ASTV ผู้จัดการรายวัน-ตำรวจยันทหารควบคุมผู้ต้องหาปาระเบิดศาลไว้แล้ว 7 ราย เร่งตามจับอีก 2 ราย แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เผยมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดก่อนหน้านี้ทั้งหมด 4 คดี ส่วน 2 นายพลที่มีชื่อจากคำให้การของผู้ต้องหา ยังไม่มีการเชิญตัวมาพูดคุย เพราะหลักฐานยังไม่มีความชัดเจน ย้ำจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด หากขัดขืนหรือยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับไปแล้ว 9 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาให้ไว้แล้วบางส่วน ประมาณ 6-7 คน ตนไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ คาดว่าภายในวันที่ 13มี.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวผู้ต้องหามาส่งมอบที่บช.น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนและดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขั้นตอนการสอบสวน ขณะนี้สามารถขยายผลไปถึงใครบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทางตำรวจยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพราะทางเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่ส่งหลักฐานมาให้ หากการสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาให้การว่าเกี่ยวข้องกับใคร ก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพราะระเบิดอาร์จีดี 5 ล็อตนัมเบอร์ 57 มีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นในปี 2557 ทั้งหมด 4 คดี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้ ให้การอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังไม่ได้นำตัวมาสอบปากคำอย่างเป็นทางการ ในทางปฏิบัติก็รับข้อมูลจากกองทัพเพื่อไปดำเนินการขอศาลออกหมายจับ ส่วน 2 นายพลที่มีชื่อจากคำให้การของผู้ต้องหา ยังไม่มีการเชิญตัวมาพูดคุย เพราะหลักฐานยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับเรื่องการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของผู้ต้องหาในคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญาและคดีที่เคยเกิดขึ้นเพื่อหาความเชื่อมโยงนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า 3 คดีที่เคยเกิดขึ้น มีผู้ต้องหาที่รับสารภาพและคดีอยู่ในชั้นศาล และทั้งหมดเป็นเครือข่ายเดียวกัน เพราะระเบิดอาร์จีดี 5 ล็อตนัมเบอร์ 57 ไม่มีใช้ในราชการตำรวจ ทหาร ประเทศไทย ซึ่งเป็นอาวุธที่ผลิตในประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ได้มุ่งประเด็นการระเบิดในครั้งนี้ว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อหวังผลทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ทางทหารและตำรวจได้มีการวางกำลัง โดยจะมีการเฝ้าสังเกตการณ์ หากมีการลงมือก่อเหตุ ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที ส่วนเรื่องแผนป้องกันในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ แหล่งชุมชน พื้นที่สุ่มเสี่ยง หรือพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ โดยขอยืนยันว่าหากผู้ต้องหามีการขัดขืนเจ้าหน้าที่หรือยิงต่อสู้ ก็ต้องถูกมาตรการขั้นเด็ดขาด
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับไปแล้ว 9 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาให้ไว้แล้วบางส่วน ประมาณ 6-7 คน ตนไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ คาดว่าภายในวันที่ 13มี.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวผู้ต้องหามาส่งมอบที่บช.น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนและดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขั้นตอนการสอบสวน ขณะนี้สามารถขยายผลไปถึงใครบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทางตำรวจยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพราะทางเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่ส่งหลักฐานมาให้ หากการสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาให้การว่าเกี่ยวข้องกับใคร ก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพราะระเบิดอาร์จีดี 5 ล็อตนัมเบอร์ 57 มีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นในปี 2557 ทั้งหมด 4 คดี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้ ให้การอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังไม่ได้นำตัวมาสอบปากคำอย่างเป็นทางการ ในทางปฏิบัติก็รับข้อมูลจากกองทัพเพื่อไปดำเนินการขอศาลออกหมายจับ ส่วน 2 นายพลที่มีชื่อจากคำให้การของผู้ต้องหา ยังไม่มีการเชิญตัวมาพูดคุย เพราะหลักฐานยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับเรื่องการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของผู้ต้องหาในคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญาและคดีที่เคยเกิดขึ้นเพื่อหาความเชื่อมโยงนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า 3 คดีที่เคยเกิดขึ้น มีผู้ต้องหาที่รับสารภาพและคดีอยู่ในชั้นศาล และทั้งหมดเป็นเครือข่ายเดียวกัน เพราะระเบิดอาร์จีดี 5 ล็อตนัมเบอร์ 57 ไม่มีใช้ในราชการตำรวจ ทหาร ประเทศไทย ซึ่งเป็นอาวุธที่ผลิตในประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ได้มุ่งประเด็นการระเบิดในครั้งนี้ว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อหวังผลทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ทางทหารและตำรวจได้มีการวางกำลัง โดยจะมีการเฝ้าสังเกตการณ์ หากมีการลงมือก่อเหตุ ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที ส่วนเรื่องแผนป้องกันในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ แหล่งชุมชน พื้นที่สุ่มเสี่ยง หรือพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ โดยขอยืนยันว่าหากผู้ต้องหามีการขัดขืนเจ้าหน้าที่หรือยิงต่อสู้ ก็ต้องถูกมาตรการขั้นเด็ดขาด