ผบ.ตร.ชี้เหตุปาบึ้มศาลอาญา รัชดา ฝีมือกลุ่มจงใจสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง เร่งตำรวจร่วมกับทหาร สอบสวน ขยายผลใครมีเอี่ยว-สนับสนุน ทหารควบคุมมือปาระเบิดใส่ศาลอาญาไว้แล้ว 2 ราย รับสารภาพมีผู้จ้างวาน "บิ๊กตู่" วอนสังคมให้เวลาเจ้าหน้าที่ "วินธัย" เผยมีความเคลื่อนไหวมาระยะหนึ่ง ส่งทีมประกบจนก่อเหตุ ด้าน นปช.ร้อนตัว ปัดเอี่ยวปาบึ้ม โบ้ยผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ เพราะไม่พอใจรัฐบาล ล่าสุดมือบึ้มสารภาพรับจ้างจากเสื้อแดง แถมวางแผนบึ้ม กทม.อีก 100จุด
วานนี้ (8 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณลานจอดรถศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าได้รับรายงานเหตุการณ์ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ว่ามีคนร้าย 2 คน ใช้ระเบิดชนิด RGD 5 ระเบิดชนิดเดียวกันกับที่มีการนำมาใช้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ และสร้างความรุนแรงในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ขว้างเข้าไปที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก และได้ใช้อาวุธยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จนได้รับบาดเจ็บ แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่ต้องการก่อความไม่สงบ และความรุนแรงภายในประเทศอยู่
ทั้งนี้ ตามนโยบายของคสช. และรัฐบาลพร้อมทั้งตน ได้สั่งการให้ฝ่ายปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยร่วมกับทหารให้ปฏิบัติหน้าที่แบบเข้มข้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะได้นำมาซึ่งความมั่นใจและความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน
สำหรับสาเหตุการก่อความรุนแรงในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ กำลังอยู่ระหว่างร่วมกันทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง และขยายผลว่า มีผู้ใดเกี่ยวข้องให้การสนับสนุน และถ้าปรากฏหลักฐานมีผู้เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะนำมาแจ้งให้พี่น้องประชาชนได้ทราบต่อไป
"คสช.และรัฐบาล ได้มองเห็นความสำคัญของการก่อความไม่สงบ ก่อเหตุรุนแรง และการสร้างสถานการณ์ ทั้งสาเหตุและปัจจัยจากภายนอกประเทศ จากภายในประเทศ อันเกิดจากความขัดแย้งทางความคิดและการเมือง จึงมีนโยบายอย่างชัดเจน ที่จะให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด มีการประสานการทำงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวซึ่งและกันอยู่ตลอดเวลา" ผบ.ตร.กล่าว และว่า นอกจากนี้ยังมีการผสานกำลังกันทำงานร่วมกันโดยจัดเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังในจุดที่สำคัญๆ เช่น สถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ ศูนย์การค้า สถานีขนส่ง สถานีถไฟ สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่เชิงสัญลักษณ์ ตลอดจนจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีก่อเหตุรุนแรงใดๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความอุ่นใจตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่ต่างประเทศและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
**"บิ๊กตู่" วอนอย่าเร่งรัดการทำงาน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับรายงานเรื่องคนร้ายก่อเหตุ ปาระเบิดบริเวณลาดจอดรถยนต์หน้าศาลอาญารัชดาแล้ว โดยทางตำรวจมีข้อมูลทั้งพยานหลักฐานค่อนข้างมาก ซึ่งต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบหลัก ที่จะแถลงข่าวความคืบหน้าว่า เหตุดังกล่าวมาจากกลุ่มคนใดอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้สังคม อย่าเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานความมั่นคง แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการพิสูจน์พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้ตำรวจดำเนินการทางคดีอย่างเต็มที่ ในส่วนของรัฐบาลยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ในขณะนี้
"การที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้แทบจะทันทีหลังก่อเหตุ เป็นบทเรียนจากเหตุลอบวางระเบิด ที่ทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ที่มีภาพผู้ก่อเหตุค่อนข้างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ หลังจากเกิดดหตุที่สยาม นายกฯได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการดำเนินการใช้อำนาจที่มีอยู่ ในการวางมาตรการป้องกันการก่อเหตุอย่างรัดกุม การที่สามารถจับกุมคนร้ายได้รวดเร็วในครั้งนี้ แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตอบสนองคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการวางมาตรการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี" พล.ต.สรรเสริญ ระบุ
