xs
xsm
sm
md
lg

หมอห่วงพริตตี้ ป่วยโรคหนังแข็ง รีบรักษา-บัตรทองได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"เอ็มซีพริตตี้"ชื่อดังสงขลา เผยชีวิตพลิกผันหลังป่วยเป็นโรคหนังแข็งที่พบ 1 ใน 5 แสนคน หมดสิทธิรับงานหาเงินดูแลยาย-ลูก 3 คน บ้าน-รถกำลังจะถูกยึด เหตุขาดส่งหลายเดือน ลูกคนโตจบม. 3 ยังไม่ได้ใบรับรองผลเพราะค้างค่าเทอมอยู่ วอนผู้ใจบุญช่วยดูแลการเรียนลูกและรักษาตัวไม่ให้ทรุดไปกว่านี้ จะได้มีแรงทำงานเลี้ยงครอบครัว แพทย์ผิวหนังเตือนไม่รักษายิ่งอันตราย ห่วงเลามถึงถึงหัวใจ-ไตเสี่ยงเสียชีวิตได้ สายด่วนสปสช.เผยสิทธิบัตรทองครอบคลุมโรคนี้

วานนี้(9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 902/188 หมู่บ้านประกายทอง หมู่ 2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพบกับน.ส.สุภาภร หรือจอย ชุมทอง อายุ 33 ปี เอ็มซีพริตตี้ชื่อดัง ซึ่งโพสต์เรื่องอาการป่วยด้วย"โรคหนังแข็ง" ผ่านยูทูปและมีการแชร์ต่อกันไปจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่รู็สึกสงสารในชะตากรรมของน.ส.สุภาภร และแนะนำวิธีการดูแลรักษาตัว เพราะก่อนหน้าที่จะล้มป่วยนั้น น.ส.สุภาภรเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี รับงานทั้งในจ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียง รายได้เดือนละ 4-5 หมื่นบาท แต่ชีวิตกลับพลิกผันหลังป่วยเป็นโรคซึ่งพบ 1 ใน 5 แสนคนจนไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้ขาดรายได้ต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน รถยนต์และบ้านกำลังจะถูกยึด ขณะที่อาการทรุดลง เพราะไม่มีเงินรักษาตัว

น.ส.สุภาภร เปิดเผยว่า ป่วยเป็นโรคหนังแข็งมา 7 ปี ขณะนี้อาการเริ่มทรุดลง มือทั้งสองข้างเริ่มชาเหมือนแช่อยู่ในน้ำแข็ง หยิบจับอะไรไม่ได้ ปากเล็กลงจนอ้าปากและพูดลำบาก ริมฝีปากด้านบนหดตัว และมีอาการไอหากพูดมาก ที่คอมีรอยด่าง ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากภูมิคุ้มกับกพร่อง และรักษาไม่หาย ขณะนี้ทำได้เพียงกินยาต้มสมุนไพร เนื่องจากไม่มีเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งต้องหาหมอทุก 15 วัน ครั้งละเกือบ 2 หมื่นบาท แต่รายได้ไม่พอจึงขาดการรักษามา 6 เดือนแล้ว และจากความเครียดทำให้อาการแย่ลง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง จะทำลุกลามไปยังอวัยวะทั้งภายนอกและภายใน สุดท้ายก็จะขยับตัวไม่ได้ ต้องนอนแน่นิ่ง ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลพบว่าบางรายเสียชีวิตภายใน 2 ปี

"ต้องเลิกอาชีพเอ็มซีพริตตี้มากว่า 5 ปี แต่ระหว่างนั้นพอมีรายได้จากการเป็นดีเจตามสถานีวิทยุ แต่ต้องมาหยุดงานทั้งหมดเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเริ่มมีปัญหาเรื่องการพูด ส่งผลให้ไม่มีรายได้ทั้งรักษาตัวและเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งมีลูก 3 คนและยาย 1 คน เพราะแยกทางกับสามีตอนที่ยังท้องลูกสาวคนเล็กได้เพียง 3 เดือน บ้านและรถก็กำลังจะถูกยึด เพราะขาดส่งมาหลายเดือน ต้องเจรจาขอยืดเวลากับธนาคารไปก่อน

