมอันดีงามของชาติและหลักธรรมวินัยไม่สำคัญเท่ากับตัวบุคคลหรืออย่างไร จึงขอให้เปลี่ยนตัวบุคคล เอาใครก็ได้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย สังคมพุทธ พระตั้ง 3 แสนกว่ารูปไม่น่าจะมีแค่ 3 รูปเท่านั้น ต้องยกขึ้นมาเป็นคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นต้นแบบสังคมต่อไป หาภิกษุรูปใหม่มาแทน แต่พุทธะอิสระไม่เอาอยู่แล้ว เพราะไม่ได้คิดอยากได้อะไร แต่สิ่งที่อยากเห็น คือ รัฐบาลชุดนี้ ต้องการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ต้องการความมีคุณธรรม แล้วทำไมถึงตั้งบุคคลที่มีข้อสงสัยของสังคมขึ้นมา จึงมาขอคัดค้าน”พระพุทธะอิสระกล่าว
ด้านนายอภินันท์กล่าวว่า นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ติดภารกิจต่างจังหวัด จึงได้มอบหมายให้ตนมารับหนังสือแทน ส่วนกรมการศาสนาที่ทำหน้าที่คัดเลือกคณะกรรมการชุดนี้ นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ติดภารกิจไปสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย เนปาล แต่ตนจะนำหนังสือดังกล่าวไปนำเสนอต่อรมว.วัฒนธรรมโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2558 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดย ครม. มีมติอนุมัติตามที่ วธ. เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน 10 รูป/คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระ ดังนี้ 1.พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) 2.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) 3.พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) 4.ศ.กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ 5.นายดำรง พุฒตาล 6.พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ 7.พล.อ.ศรุต นาควัชระ 8.นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว 9.นายอรุณ บุญชม 10.นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติทั้ง 10 คนนี้เป็นเข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ
โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เกี่ยวกับส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม มาวาระ 2 ปี ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ มีหน้าที่เสนอแนะและให้ความเห็นต่อ ครม. เกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เสนอแนะแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติ ครม.ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทย เสนอแผนแม่บทการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทยต่อ ครม. กำหนดมาตรการในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคมไทย กำหนดกรอบและแนวทางในการประชุมสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ เป็นต้น
***โพสต์แฉความฟอนเฟะพระสงฆ์บางรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.2558 ที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ทิ้งปริศนาใครหว่า? และได้แฉความฟอนเฟะของพระสงฆ์บางรูปในคณะกรรมการมหาเถร โดยระบุว่า "วันนี้ ขอโยนเหยื่อก้อนใหญ่อีกสักครา เผื่อจะมีปลาตัวใดสนใจมาฮุบกิน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตนำเหยื่อออกมาโยนล่อปลากันเลยก็แล้วกัน"
ทั้งนี้ เนื้อหาในเฟซบุ๊กส่วนใหญ่เป็นการตั้งคำถามไว้ เช่น เป็นถึงเจ้าคณะภาค แต่อยากลดตนมาเป็นเจ้าคณะ มทก. , กว่าจะได้เป็นเจ้าคณะ มทก. ต้องลงทุนจัดงานวันเกิดครบรอบ 70 ปี ให้เจ้านาย ที่มียายชีช่วยแก้กรรม , การติดสินบนกว่า 10 ล้าน เพื่อให้ได้เป็นเจ้าคณะ มทก. , เอาเมียมาคุมผลประโยชน์ของวัดที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าสาม ตามด้วยคำว่า ... , มักมากในกามขนาดเมียคนขับรถก็ไม่เว้น , ชอบรีดนาทาเร้นผู้ใต้บังคับบัญชาในวัด หากอยากได้ยศต้องจ่าย , บังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องจัดงานฉลองพัดยศและต้องซื้อสังฆภัณฑ์ในร้านของเมียตนเอง , บังคับให้ทำแท้ง แล้วโยนเงินปลอบใจ 3 แสน ,วัดพุอัม เจ้าอาวาสพกปืนไปบังคับให้นักศึกษาที่ท้องกับเจ้าคณะ มทก. ทำแท้ง แล้วใช้เงินปิดปากเป็นแสน , ชอบใช้บริการของนักศึกษา โดยมีลูกศิษย์คนสนิทจัดหา , สั่งพระใต้บังคับบัญชาให้ระดมพระ ระดมคน ระดมทุน ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง , ชอบพูดให้ร้ายดูหมิ่นต่อสถาบัน , หลังจากเสร็จงานชุมนุมคนเสื้อแดง มีผลงานเข้าตานายใหญ่ เลยได้รับเงินจากนายทักษิณเป็น 10 ล้าน , ชอบรีดนาทาเร้นเอากับผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อระดมทุนไปทำธุรกิจให้บรรดาเมียๆ ทั้งหลายของตน , รัฐบาลไหนอนุมัติเงินให้แก่เจ้าคระ มทก. ปีเดียว 2 ครั้ง โดยจ่ายผ่านสำนักพุทธเป็นผู้อนุมัติให้ 4 ธ.ค.2556 ได้ 5,000,000 บาท 13 ก.พ.2557 ได้ 500,000 บาท และ 19 ก.พ.2557 ได้ 7,000,000 บาท เงินทั้งหมดนี้เป็นค่าระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาชุมนุมต่อต้าน กปปส.หรือเปล่า , ใครหว่า ตอนเป็นรองเจ้าคณะภาค 1 วิ่งเข้าวิ่งออก ตีสนิท เข้าไปหาอยู่หากินกับธรรมกาย จนนำมาซึ่งการรับรองคำสอนของธรรมกายว่าถูกต้องตามธรรมตามวินัย และหากกรรมการมหาเถรสมาคมหลายคนเป็นดังว่ามานี้ แล้วใครจะกล้ายกมือไหว้ล่ะหว่า เป็นต้น
