นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ตนจะไม่นำหลักฐานของดีเอสไอ มาใช้ประกอบในการชี้แจงคดีที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่ามีพฤติการณ์ส่อว่า ปฏิบัติหน้าที่มิชอบจากการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. ระหว่างวันที่ 10 เม.ย.- 24พ.ค. 53 ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะรายงานของดีเอสไอ ที่มีการส่งฟ้องในคดีก่อการร้าย มีการรวบรวมพยาน หลักฐาน อยู่ในสำนวนของอัยการที่ส่งฟ้องต่อศาลในคดีก่อการร้ายไปแล้ว เอกสารเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อการชี้แจงข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. เพื่อยืนยันให้เห็นว่า มีกลุ่มติดอาวุธ หรือชายชุดดำ แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม แต่จะไม่อ้าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีต อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นคนทำคดีนี้ ในปี 2553 เป็นพยานในคดีนี้
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ให้เหตุผลว่า หลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นายธาริตได้เปลี่ยนท่าทีด้วยเหตุผลทางการเมือง และมีการทำคดีใหม่ ตรงกันข้ามกับที่เคยดำเนินการไป ด้วยการฟ้องร้องตน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหามีความผิดฐานร่วมกันก่อ หรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำ หรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 , 83 และ 84 ซึ่งศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องไปแล้ว เนื่องจากเป็นการฟ้องผิดศาล เหมือนกับที่ตนได้พยายามทักท้วงมาโดยตลอดว่า ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ แต่เป็นอำนาจของป.ป.ช. ตามกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ แต่รายงานฉบับแรกของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนวนอัยการที่ส่งฟ้องในคดีก่อการร้าย มีพยานหลักฐานชัดเจนที่ยืนยันถึงการใช้อาวุธจากผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม ยังคงเป็นเอกสารสำคัญที่จะใช้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีที่จะมี ป.ป.ช. จำนวน 5 คน พ้นวาระ จะมีผลทำให้คดีต้องสะดุดหยุดลงหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ป.ป.ช. ต้องพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ซึ่งดูแลคดีนี้มาตั้งแต่ต้น จะครบวาระในเดือน ก.ย.58 ก็ยังเชื่อว่าน่าจะพยายามทำให้เสร็จก่อนที่จะพ้นวาระ เนื่องจากเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ให้เหตุผลว่า หลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นายธาริตได้เปลี่ยนท่าทีด้วยเหตุผลทางการเมือง และมีการทำคดีใหม่ ตรงกันข้ามกับที่เคยดำเนินการไป ด้วยการฟ้องร้องตน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหามีความผิดฐานร่วมกันก่อ หรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำ หรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 , 83 และ 84 ซึ่งศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องไปแล้ว เนื่องจากเป็นการฟ้องผิดศาล เหมือนกับที่ตนได้พยายามทักท้วงมาโดยตลอดว่า ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ แต่เป็นอำนาจของป.ป.ช. ตามกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ แต่รายงานฉบับแรกของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนวนอัยการที่ส่งฟ้องในคดีก่อการร้าย มีพยานหลักฐานชัดเจนที่ยืนยันถึงการใช้อาวุธจากผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม ยังคงเป็นเอกสารสำคัญที่จะใช้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีที่จะมี ป.ป.ช. จำนวน 5 คน พ้นวาระ จะมีผลทำให้คดีต้องสะดุดหยุดลงหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ป.ป.ช. ต้องพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ซึ่งดูแลคดีนี้มาตั้งแต่ต้น จะครบวาระในเดือน ก.ย.58 ก็ยังเชื่อว่าน่าจะพยายามทำให้เสร็จก่อนที่จะพ้นวาระ เนื่องจากเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