น.ส.สุภาภร กล่าวว่า เข้าสู่งวงการเอ็มซีพริตตี้ตั้งแต่อายุ 22 ปีจนถึง 26 ปี รายได้ต่อเดือน 4-5 หมื่นบาท แต่หลังจากป่วย ต้องเลิกอาชีพ ปัจจุบันพยายามขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตของบริษัทต่างๆ พอมีรายได้วันละ100-200 บาท แต่ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในบ้านซึ่งตกวันละประมาณ700 บาท ที่เป็นห่วงมากที่สุดขณะนี้ คือ อนาคตของลูกทั้งสามคน คนโต คือ นายพุฒิพงศ์ อินทสุวรรณ อายุ 15 ปี จบชั้น ม. 3 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา และยังค้างค่าเทอมอยู่ หากไม่จ่ายก็ไม่ได้รับใบรับรองผลการศึกษา ซึ่งกำลังเตรียมสอบเข้าวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ส่วน ด.ช.อ๋อง อินทสุวรรณ อายุ 12 ปี จะขึ้นป. 6 โรงเรียนเทศบาล 2 ส่วนด.ญ.ปวีชยาออน ชุมทอง อายุขวบครึ่ง กำลังกินกำลังนอน

"ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดขณะนี้ คือ การเรียนของลูกทั้งสามคน และรักษาตัวเพื่อไม่ให้ทรุดหนักไปกว่านี้ มีแรงที่จะทำงานเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะทราบดีว่าโรคนี้รักษาไม่หาย แต่หากดูแลตัวเองดีๆ และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องก็จะอยู่ได้ ใครที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวหรือสอบถามอาการ ก็ติดต่อได้ที่โทร. 088-399-1800"

ด้านนพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรคหนังแข็งเป็นกลุ่มโรคภูมิแพ้ตัวเองชนิดหนึ่ง มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งผิวหนัง ทางเดินอาหาร หัวใจ ไต เป็นต้น หากเป็นที่ผิวหนังจะส่งผลให้คอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวนุ่มหยุ่น เปลี่ยนเป็นหดแข็ง ผิวหนังจึงแข็ง เมื่ออาการแสดงที่รอบปากทำให้ปากแคบลง แสดงอาการที่ปลายนิ้วก็ทำให้นิ้วหดรัด ขยับยาก โดยโรคนี้ความรุนแรงหลายระดับ ซึ่งระดับรุนแรงอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร ก็จะทำให้ย่อยยาก เกิดกับไตอาจทำให้ไตทำงานเสื่อมลง เกิดที่หัวใจก็จะทำให้มีอาการเหมือนคนเป็นโรคหัวใจแทรกซ้อน สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่ามีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งยีนและสิ่งแวดล้อม ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ การทำงานของเซลล์ผิดปกติ อัตราการพบผู้ป่วยยังไม่แน่ชัด แต่เป็นอีกโรคที่พบเจอได้บ่อย และพบมากทางภาคอีสาน

ผู้สื่อข่าวสอบถามสิทธิการรักษาโรคหนังแข็ง จากสายด่วนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 1330 ทราบว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองครอบคลุมการรักษาโรคดังกล่าว แต่ที่ผู้ป่วยบอกว่าไม่มีเงินนั้น ต้องทราบข้อมูลของผู้ป่วยก่อนว่าเป็นอย่างไร ใช้สิทธิได้หรือไม่ แผนการรักษาเป็นอย่างไร เพราะหากเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติหรือยาบัญชี จ. 2 สิทธิจะครอบคุลมอยู่แล้ว หากต้องใช้ยานอกบัญชีเป็นยาอะไร หากแพทย์พิจารณาว่าต้องใช้ยานอกบัญชีจริง ก็ไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น