หลังจากนั้น หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้สรุปความว่า วันนี้เอาแค่นี้ล่ะจ๊ะ เพราะยิ่งเขียน ยิ่งบรรยาย ยิ่งพะอืดพะอม อยากจะอ้วก สงสารญาติโยมพุทธบริษัท ทำไมพวกเขาต้องมาซวย ที่มีนักบวชอลัชชีเช่นนี้ ได้เข้าไปนั่งในคณะกรรมการมหาเถร ที่เป็นองค์กรปกครองสูงสุดของสังฆมณฑล ถึงเวลาแล้วหรือยังคุณประยุทธ์ ที่จะแปลงร่างเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช ใช้อำนาจพิเศษที่คุณมี กำจัดอลัชชีพวกนี้ให้สิ้นซาก
"ทีนี้จะว่าอย่างไรล่ะคุณประยุทธ์ ฉันต้องขออภัยที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ แต่มันจำเป็นจริงๆ เอาไว้ตอนหน้าจะโยนเหยื่อก้อนใหญ่ มาล่อปลาตัวใหญ่อีก เพราะยังมีเหยื่อเหลืออีกเป็นเข่ง ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตะกละฮุบก็แล้วกันนะ พวกปลากระโห้ทั้งหลาย"หลวงปู่พุทธะอิสระระบุ
***"พระมนตรี"เลื่อนให้ปากคำรับเช็กโกง
พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ในฐานะหัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงกำหนดการเข้าให้ปากคำของพระมนตรี สุตาภาโส ภายหลังมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า เบื้องต้นได้รับการติดต่อจากทนายพระมนตรีขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำไปเป็นวันที่ 20 มี.ค.2558 ซึ่งทนายความของพระมนตรีอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารหลักฐานชี้แจงสาเหตุการเลื่อนนัดครั้งนี้
ส่วนกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องเป็นผู้รับเช็คจากนายศุภชัยที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นัดเข้าให้ปากคำกลุ่มแรกนั้น ได้ให้ทนายความดำเนินการขอเลื่อนเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ พร้อมขอนัดวันเข้าให้ปากคำใหม่ ประกอบด้วย พระครูปลัดวิจารย์เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 19 มี.ค.2558 พระธัมมชโย เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 26 มี.ค.2558 และพระมนตรี เลื่อนเป็นวันที่ 20 มี.ค.2558
นอกจากนี้ ดีเอสไอยังสอบปากคำกลุ่มนิติบุคคล 38 บริษัทอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 4 บริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเช็คด้วย
***ดีเอสไอเรียก"สถาพร"แจงหุ้นบริษัท
วันเดียวกันนี้ นายอเนก สมประเสริฐ ทนายความส่วนตัวของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ที่มีชื่อรับเช็คและหุ้นจากนายศุภชัย กล่าวถึงกำหนดการที่นายสถาพรจะเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ ว่า หลังจากที่ดีเอสไอนัดเข้าให้ปากคำประเด็นเรื่องหุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนและนายสถาพร ได้มาตามนัด แต่ทางดีเอสไอต้องการให้ชี้แจงเรื่องการซื้อขายอัญมณีเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมเอกสารรายละเอียดต่างๆ มาชี้แจง ทำให้ทางดีเอสไอเลื่อนการสอบปากคำและนัดอีกครั้งในวันที่ 1 เม.ย. เวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งตนและนายสถาพร จะเดินทางเข้าให้ปากคำตามนัดอย่างแน่นอนและพร้อมให้ความมือ
สำหรับประเด็นที่ต้องชี้แจงต่อดีเอสไอ ได้แก่ ที่มาของการถือหุ้นในบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่ากว่า1,100ล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และการทำธุรกิจซื้อ-ขาย อัญมณี หรือบริษัททำธุรกิจเหมืองแร่ใน ต.หนองบัว จ.นครสวรรค์
ทั้งนี้ ดีเอสไอยังต้องการให้นายสถาพร เตรียมเอกสาร ข้อมูลตั้งแต่มีการจัดตั้งบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน
"ในการจัดเตรียมข้อมูลค่อนข้างลำบาก และทางปปง. ก็ได้ประสานมาด้วยวาจาว่าขอให้ทางบริษัท เอส.ดับบลิวฯ ยุติการดำเนินทำธุรกิจชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าบริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบในขณะนี้ จึงขอความร่วมมือจนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จสิ้น แต่ยืนยันว่าธุรกิจของนายสถาพร มี บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่มีนายศุภชัย เข้ามาเกี่ยวข้อง"นายอเนกกล่าว
ด้านพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้นัดสอบปากคำนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 1เม.ย.นี้ เพื่อให้ชี้แจงที่มาของหุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ว่ามีการชำระเงินค่าหุ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการโอนหุ้นลมเท่านั้น และสอบปากคำเรื่องการลงทุนทำธุรกิจเหมืองแร่ ที่จ.นครสวรรค์ โดยนัดสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