** เผย จนท.เกาะติดกลุ่มป่วน
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษก คสช. กล่าวว่า จากการปฏิบัติงานด้านการข่าวในช่วงที่ผ่านมา พบว่ายังมีความพยายามจากผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายอยู่บ้าง ทาง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้รับทราบข้อมูลและติดตามมาตลอด ด้วยเป็นไปตามนโยบายของคสช. ที่ไม่ยอมให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกันในทางสังคม ไม่ว่าจะต่อบุคคล หรือสถานที่ก็ตาม โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง ผบ.ทบ. จึงได้มีการกำชับให้หน่วยต่างๆ เฝ้าสังเกต และติดตามความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบมาตลอด รวมทั้งให้มีการประสานงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวที่เป็นประโยชน์อย่างใกล้ชิด ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง เพื่อเสริมให้งานการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีผลไปถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นเหตุปาระเบิดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทันที ภายหลังการก่อเหตุ จำนวน 2 คน เพราะได้รับข้อมูลการข่าวด้านความมั่นคงที่รวบรวมได้จากหน่วยราชการและจากประชาชนมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย และได้มีการจัดชุดสะกดรอยเฝ้าสังเกตติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยได้มาก่อเหตุที่ศาลอาญา ทันทีหลังจากก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ที่ติดตามสะกดรอยอยู่ ได้ขับรถพุ่งชนรถจักรยานยนต์ผู้ก่อเหตุทั้งสองจนล้ม จากนั้นมีการขัดขืนและพยายามหลบนี้ จนเกิดการปะทะกันเล็กน้อย ที่สุดสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้ง 2 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่าง การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อจะดำเนินการขั้นตอนการสอบสวนขยายผลต่อไป
"ถือเป็นการกระทำที่จงใจก่อความไม่สงบ ที่สำคัญมีการเตรียมการและวางแผนมาล่วงหน้า ลักษณะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ข่มขู่คุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน หวังให้เกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อหตุร้ายครั้งนี้ทั้งหมด มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ในทางคดีเป็นการทำงานร่วมกันของ เจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล ที่พร้อมดูแลและป้องกันมิให้กลุ่มใดฝ่ายใดกระทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบ โดยเด็ดขาด" พ.อ.วินธัย กล่าว
ด้าน พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ได้ประชุมฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้มีการทำงานแบบบูรณาการ โดยกำชับให้มีการเพิ่มระดับความเข้มข้นด้านการข่าวมากขึ้น รวมถึงสั่งการ ให้วางมาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ พร้อมสั่งให้ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างในจุดเปลี่ยว เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรรมและการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงด้วย ขอให้ประชาชนสอดส่องดูแลความปลอดภัยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ส่วนเหตุระเบิดหน้าศาลอาญารัชดานั้น พ.อ.คงชีพ กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหม ขอประณามผู้ก่อเหตุดังกล่าวว่า เป็นผู้ทำลายชาติที่ขณะนี้ประเทศกำลังเดินหน้า ทั้งการปฏิรูป รวมถึงความเชื่อมั่น ด้านเศรษฐกิจที่กำลังมีภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
**นปช.ร้อนตัวปัดเอี่ยวปาบึ้มศาล
น.พ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงกรณีที่ผู้ไม่หวังดีปาระเบิดใส่ศาลที่รัชดาฯ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี เพราะตอนนี้ตนมองว่ารัฐบาลปัจจุบันก็มีปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาการปฏิรูปวงการสงฆ์ หรือแม้กระทั้งการคงไว้ของกฎอัยการศึก อาจจะมีบางฝ่ายไม่พอใจก็เป็นได้ ส่วนจะมีการเชื่อโยงที่แกนนำ นปช.ไม่ได้รับการประกันตัวที่ศาลพัทยา หรือไม่ เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้อง เพราะเรื่องก็เกิดมาตั้งหลายวันแล้ว และ ตอนนี้ทางแกนนำ นปช. ได้รับการประกันตัวออกมาหมดแล้ว
" เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าย นปช.แน่นอน เพราะหากจะมีการเคลื่อนไหวคงเคลื่อนไหวไปนานแล้ว และตนมองว่า ต่อไปคงเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะมีการสืบหานำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป ตอนนี้ก็ทราบว่าจับคนร้ายได้ 2 รายแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งไม่สมควรทำ เพราะจะทำไปทำไมศาล ไม่มีประโยชน์อะไรในการปาระเบิดใส่ศาล" น.พ.เชิดชัย กล่าว
***มือบึ้มสารภาพรับจ้างเสื้อแดงบึ้ม กทม.100จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย และอดีตแกนนำ กปปส. โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจชื่อ "สุริยะใส กตะศิลา" ระบุว่า นายยุทธยา เย็นภิญโญ 1 ในผู้ต้องหาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดา สารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่า รับจ้างกลุ่มคนเสื้อแดงมาก่อเหตุ โดยมีการวางแผนและเตรียมการทุกอย่างผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก "ระบบไลน์" และระบุด้วยว่า จะเตรียมก่อเหตุครั้งใหญ่ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ โดยเตรียมวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 100 จุด
โดยข้อความที่นายสุริยะใสโพสต์ลงเฟซบุ๊กมีดังนี้
โอหละพ่อ! ระเบิดหน้าศาล ฝืมือคนเสื้อแดง
ด่วน! นายยุทธนา เย็นภิญโญ 1 ใน 2 คนร้ายปาระเบิดหน้าศาลรัชดา สารภาพกับ จนท.ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจ้างวาน และยอมรับว่ามีการวางแผนเตรียมการผ่านไลน์ และยังบอกอีกว่าจะเตรียมก่อเหตุครั้งใหญ่ 15 มี.ค.โดยเตรียมวางระเบิด กทม.อย่างน้อย 100 จุด
งานนี้ชาวเน็ตขุดตแคุ้ยภาพนายยุทธนา เย็นภิญโญ ต้องบอกว่าสาวกทักษิณตัวเอ้
หวังว่าคงไม่มีไครมาโบ๊ยหรือปัดว่าเป็น "แดงปลอม" อีกนะ ถึงจะบ่ายเบี่ยงยังไงก็ตามที ข่าวว่าเจ้าหน้าที่รู้กลุ่มก่อเหตุกลุ่มนี้โดยดูการสนทนาจากกลุ่มไลน์และคำสารภาพของมือปาระเบิด แล้ว
งานนี้มีหมายจับอีกอื้อ...